บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หรือ SHR จากการที่ SHRขาดทุนสุทธิ 72 ล้านบาทใน 2Q67 (ดีขึ้น YoY แต่แย่ลงQoQ) ขณะที่ผลขาดทุนปกติอยู่ที่ 84 ล้านบาท (ดีขึ้น YoYแต่แย่ลง QoQ) ซึ่งส่วนต่างของผลขาดทุนสุทธิและผลขาดทุนปกติมาจากกำไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว 12 ล้านบาทจากการขายโรงแรม Mercure Wetherby ในอังกฤษ โดยสรุปแล้ว ผลขาดทุนปกติใน 2Q67 ออกมาใกล้เคียงกับประมาณการของเราที่ 85 ล้านบาท แต่แย่กว่า consensus ที่คาดไว้ที่ 80 ล้านบาท ผลการดำเนินงานของโรงแรมในฟิจิใน 2Q67 ออกมาดีเป็นพิเศษ โดย occupancy rate สูงถึง85% และอัตราค่าห้องพักรายวันเฉลี่ย (ADR) เพิ่มขึ้นถึง26% YoY นอกจากนี้ โรงแรมสามแห่งที่บริหารเองในประเทศไทยที่เกาะสมุย และเกาะพีพียังรักษาระดับoccupancy rate ไว้ได้ที่ 71% แม้จะเข้าสู่ช่วง off-peak ของการท่องเที่ยวแล้วก็ตาม ซึ่งมีส่วนช่วยบรรเทาผลกระทบจากการปิดปรับปรุงห้องพัก 173 ห้องที่โรงแรม SAiiLaguna Phuket ตั้งแต่กลางเดือนเมษายน ดังนั้น รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ของพอร์ตโรงแรมทั้งหมดของบริษัทจึงเพิ่มขึ้น 11% YoY เป็น 4,174 บาท

เรายังคงมองว่าผลการดำเนินงานใน 2Q67 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้วของ SHR และน่าจะพลิกเป็นกำไรได้ในงวด 2H67F สำหรับในระยะต่อไป เราคิดว่าผลการดำเนินงานของโรงแรมในฟิจิน่าจะดีขึ้น QoQ เพราะเป็นช่วง peak ตามฤดูกาล ขณะที่คาดว่า occupancy ของโรงแรมในมอริเชียสน่าจะเพิ่มเป็น 70-80% ใน 2H67F (จาก 50% ใน 2Q67) นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของโรงแรมในมัลดีฟส์ และ อังกฤษก็น่าจะดีขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ผลการดำเนินงานของโรงแรมในประเทศไทยน่าจะทรงตัว QoQ ใน 3Q67F ก่อนที่จะดีขึ้นใน 4Q67F ทั้งนี้ โรงแรม SAii Laguna Phuket กำหนดจะปรับปรุงเสร็จในเดือนธันวาคม 2567

เราจะพิจารณาทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมายของ SHR ใหม่อีกครั้ง ดังนั้น เรายังไม่ให้คำแนะนำการลงทุนในขณะนี้

ปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง และ อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น

ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)