นับวันสถานการณ์ยิ่งน่าหวาดหวั่น แต่คนอเมริกันก็ยังไม่ค่อยรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าตัวร้าย เรื่องนี้ต้องโทษระบบภาวะความคิดฝังหัวแบบอเมริกัน ตอนแรกที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนน้อยๆ อเมริกันก็ไม่ได้สนใจหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด เพราะคิดว่าไกลตัว แถมผู้นำยังออกมาพูดจาโง่ๆ เช่น ไอ้ไวรัสโคโรน่านี่ก็เหมือนไข้หวัดธรรมดานี่แหละ คนอเมริกันป่วยเป็นไข้ตายมากกว่านี้ตั้งแยะ หรือบอกว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าเป็นแค่ข่าวลือเพื่อทำลายตนเอง
หลังจากจำนวนคนป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแต่ละวันอย่างชนิดที่เรียกว่า “เบรคแตก” อเมริกาบางส่วนก็เริ่มหันมาสนใจอย่างจริงจัง แต่ส่วนมากแล้วยังล่องลอยกับความคิดประมาณว่า ไอ้โควิด 19 เนี่ยจะส่งผลกระทบกับคนแก่และคนป่วยเท่านั้น คนที่สุขภาพแข็งแรงจะไม่ติดหรอก ทั้งๆที่ความจริงแล้ว ทุกคนสามารถป่วยเป็นโควิด 19 ได้อย่างเท่าเทียมกัน
เริ่มมีข่าวออกมาเรื่อยๆ ว่าคนดังคนนั้นคนนี้ติดไวรัสเป็นโควิด 19 แต่ที่โลกตื่นตกใจเห็นจะเป็นกรณีทอม แฮงค์ ที่ออกมาบอกว่าตนกับภรรยาเป็นโควิด 19 นอกจากดาราแล้วยังมีนักกีฬาระดับโลกหลายคน นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทุกคนสามารถติดเชื้อได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่เฉพาะแค่คนสูงอายุหรือคนที่มีโรคประจำตัว
แม้แต่นักการเมืองหลายประเทศก็ไม่รอด นักการเมืองและผู้บริการระดับสูงในอิหร่านเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลอิตาลี อังกฤษ และฝรั่งเศสป่วย รวมถึงประธานาธิบดีบราซิลที่เพิ่งเขย่ามือกับตาลุงผมเป๋หมาดๆ ด้วย เล่นเอาชาวอเมริกันสงสัยอย่างหนักว่า ลุงผมเป๋แกจะติดไวรัสด้วยไหม แต่ผลตรวจออกมาแล้วว่าลุงแกรอดแฮะ สงสัยไวรัสกลัวทรงผมแกเลยไม่กล้าเกาะ
มีการประกาศให้โรคโควิด 19 คือโรคระบาดทั่วโลกโดยองค์การอนามัยโลก การประกาศเช่นนี้หมายถึงการประกาศให้แต่ละชาติตระหนักว่าโรคนี้มีการระบาดไปแล้วในหลายทวีป กระตุ้นให้รัฐบาลแต่ละประเทศแก้ไขปัญหาไวรัสโคโรนาอย่างจริงจังเร่งด่วน รวมไปถึงจัดการกับปัญหาผู้ป่วยตามความต้องการในประเทศของตน ครั้งสุดท้ายที่องค์การอนามัยโลกประกาศภาวะโรคระบาดคือช่วงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ชนิด H1N1 สายพันธุ์ใหม่
หลายรัฐประกาศภาวะฉุกเฉิน การประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อให้ผู้ว่าการรัฐสั่งการได้ทันทีโดยไม่ต้องรอคำสั่งส่วนกลาง ตัวเลขคนป่วยสูงสุด 5 อันดับเรียงจากมากไปหาน้อย คือรัฐวอชิงตัน รัฐนิวยอร์ก รัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐแมสซาจูเซสส์ และโคโลราโด ส่วนรัฐที่ยังไม่มีผู้ป่วยคือรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ซึ่งไม่น่าแปลกใจอะไรเพราะมีแต่ป่า ยอดคนป่วยแต่ละรัฐสูงขึ้นอย่างน่ากลัว และเคสส่วนมากไม่รู้ว่าติดมาจากไหน
ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันเชื่อว่า ตัวเลขอาจแตะระดับ 64,000 คน ภายใน 8 สัปดาห์ หากไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง ในขณะที่รัฐนิวยอร์กควบคุมสถานการณ์ไม่ได้จนต้องขอแรงทหารมาช่วย และมีการเกณฑ์หมอที่เกษียณอายุแล้วมารับมือกับกองทัพคนป่วยโควิด19
ตอนนี้ทางการกำลังถกกันอยู่ เรื่องใครจะจ่ายค่ารักษาและค่าไปตรวจว่าติดไวรัสหรือไม่ แค่ค่าตรวจก็แทบสลบแล้วเพราะแพงจัด หากต้องให้ประชาชนจ่ายเกรงว่าพวกที่ไม่มีประกันจะไม่ยอมไปหาหมอและจะแพร่เชื้อต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
ยอดคนป่วยในนาทีที่กำลังเขียนคอลัมน์นี้คือ ยอดป่วยสะสม 3557 ราย เฉพาะวันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคมเพิ่มขึ้น 514 ราย เสียชีวิต 68 ราย หายดีแล้ว 59 ราย
อายุรแพทย์ประจำสภาคองเกรสสหัฐฯ คาดหมายว่า ท้ายที่สุดแล้วจะมีผู้คนในประเทศแห่งนี้ระหว่าง 70 ล้าน ถึง 150 ล้านคน ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
นาทีนี้ไม่มีใครคุมสถานกรณ์อยู่ โดนัลด์ ทรัมป์เลยตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ ซึ่งบอกตรงๆ ว่าไม่มาตรการอะไรที่ชัดเจนเลย นอกจากพยายามอุ้มคนรวย อย่างภาคธุรกิจทั้งหลาย กระนั้นพอสิ้นการแถลง ห้างทุกห้างก็แตกทันที เพราะพลเมืองอเมริกันทั้งหลายแห่ไปซื้อของกินของใช้ตุนไว้อย่างชนิดที่เรียกว่าถล่มทลาย สินค้าที่เกลี้ยงชั้นในพริบตาคือเนื้อสัตว์ อาหารแห้งอย่างพาสต้า ข้าวสาร ทิชชู่ และน้ำยาทำความสะอาด ไม่ต้องพูดถึงเจลล้างมือ นั่นหมดไปก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีจะประกาศแล้ว
ตาลุงผมเป๋ประกาศระงับการเดินทางจากยุโรปเข้าสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 30 วัน เพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัสโคโรนา คือห้ามทุกประเทศในยุโรปเข้าอเมริกาเด็ดขาด ยกเว้นอังกฤษ ไม่รู้แอบไปมีพันธะสัญญาอะไรกับลุงนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่หัวยุ่งตลอดเวลา แต่ผ่านไป 2-3 วัน ทรัมป์ก็ประกาศห้ามผู้โดยสารทั้งอังกฤษและไอร์แลนด์เดินทางเข้าอเมริกาเช่นกัน
ผลคือสนามบินทุกแห่งในอเมริกาแทบแตก เพราะมวลมหาอเมริกันแห่กลับบ้านกันล้นหลาม แน่นอนว่า..ในบรรดาพวกที่กลับมาจากยุโรปหนนี้คงพกพาโควิด 19 กลับมาด้วย มาตรการจำกัดการเดินทางส่งผลให้สนามบินทั่วอเมริกาเกิดความโกลาหล นักเดินทางขาเข้าต้องรอการตรวจคัดกรองนานเป็นชั่วโมง ก่อนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
ตอนนี้โรงเรียนและมหาวิทยาลัยปิด บางรัฐเพิ่งประกาศปิดร้านอาหารทุกแห่ง การแสดงทุกอย่างยกเลิก เช่น การแสดงบรอดเวย์ยกเลิกทุกทุกเที่ยวเมือง การแสดงดนตรีหรือกีฬาถูกยกเลิกหมด หุ้นดิ่งระนาวกราวรูด ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือชุดตรวจมีไม่เพียงพอ แถมราคาแพงเกินกว่าจะจ่ายได้ แม้จะเป็นแค่การตรวจก็ตาม
จากการติดตามสถานการณ์รายวันและนโยบายการแก้ปัญหาของอเมริกาแล้ว สรุปได้ว่าคงอีกไม่นานที่อเมริกาจะกลายเป็นอู่ฮั่น และหนักกว่านั้นคือคงเลวร้ายกว่าอู่ฮั่นมาก เพราะไม่อาจออกคำสั่งที่เข้มงวดได้ เนื่องจากขัดกับเสรีภาพของประชาชนพลเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี