“NIM ลดลงเพียงเล็กน้อย “

บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)อัพเดตหุ้นกลุ่มธนาคารหลังปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bps เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ธนาคารทุกแห่งเพิ่งจะปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และ เงินกู้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากในอัตราที่มากกว่าการลดดอกเบี้ยเงินกู้ โดยลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทุกประเภทลง 15-20bps โดย KBANK ลดดอกเบี้ยมากกว่าธนาคารอื่น ๆขณะที่ธนาคารขนาดเล็กอย่าง KKP ก็ลดดอกเบี้ยมากกว่า TISCO เฉพาะส่วนดอกเบี้ยเงินฝาก  ส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ MLR และ MRR ลดเพียงเล็กน้อย แต่ไปลด MOR ลงมากกว่า เฉลี่ยแล้วปรับลด MRR ลง 5bps และ ปรับลด MLR ลง 8bps ขณะที่ TISCO และ KKP ไม่ปรับ

เราประเมินต้นทุนการเงิน (CoF) และ yield สินเชื่อที่จะลดลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และ เงินกู้รอบนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากฐานเงินทุนส่วนใหญ่อยู่ในบัญชีออมทรัพย์ (CASA) มีสัดส่วนประมาณ 80% ใน KTB KBANK SCB และ 38% ในส่วน BBL ทั้งนี้เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยบัญชี CASA อยู่ในระดับต่ำแล้ว ธนาคารส่วนใหญ่ (ยกเว้น BBL) จึงยังคงอัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากออมทรัพย์ และ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเฉพาะบัญชีเงินฝากประจำ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง 15-20bps คาดว่าต้นทุนการเงิน KTB และ KBANK ลดลงประมาณ 5bps, ของ SCB ลดลง 3bps, ของ TTB ลดลง 8bps และ ของ BBL ลดลง 10bps ขณะที่ TISCO และ KKP น่าจะลดลงมากกว่า

เนื่องจากบัญชีสินเชื่อส่วนใหญ่จะอิงกับดอกเบี้ย MLR และ MRR คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 60-70% การลดอัตราดอกเบี้ย MRR ลง 5 bps และ ลด MLR ลง 8bps น่าจะทำให้ yield สินเชื่อลดลง 6-7bps ขณะเดียวกัน การที่ TISCO และ KKP มีสัดส่วนสินเชื่อ H/P ที่คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ในเกณฑ์สูงน่าจะทำให้ทั้งสองธนาคารบริหารจัดการ yield ได้ดีกว่า โดยคาดว่าจะลดลงเพียง 6bps แล 4bps ตามลำดับ

เราประเมินผลกระทบสุทธิจากต้นทุนการระดมเงิน และ yield ที่ลดลง โดยพบว่าการลดดอกเบี้ยรอบนี้จะทำให้ margin ของ SCB ลดลงเพียง 3bps ขณะที่ KBANK และ KTB จะลดลงประมาณ 1-2bps ส่วนผลกระทบสุทธิของ BBL TISCO และ KKP น่าจะเป็นบวก อย่างไรก็ตาม NIM (ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ) น่าจะลดลงบ้างไม่มากก็น้อยขึ้นอยู่กับการลดดอกเบี้ยของบัญชีเงินฝากประจำพิเศษ

ปัจจัยเสี่ยงจากNPLs เพิ่มขึ้น และ ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น, รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง, ผลขาดทุน FVTPL จากการลงทุน

ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)