“ธุรกิจนิคมฯในไทยยังแข็งแกร่ง”
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่นหรือWHA ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม (IE) ในไทยแข็งแกร่ง ยอดขายที่ดินและยอดโอนที่ดิน 1Q68 แข็งแกร่งด้วย GPM สูงถึง 64% ซึ่ง 99% ของทั้งหมดมาจากไทยโดยราคาขายที่ดิน +5 ล้านบาท/ไร่ ยอดขายที่ดินที่เป็นไปได้ที่จะลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) เพิ่มเป็น 1.311 พันไร่ (จาก 716 ไร่ ณ สิ้นปี 2567) คิดเป็นมูลค่า 7.2 พันล้านบาท ยอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (backlog) ณ สิ้น 1Q68 ยังทรงตัว QoQ ที่ 1.538 พันไร่หรือ 7.8 พันล้านบาท ซึ่งกำหนดโอนและรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ สำหรับธุรกิจ IE ในเวียดนามชะลอลงจากลูกค้ารอดูสถานการณ์สงครามการค้า แต่WHA ยังคงเป้ายอดขายที่ดินปี 2568F ที่ 2.350 พันไร่ (-8% YoY) แต่การที่สัดส่วนยอดขายจากไทยมากขึ้นจะส่งผลให้รายได้ดีขึ้นและมี margin สูงขึ้น ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ที่รวมการให้เช่าโรงงานและคลังสินค้ามีรายได้ 1Q68 เพิ่มขึ้น 22% YoY ผลจากมีพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้น
ธุรกิจ Non-IE ยังไม่น่าตื่นเต้น โดยรายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภค (utilities) ชะลอลงจากปริมาณการใช้น้ำของอุตสาหกรรมไทยลดลง แต่หน่วยงานในเวียดนามยังเติบโต YoY เป็นเลขสองหลักต้น ๆ ได้ ส่วนธุรกิจไฟฟ้าก็ซบเซาเช่นกันผลจากโรงไฟฟ้า IPP Gheco One ขาดทุนและรายได้โรงไฟฟ้า SPP ลดลง ด้านธุรกิจ Mobilix (1% ของรายได้รวม)คืบหน้าช้าWHA จึงชะลอการขยายธุรกิจ non-IE เพื่อลดงบลงทุน (CAPEX) ทั้งปีอยู่ที่ 2.0 หมื่นล้านบาท บริษัทต้องการสะสมเงินสดในมือและลดอัตราส่วนหนี้สินสุทธิ (net gearing) ลงอีก
โมเมนตัมกำไรใน 2Q68F อาจจะชะลอลงจากจุดสูงสุดใน 1Q68 แต่กำไรพิเศษจากการแปลงสินทรัพย์ให้เป็นเงินสดโดยนำเข้ากองทรัสต์ REIT มูลค่า 800 ล้านบาทจะช่วยดันกำไรสุทธิ ขณะที่ ผู้บริหารยังคงมองว่าผลประกอบการปีนี้จะดีในช่วงต้นปีกว่าช่วงหลังของปีท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก เราปรับลดประมาณการยอดขายที่ดินลง 10% ในปี 2568 ที่ 2.250 พันไร่ และ 20% ในปี 2569F เหลือ 1.800 พันไร่ แต่ปรับเพิ่มราคาขายที่ดินขึ้น เราคงประมาณการยอดโอนที่ดินปีนี้ไว้ที่ 2.200 พันไร่ (38% ใน 1Q68) แต่ปรับลดปี 2569F ลง 15% ที่ 1.600 พันไร่ เป็นเพราะสัดส่วนยอดขายที่ดินที่มี margin สูงในไทยเพิ่มทำให้ GPM เพิ่ม 1.5-2ppts จากประมาณการเดิมของเรา นอกจากนี้ยังปรับลดยอดขายธุรกิจ non-IE ลง 10-15% ต่อปี สรุปกำไรปี 2568F น่าจะโต 19% YoY อยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท จากนั้นจะลดลง 11% ในปีถัดไป
เราคงคำแนะนำซื้อ ปรับลดราคาเป้าหมาย SOTP ลงใหม่เหลือ 4.10 บาทจากเดิม 4.50 บาท ปัจจัยเสี่ยงจากความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP, การเพิ่มขึ้นของต้นทุนสาธารณูปโภคและค่าแรงงานขั้นต่ำ, ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย ภูมิรัฐศาสตร์โลกและเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)
ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี