วันพุธ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ช่วงนี้คือช่วงสูญญากาศในการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในอเมริกา นั่งมองสถานการณ์แล้วเหนื่อยหน่ายใจ เพราะตาลุงผมเป๋ทำทุกอย่างเป็นการทิ้งทวน แม้ว่าจะทุเรศอย่างไร ลุงแกก็ไม่สนสีสนแสด โวยวายฟูมฟายไม่หยุดว่าถูกโกงทั้งที่ไม่มีหลักฐาน ยังดื้อด้านจนหยดสุดท้าย เช่น ช่วงวันขอบคุณพระเจ้า ทำเนียบขาวจัดงานที่เรียกว่า “การไถ่ชีวิตไก่งวง” ซึ่งน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วแหละสำหรับตาลุงผมเป๋
แต่นอกเหนือจากไก่งวงแล้ว ลุงผมเป๋ยังเนียนอภัยโทษให้ไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ ที่สารภาพว่าโกหกเอฟบีไอ ระหว่างการสืบสวนคดีรัสเซียแทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2016 อ่านรูปประโยคยาวๆ แล้ว ชาวบ้านร้านถิ่นอาจจะงง พูดให้สั้นๆ แบบบ้านๆ คือ ทรัมป์อภัยโทษให้ฟลินน์ เพื่อช่วยเด็กในกำกับของตัวเองนั่นแหละ
ก่อนหน้านี้ก็เคยอภัยโทษให้นายอำเภอผู้มีอคติต่อคนสีผิวอื่นอย่าง โจ อาพัยโอ อดีตนายอำเภอในรัฐแอริโซนามาแล้ว ท่ามกลางเสียงด่าทอว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ แต่ตาลุงไม่แคร์ใดๆ ตามธรรมชาตินิสัยของแก แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตฟาดแรงว่า การอภัยโทษฟลินน์เป็นการทุจริตและใช้อำนาจโดยมิชอบอย่างร้ายแรง
ส่วนโจ ไบเดนก็เดินหน้าทำงานต่อไป โดยการประกาศว่า จะนำอเมริกากลับคืนสู่ความเป็น ‘ผู้นำโลก’ จากนั้นก็เปิดตัวทีมงานคนนั้นคนนี้ บอกเลยว่าพอประกาศชื่อ มีแต่เสียงชื่นชมทั่วโลก ไม่เฉพาะแต่ในอเมริกาเท่านั้น ล่าสุดลุงโจเล่นกับหมาเพลินไปหน่อย ลื่นล้มจนกระดูกเท้าร้าว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะรักษาหายทันวันที่ 20 มกราคมไหม
เล่าคร่าวๆ ว่าสถานการณ์การเมืองตอนนี้เป็นแบบนี้ แต่ที่พลเมืองอเมริกันเครียดสุด เห็นจะเป็นเรื่องโควิด แม้ว่าหน่วยงานอนามัยในอเมริกาจะออกประกาศเตือน และขอร้องให้งดเดินทางช่วงวันขอบคุณพระเจ้า แต่อเมริกันก็บินกันว่อนแพร่กระจายเชื้อไปทั่วประเทศ สมเป็นประเทศที่บูชาเสรีภาพ เลยทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปอย่างมีเสรีภาพเช่นกัน
ไอ้พวกที่ไม่บินก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแต่อย่างใด ไปสุมหัวรวมตัวกันกินดื่มในครอบครัวใหญ่อย่างไม่สนใจคำเตือนของหมอและบุคลากรทางการแพทย์ หรือคำเตือนของหน่วยงานใดๆ ทั้งนั้น ว่าที่ประธานาธิบดีออกมาขอร้องอเมริกันทั้งประเทศยังไม่ฟังกันเลย อาทิตย์ก่อนยอดป่วยสะสมอยู่ที่ 13 ล้าน ผ่านมาไม่กี่วัน ยังไม่ถึงอาทิตย์จวนแตะยอด 14 ล้านแล้ว ยอดผู้ตายก็เพิ่มเป็นสองแสนเจ็ดหมื่นกว่าๆ รัฐที่ทำแต้มป่วยและตายสูดสุด 5 อันดับเรียงจากมากไปหาน้อย คือ เท็กซส แคลิฟอร์เนีย ฟลอริด้า อิลลินอยส์ และนิวยอร์ก

ผลพวงการระบาดกระทบต่อทุกธุรกิจยาวนาน ไม่ต้องดูอื่นดูไกล ร้านอาหารร้านโปรดที่มีเครือข่ายทั่วโลกของผู้เขียนอย่างทีจีไอฟรายเดย์ปิดตัวไปหลายเดือนแล้ว สวนสนุกดิสนีย์ ซึ่งจะว่าไปแล้วเหมือนเป็นแลนด์มาร์คของอเมริกาเลยทีเดียว ประกาศปลดพนักงานออก 32,000 คน
ท่ามกลางการระบาดจัดหนัก แอลเอซึ่งเป็นโซนที่มีการระบาดสูงสุดในแคลิฟอร์เนีย ออกประกาศปังว่าห้ามสมาชิกในครอบครัวพบปะเจอกันยาว 3 อาทิตย์ นอกจากนี้ยังประกาศเคอร์ฟิวตอนกลางคืน และห้ามนั่งกินในร้านอาหาร ให้ซื้อกลับบ้านได้ ทางการย้ำว่าให้อยู่บ้านให้มากที่สุด ห้ามกันขนาดนั้นก็ยังมีคนออกมาประท้วง ไม่ยอมทำตามคำสั่งทั้งหลายทั้งปวง
ตอนนี้เรื่องทอล์คออฟเดอะทาวน์ ที่ไม่เกี่ยวกับการเมืองมีเรื่องหนึ่ง มีที่มาจากภาพที่เห็นแล้วสะเทือนใจ คุณหมอในไอซียูโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ฮิวสตัน เท็กซัส สวมชุดพีพีอีโอบกอดคุณตาที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น อยากกลับบ้านไปพบหน้าภรรยาในวันขอบคุณพระเจ้า แต่คุณตาต้องรักษาตัวในไอซียู เพราะเป็นโควิด ด้วยวัยและองค์ประกอบหลายอย่าง ไม่แน่ว่าคุณตาจะได้กลับไปพบหน้าภรรยาสุดที่รักหรือไม่ ภาพนี้กลายเป็นภาพที่สะเทือนใจทุกคนที่เห็น
หลังช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า เป็นวันศุกร์ที่เรียกว่า “แบล็กฟรายเดย์” ซึ่งทุกร้านทุกห้างจะลดราคากันสุดๆ ผู้คนเบียดเสียดแออัดหน้าห้าง เพื่อรอเวลาห้างเปิดจะได้พุ่งไปอุ้มสิ่งที่หมายตาไว้ ผู้เขียนแองก็เคยไปเบียดเสียดเอาสนุกในวันแบบนี้บางปี ทั้งที่ไม่ได้อยากได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ถือเป็นความสนุกที่ได้เห็นผุ้คนยิ้มแย้มแจ่มใสหน้าตาชื่นบานในวันนี้
แต่ปีนี้ยอดการขายวันแบล็กฟรายเดย์ตกลงไปถึง 52% แต่ยอดขายออนไลน์พุ่งร่วม 9 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 22% ผู้คนไม่กล้าออกไปแออัดเหมือนทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากการระบาด อย่างที่เขียนเล่าตั้งแต่อาทิตย์ก่อนนั่นแหละว่า พลเมืองอเมริกันไม่สนใจคำเตือนอะไรเลย ทำทุกอย่างที่อยากทำ ไม่ว่าจะบินไปหาครอบครัวหรือไปกินเลี้ยงกันเป็นครอบครัวใหญ่
ในเมืองเล็กๆ ที่ผู้เขียนอยู่นั้นหนักหนาสาหัส เพราะศูนย์กลางการระบาดใหม่อยู่ที่มิดเวสต์ ขออธิบายนิดหนึ่งสำหรับผุ้ที่ไม่ได้อาศัยในอเมริกา แต่ละรัฐจะแบ่งเป็นเคาต์ตี้ คงเหมือนการแบ่งเขตการปกครองของไทยสมัยก่อนที่เรียกว่า “มณฑล” เท่าที่ดูแผนที่การระบาด ส่วนมากแล้วเมื่อระบาดที่เคาต์ตี้หนึ่ง เคาต์ตี้รอบๆ มักไม่ระบาด แต่เคาต์ตี้ที่ผู้เขียนอยู่เกิดการระบาดหนักลามไปถึงเคาต์ตี้ข้างๆ เลยทำให้ทุกอย่างเลงร้ายลงมาก แต่พลเมืองที่นี่ก็ไม่ยอมใส่หน้ากากกัน นอกจากตอนเดินเข้าห้าง ซึ่งมีกฎบังคับ นอกนั้นเดินไปตามถนนหนทางกลางเมืองก็ไม่ใส่ ขากถุยไอจามกันอย่างเสรี และน่าหวาดเสียวมาก ล่าสุดขับรถผ่านโรงพยาบาล เห็นรถตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็นสำหรับเก็บศพจอดท้ายโรงพยาบาล เห็นแล้วหดหู่หัวใจจนยากบรรยาย
อาทิตย์นี้อเมริกันทำยอดที่ไม่น่าภาคภูมิใจคือยอดคนตายสูงสุดถึงวันละ 2400 ราย และติดเชื้อใหม่รายวันประมาณวันละสองแสนราย น.พ.แอนโทนี ฟาวซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติกล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในอเมริกาจะพุ่งทะยานขึ้นอีกมาก จากการที่ผู้คนนับล้านออกเดินทางในช่วงเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า ส่วนน.พ.เจอโรม แอดัมส์ ศัลยแพทย์ใหญ่ย้ำในทิศทางเดียวกันว่า สถานการณ์จะเลวร้ายลงไปอีกหลายสัปดาห์ แม้ว่าพลเมืองอเมริกันกำลังจะได้รับวัคซีน แต่กลุ่มหมอพยาบาลจะต้องได้ก่อนในเดือนธันวาคมปีนี้ ส่วนกลุ่มอื่นๆ จะได้รับต้นปีหน้า จึงต้องป้องกันตัวให้มากที่สุด ก่อนที่ทุกคนจะได้รับวัคซีน
ท่ามกลางงานเลี้ยงกินดื่มในวันขอบคุณพระเจ้าและคริสต์มาส ไม่แน่ว่ายมทูตอาจแฝงตัวเข้ามาในบ้านอย่างเงียบๆ ในนามของการเฉลิมฉลอง

‘ภูธัชชัย BUS’ จากนักกีฬาไอซ์ฮอกกี้สู่ศิลปินไอดอล เผยเรื่องลับๆ ในวงใครนอนกรนดังที่สุด!
‘เอกชัย ศรีวิชัย’นำ ‘สรรพลี้หวน’วรรณกรรมใต้ขึ้นจอเงิน
‘เจี๊ยบ พิจิตตรา’แชร์ความสุขเล็กๆ หลังกลับไปบ้านเกิด
'จูรี นุ่มแก้ว'ยืนยันเหตุกู้ภัยเจ็ตสกีโดนยิงไล่หลัง ผวาจนต้องถอนตัว คือเรื่องจริง!!
เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงคว้าเหรียญทองศิลปะบังคับม้า ประเภททีม ประเดิมการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี