บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัท  เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็สหรือ JMTกำไรสุทธิของ JMT ใน 1Q68 อยู่ที่ 330 ล้านบาท ลดลง (-18% QoQ,  21% YoY) ต่ำกว่า consensus  5% และ ต่ำกว่าประมาณการของเรา 18% เนื่องจากมาร์จิ้นลดลง และ ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรอง

( ECL expense) เพิ่มขึ้นมาก โดยกำไรที่ลดลง QoQ เป็นเพราะค่าใช้จ่าย ECL เพิ่มมากถึง >180% ส่วนกำไรที่ลดลง YoY เป็นเพราะรายได้ และ มาร์จิ้นลดลง ทั้งนี้ กำไรใน 1Q68 คิดเป็น 23% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา (หลังปรับประมาณการใหม่แล้ว)

ยอดเก็บเงินสดของ JMT อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท (-6% QoQ แต่ +4%YoY) โดยยอดเก็บเงินสดของ JK AMC ลดลงเล็กน้อย 3% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 27% YoY ในขณะที่ยอดเก็บเงินสดของพอร์ต JMT ลดลงถึง 8% QoQ และ 7% YoY ทั้งนี้ เนื่องจากยอดเก็บเงินสดที่ต่ำเกินคาดเป็นส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่าย ECL ดังนั้น ยอดเก็บเงินสดที่ชะลอตัวของพอร์ต JMT จึงทำให้ค่าใช้จ่าย ECL พุ่งสูงขึ้นถึง 187% QoQ แต่ลดลง 7% YoY

นอกจากยอดเก็บเงินสด และ กำไรจะชะลอตัวใน 1Q68 แล้ว บริษัทยังมองว่ามีแนวโน้มจะชะลอตัวลงต่อเนื่องใน 2Q68 เนื่องจาก 1.) ภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ 2.) มาร์จิ้นลดลงจากการให้ราคาที่มีส่วนลดเพื่อขายโละ NPA ออกไป 3.) เพิ่มค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายเพื่อเร่งยอดเก็บเงินสด และ เพื่อลดค่าใช้จ่าย ECL ใน 2H68F

เราคาดว่าผลประกอบการของ JMT จะยังไม่ฟื้นในระยะสั้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนจะทำให้เพิ่มยอดเก็บเงินสดได้ลำบาก นอกจากนี้ ความพยายามเพิ่มกำไรสุทธิจะบีบให้บริษัทยอมสละมาร์จิ้น ดังนั้น เราจึงปรับสมมติฐานสำคัญดังนี้ 1.) เพิ่มสัดส่วนต้นทุนบริการ/รายได้ปี 2568F/2569F เป็น 35%/33% (จากเดิม 33.5%/33%) 2.) ลดส่วนแบ่งกำไร (จาก JK AMC) เป็น 371 ล้านบาท/352 ล้านบาท (จากเดิม 457 ล้านบาท/434 ล้านบาท) และ 3.) เพิ่มต้นทุนการเงินเป็น 520 ล้านบาท/520 ล้านบาท (จากเดิม 490 ล้านบาท/460 ล้านบาท) นอกจากนี้ เรายัง de-rate PE เป็น 10x (จาก 15x) ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2568F ใหม่ที่ 10.0 บาท (จาก 16.5 บาท) และ ปรับลดคำแนะนำจากถือเป็นขาย

ปัจจัยเสี่ยงจากยอดเก็บเงินสดต่ำกว่าเป้า, ECL เพิ่มขึ้นจากการที่เก็บเงินสดได้ต่ำกว่าเป้า, ค่าใช้จ่ายพิเศษด้านกฎหมาย

ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)