เคยเขียนอยู่ 2 ครั้งเรื่องการปฏิรูประเทศ แต่ในชื่ออื่น จากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ก็สรุปได้ว่า “การปฏิรูปตำรวจก็จบโดยไม่ต้องปฏิรูป – การปฏิรูปการศึกษาก็จบโดยไม่ต้องปฏิรูป – การปฏิรูปการเมืองก็จบโดยไม่ต้องปฏิรูป – การปฏิรูประบบเศรษฐกิจก็จบโดยไม่ต้องปฏิรูป” รวมทั้งเรื่องอื่นๆที่ประกอบกันเป็นองคาพยพของประเทศก็ไม่ต้องปฏิรูป...จบเช่นกัน
เคยเขียนวิจารณ์ลุงตู่ แฟนคลับลุงตู่โกรธมาก ที่ไปแตะต้องยอดขมองอิ่มของเขาและเธอ
สี่ปีที่รัฐบาลลุงตู่บริหารประเทศ ไม่ได้ปฏิรูปอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นเพียงรัฐบาลที่ทำงานไปตามปกติ มีผลงาน แต่ก็มีข้อครหาเรื่องคอรัปชั่น อย่างเรื่องซื้ออาวุธและเรื่องนาฬิกาเพื่อน ข้อกล่าวหาที่หนักสุดก็คือ “บริหารประเทศเพื่อพวกนายทุน” เรื่องนี้มีประเด็นแยกย่อยมากผมก็งดไว้ก่อน
สัปดาห์นี้มีข่าวเรื่อง “ผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน” ตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องกําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พ.ศ. 2561 โดยกำหนดให้ ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะรวมทั้งตรวจสอบและเปิดเผยผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของบุคคลดังกล่าว ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาทิ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ที่ปรึกษานายกฯ และที่ปรึกษารัฐมนตรี ข้าราชการพลเรือน หัวหน้าส่วนราชการระดับ กระทรวง ทบวง กรม
ข้าราชการทหาร อาทิ ปลัด ก.กลาโหม ผบ.ทสส. ผบ.เหล่าทัพ ผบ.ตร. ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าฯ กทม. กรรมการและผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
หัวหน้าหน่วยงานขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ อาทิ เลขาธิการ กกต. , สตง. , ป.ป.ช. กรรมการและผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานอื่นของรัฐ นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย และอธิการบดี มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ เป็นต้น
ทันทีมีข่าวแพร่ออกมาก็มีเสียงคัดค้าน – ต่อต้านจากผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินฯ กันเกรียวกราว
นักวิชาการในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งบอกว่า พวกเขาเสียสละทำงานเพื่อประเทศชาติ ยังจะต้องมาทำรายการบัญชีทรัพย์สินอีก มันเสียเวลา เสียความรู้สึก อดีตคนโตใน กกต. รวมทั้งคนโตในคณะรัฐบาลปัจจุบันก็คัดค้าน ให้เหตุผลว่า “จุกจิกน่ารำคาญ” !
จึงมีคนสามัญที่ต้องเสียภาษีประชดว่า เขาจะไม่เสียภาษีเหมือนกัน มันจุกจิกน่ารำคาญ!
มีข้อแก้ตัวของพวกเขาอีกว่าระเบียบที่ออกมาให้ชี้แจงแสดงบัญชีฯนั้นหยุมหยิม และบางคน – บางหน่วยงานก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินหรืองบประมาณ แค่รับเบี้ยเลี้ยง เบี้ยประชุมเท่านั้น
เมื่อบรรดาคนใหญ่คนโตของประเทศ - พวกขุนนางยุคโลกาภิวัตน์ทั้งหลายออกมาคัดค้าน รัฐบาลก็ยอมถอย ขณะที่ประชาชนสนับสนุน
เรื่องนี้จึงยืนยันอีกครั้งว่า...พวกเขาสำคัญกว่าความถูกต้องเหมาะสม (ที่คนมีอำนาจและเกี่ยวข้องกับการเงินหรืองบประมาณจะต้องชี้แจงแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน)
ประโยชน์ของพวกเขาสำคัญกว่าของประชาชน
การแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้นเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะสกัดกั้นการคอรัปชั่น ซึ่งได้ผลแน่ ไม่มากก็น้อย เพราะใครโกงหรือมีเงินมากกว่าที่เคยแจ้งไว้ก็ต้องอธิบายได้ ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
คอรัปชั่นนั้นเกิดจาก 3 เส้าอุบาทว์ ได้แก่ “ข้าราชการ นักการเมือง และพ่อค้านักธุรกิจ” การแสดงบัญชีทรัพย์สินจึงเป็นเรื่องดีสำหรับประเทศ และช่วยไม่ให้ 3 เส้าอุบาทว์นั้น “ปรองดอง” กันได้ง่ายๆ
ในมุมมองของการปฏิรูปประเทศ...เรื่องนี้คือส่วนหนึ่งที่จะทำให้ประเทศเข้มแข็งขึ้น เพราะเมื่อคอรัปชั่นน้อยลง งบประมาณที่ใช้โครงการต่างๆก็จะเหลือมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเงินภาษีของประชาชนทั้งประเทศ
แต่เมื่อรัฐบาลยอมถอย เพราะไม่ต้องการให้ “วุ่นวาย” เพราะพวกคนที่คัดค้านนั้นก็ล้วนแต่ “คนใหญ่คนโต” ระดับประเทศทั้งนั้น อาจทำให้ต้องสูญเสียคนที่ตนจำเป็นต้องใช้งานไป จึงเท่ากับว่าเรื่องสำคัญของการปฏิรูปประเทศไม่สำคัญและไม่จำเป็นเท่ากับคนใหญ่คนโตไม่กี่คน
ความหวังเรื่องการปฏิรูปประเทศจึงลดลง...จนแทบไม่มีอะไรที่พอจะเรียกได้ว่ามีการปฏิรูปประเทศ อย่างมากก็แค่ “ลูบๆคลำๆประเทศ”
สี่ปี่ของรัฐบาล คสช. จึงเป็นการทำงาน “ราชการ” ตามธรรมดา ไม่แตกต่างอะไรมากนักกับรัฐบาลอื่นๆก่อนหน้า สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ประชาชนก็คือการรักษาความสงบ ที่เกิดจากการแตกแยกเป็น 2 ฝ่ายและเป็นเหตุผลให้รัฐบาล คสช.ยึดอำนาจมาจนบัดนี้
แย่กว่านั้น...สิ่งที่ประชาชนหวังว่ารัฐบาลคณะนี้จะ “ปฏิรูปการเมือง” ให้ดีกว่าเดิมก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิม ซ้ำตอนนี้ก็มีข่าวว่าลุงตู่ต้องการจะเล่นการเมืองหรือสืบอำนาจต่อ ก็ใช้วิธีเดียวกับพรรคการเมืองที่ตนเคยประณาม นั่นคือรวบรวมนักการเมืองทั้งดีทั้งเลวเข้ามาไว้ในสังกัด เพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง
สุดท้ายเลยเรื่องการปฏิรูปประเทศก็แค่คำโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาล อำนาจที่มีล้นฟ้าและเสียงสนับสนุนของประชาชนก็ไม่ได้ใช้ให้เป็นประโยชน์ จึงไม่มีอะไรประสบความสำเร็จจริงจัง
ประชาชนจะหวังการปฏิรูปประเทศจากใครได้อีก?
หรือเราจำต้องอยู่กันไปอย่างนี้...อยู่ในประเทศที่เหมือนถูกสาป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี