“เต็มไปด้วยข่าวดี”

บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัท สเตคอน กรุ๊ปหรือSTECONจากการที่STECON ยืนยันเป้ารายได้รวมปี 2568F ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงประมาณการเรา  อัตรากำไรขั้นต้นอาจสูงขึ้นกว่า 7% (KGI คาดที่ 6%) เพราะมีรายได้มากขึ้นจากโครงการเอกชนที่มี margin สูง เช่น โรงไฟฟ้า อาคารพาณิชย์ ดาต้าเซ็นเตอร์ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มใน 2H68 ส่วนค่าเครมประกันจากโครงการหนองบอนมูลค่า 1 พันล้านบาท(ยังไม่รวมในประมาณการเรา) น่าจะจบใน 3Q68 แม้ผู้บริหาร STECON ได้ลาออกแล้วจากตำแหน่งกรรมในบริษัทร่วมที่ดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง แต่การบันทึกส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม130-140 ล้านบาทต่อไตรมาสยังอยู่ที่ผู้สอบบัญชีตัดสินใจขั้นสุดท้าย อีกทั้งอาจมีกำไรหรือขาดทุนบางส่วนจากการเปลี่ยนโครงสร้างการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู/สีเหลือง   เรากำลังทบทวนประมาณการเพื่อจะรวมปัจจัยบวกเหล่านี้ไว้

STECON ได้งานโครงการใหม่ ๆเกือบ 2 หมื่นล้านบาทได้แก่ ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ 2 แห่งมูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาทและโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง M7 มูลค่า 5 พันล้านบาทส่วนใน 2H68 บริษัทคาดจะลงนามโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โรงงานพลังงานหมุนเวียน 1.2 หมื่นล้านบาท งานโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาทและอาคารพาณิชย์ 4 พันล้านบาท สำหรับโครงการ CFP ของ Thai Oil (TOP) อาจเดินหน้าต่อได้ตั้งแต่ 3Q68F และ STECON ในฐานะผู้รับเหมาช่วงหลักรายหนึ่งน่าจะได้รับสัญญาใหม่เพื่อดำเนินโครงการนี้ให้เสร็จ

ยังมีโครงการภาครัฐมูลค่า 2.4 แสนล้านบาทเปิดประมูลใน 2H68 แสดงว่าปีนี้STECON น่าจะได้รับงานโครงการใหม่ ๆรวมสูงกว่า 5 หมื่นล้านบาท แต่โครงการอู่ตะเภามูลค่า 2.7 หมื่นล้านบาทซึ่งเป็นของกิจการร่วมค้า UTA กับบริษัทอาจอนุมัติไม่ทันใน 18 มิถุนายน 2568 เพราะความคืบหน้าของโครงการนี้ขึ้นอยู่กับสัญญาของรถไฟพิเศษเชื่อม 3 สนามบิน ขณะนี้งานรับเหมาในมือ (backlog) (ไม่รวมโครงการอู่ตะเภา 2.7 หมื่นล้านบาท)อยู่ที่ 9.8 หมื่นล้านบาท ณ สิ้น 1Q68

เราคาดกำไรปี 2568F ที่ 918 ล้านบาท (พลิกจากขาดทุนสุทธิ 2.4 พันล้านบาท ปี 2567) และจะโตอีก 25% YoY อยู่ที่ 1.15 พันล้านบาทในปี 2569F โดยที่ประมาณการกำไรปี 2568F ของเราจะมี upside จาก i) เป็นไปได้ที่อัตรากำไรขั้นต้นจะดีกว่าคาด >7% ii) ค่าเคลมประกัน 1 พันล้านบาท (หรือ 0.66 บาทต่อหุ้น) จากโครงการหนองบอน  iii) ผลจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง

เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย SOTP ที่ 9.60 บาท

ปัจจัยเสี่ยงความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP ความล่าช้าจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ ๆ การแก้ไขสัญญาต่าง ๆ การปรับเปลี่ยนกฎระเบียบต่าง ๆ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการปรับเพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำขึ้น

ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)