ไม่นานมานี้มีข่าวดาราชื่อดัง (แต่ผมไม่รู้จัก ไม่เคยไปดูหนังมาหลายสิบปีแล้วครับ) Chadwick Boseman เสียชีวิตจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ด้วยวัยเพียง 43 ปี เท่านั้น หลังจากได้ต่อสู้กับโรคนี้มาเป็นระยะเวลา 4 ปี
โรคมะเร็งของลำไส้ใหญ่เป็นโรคที่พบบ่อยทั่วโลก และพบมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทยมะเร็งลำไส้ใหญ่พบบ่อยเป็นลำดับที่ 3รองลงมาจากโรคมะเร็งของตับและท่อน้ำดี (ส่วนใหญ่ป้องกันได้) มะเร็งปอด ฯลฯ
สาเหตุมาจากอะไร มีประมาณ 25% (5% อย่างรุนแรง) ที่มาจากกรรมพันธ์ุ อีกประมาณ 75% มาจากพฤติกรรมสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ถ้าใครมีบิดามารดาเป็นโรคนี้ จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ที่ไม่มีบิดามารดาเป็นโรคนี้
พฤติกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ โรคอ้วน ไม่ว่าจากอะไร โรคอ้วนอย่างเดียวมีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง 13 ชนิด แต่ที่มีความสัมพันธ์มากๆ คือ มะเร็งเต้านม ตับ และลำไส้ใหญ่ การกินอาหารที่เป็นเนื้อแปรรูป เช่น ไส้กรอก กุนเชียง เบคอน แฮม ซาซิมิ ฯลฯ การกินเนื้อแดง เช่น เนื้อวัว หมู แกะ แพะ การสูบบุหรี่ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ เนื้อที่ปลอดภัยคือเนื้อปลา ไก่ ฯลฯ การไม่ออกกำลังกายก็เป็นปัจจัยเสี่ยง พวก African - American ยิว ยุโรปตะวันออก มีความเสี่ยงมากกว่าชนชาติอื่นๆ
โรคมะเร็งของลำไส้ใหญ่จะเริ่มจากการแบ่งเซลล์ที่โตขึ้นผิดปกติจนเป็นก้อนเนื้อ หรือที่วงการแพทย์เรียกกันว่า adenomatous polyp หรือ adenoma ที่ยังไม่ใช่มะเร็ง adenoma นี้ มักไม่มีอาการ แต่จะโตขึ้นเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไป 10-20 ปี จะกลายเป็นมะเร็ง โดยความเสี่ยงที่จะมี adenoma และมะเร็งจะเกิดขึ้นเมื่อมีอายุประมาณ 50 ปีฉะนั้นแพทย์จึงแนะนำให้ไปตรวจ screening หรือตรวจคัดกรองหามะเร็งของลำไส้ใหญ่เมื่อมีอายุ 50 ปี ทั้งๆ ที่ยังไม่มีอาการ แต่ประมาณ 1 ใน 7 ของมะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดขึ้นในผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปี
การตรวจคัดกรองหามะเร็งลำไส้ใหญ่ คือการตรวจหารอยโรคทั้งๆ ที่ยังไม่มีอาการ แต่มีความเสี่ยง เช่น อายุถึงวัยที่จะเป็น การตรวจคัดกรองมีหลักการคือ ตรวจหา“ว่าที่มะเร็ง”ก่อนที่มันจะกลายเป็นมะเร็ง พูดง่ายๆ คือ หา polyp นั่นเอง
วิธีการตรวจคัดกรองมีหลายวิธี เช่น ตรวจอุจจาระหาเลือด ที่ตรวจพบด้วยห้องแล็บ แต่มองด้วยสายตาเปล่าไม่เห็น วิธีนี้เรียกรวมๆ ว่าตรวจหา faecal occult blood (FOB) แต่ต้องจำไว้ด้วยว่า ถึงแม้มีติ่ง มีแผล มีมะเร็ง แต่ถ้าวันนั้นไม่มีเลือดออกจากรอยโรคต่างๆ นี้FOB จะตรวจไม่พบ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เหมาะสำหรับคนทั้งประเทศ เพราะง่าย สะดวก ราคาไม่แพง และมีหลักฐานเชิงประจักษ์แล้วว่าวิธีนี้ช่วยลดอัตราการตายจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่วิธีนี้ต้องตรวจทุกปี
อีกวิธีหนึ่งคือ การส่องกล้องด้วยความยาวเพียง 30 ซม. (สมัยก่อนกล้องมีความยาวแค่นี้ เดี๋ยวนี้ยาวกว่านี้) เรียกว่า sigmoidoscopy ถ้าส่องไม่เห็นอะไรในส่วนปลายของลำไส้ใหญ่ ก็อาจถือได้ว่าส่วนบนของลำไส้ใหญ่ (ที่กล้องไปไม่ถึง) ไม่น่าจะมีโรคอะไร เพราะมะเร็งลำไส้ใหญ่มักเป็นช่วงส่วนปลายมากกว่า แต่ในชีวิตจริงอาจไม่เป็นอย่างนั้น วิธีนี้ต้องตรวจทุก 5 ปี
อีกวิธีหนึ่งคือ การทำ barium enema (ใส่แป้งแบเรี่ยมแล้วถ่ายภาพรังสี) วิธีนี้ไม่เป็นที่นิยมแล้ว ต้องตรวจทุก 5 ปีเช่นกัน
อีกวิธีหนึ่งคือ การทำ virtual CT ซึ่งการเตรียมตัวเหมือนกับการเตรียมตัวในการส่องกล้อง ถ้าพบอะไรก็ต้องไปส่องกล้องอีกครั้ง
วิธีที่ดีที่สุด และเป็น one stop service ถ้าพบติ่งยังตัดออกได้เลย คือ การส่องกล้องดูลำไส้ใหญ่ทั้งหมด ที่มีความยาวประมาณ 1 เมตรกว่า วิธีนี้ดีที่สุด เพราะเราเห็นด้วยตาเปล่าว่ามีรอยโรคอะไร มีติ่ง มีแผล มีมะเร็ง ถ้าพบติ่งก็ตัดออก ถ้าพบแผล หรือมะเร็ง ก็ต้องตัดเนื้อไปพิสูจน์ว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ วิธีนี้ผู้ป่วยสบายด้วย เพราะแพทย์จะทำให้ผู้ป่วยหลับ ไม่รู้สึกอะไร แต่ต้องเตรียมตัวเรื่องอาหาร การถ่ายท้อง ฯลฯ
แต่การทำ colonoscopy สำหรับทุกๆ คนคงลำบากเป็นไปได้ยาก เพราะมีแพทย์ กล้องไม่พอ ระดับประเทศจึงควรตรวจหาเลือดในอุจจาระก่อน ถ้าพบเลือด จึงมาส่องกล้อง
ถ้าบิดา มารดาเราเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ เราต้องไปส่องกล้องตอนที่เราอายุน้อยกว่าตอนที่คุณพ่อเราเป็น 10 ปี เช่น พ่อเป็นตอนอายุ 40 เราควรไปตรวจตอนเรามีอายุ 30 ปี ฯลฯ
ถ้าตรวจไม่พบอะไร ส่องกล้องทุก 10 ปี หรือบางแพทย์อาจแนะนำให้ส่องทุก 5 ปี
อย่ารอจนมีอาการทางโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ แล้วจึงไปตรวจ อาจช้าไป
อาการของโรคมะเร็ง คือ อาจมีความเปลี่ยนแปลงของการขับถ่ายอุจจาระ เช่น จากวันละ 1 ครั้ง เป็นวันละหลายๆ ครั้ง หรือมีอาการท้องผูก ท้องเสีย มีอาการเลือดออก หรืออาการของการทะลุ การอุดตัน ฯลฯ
ดีที่สุดคือถ้าบิดามารดาเราไม่เป็นโรคนี้ เราไปตรวจคัดกรองตอนอายุ 50 ปี ถ้าบิดามารดาเป็นตอนอายุ 45 ปี เราควรไปตรวจตอนอายุ 35 ปี
ผมไม่อยากให้แม้แต่ 1 คน เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ หลังอายุ 50 ปี เพราะหวังว่าเมื่ออายุ 50 ปี ได้ไปตรวจคัดกรองมาแล้วถ้าเป็นก่อนอายุ 50 ปี คงช่วยไม่ได้ แต่ถ้ามีเงินจะไปตรวจตอนอายุ 40 ปี คงไม่มีใครว่า
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี