อาศัยอำนาจตามมาตรา 21 (ฎ) แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 และตามความในหมวด 5การควบคุมการประกอบวิชาชีพเวชกรรม มาตรา 26 ได้กำหนดไว้ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือแสดงด้วยวิธีใดๆ ว่าพร้อมที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยมิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่ในกรณีดังต่อไปนี้ (6) การประกอบวิชาชีพเวชกรรมของที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญของทางราชการซึ่งมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมของต่างประเทศ ทั้งนี้โดยอนุมัติของคณะกรรมการแพทยสภา ดังนั้น คณะกรรมการแพทยสภาในการประชุมครั้งที่ 4/2565 เมื่อวันที่ 12 เดือน เมษายน พ.ศ. 2565 จึงเห็นชอบให้ออกประกาศแพทยสภา เรื่อง เงื่อนไขการประกอบวิชาชีพเวชกรรมของที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญของทางราชการซึ่งมีใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของต่างประเทศ ดังนี้
1.การพิจารณาอนุมัติ
ในการพิจารณาอนุมัติ การประกอบวิชาชีพเวชกรรมของที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญของทางราชการซึ่งมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมของต่างประเทศต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขดังที่กำหนดไว้ในประกาศนี้
2.การขออนุมัติ
ให้ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงานกระทรวงทบวง กรม ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจที่ตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ และให้รวมถึงหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจทางปกครอง หรือให้ดำเนินกิจการทางปกครอง เชิญที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญฯ มาโดยมีวัตถุประสงค์ทางด้านการค้นคว้าวิจัย หรือการให้ความรู้แก่แพทย์ในประเทศไทย หรืออื่นๆ ตามที่คณะกรรมการแพทยสภาเห็นสมควร ทำหนังสือขออนุมัติไปยังเลขาธิการแพทยสภาก่อนวันที่ประสงค์จะได้รับการอนุมัติไม่น้อยกว่าสองเดือนโดยถือวันที่แพทยสภาลงรับหนังสือเป็นหลัก
กรณีที่มีความจำเป็นต้องการปฏิบัติงานอย่างเร่งด่วนให้ขออนุมัติล่วงหน้าโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมแจ้งเหตุผลที่ไม่สามารถส่งเรื่องให้แพทยสภาพิจารณาก่อนล่วงหน้าสองเดือนได้
3. คุณสมบัติของที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญของทางราชการที่จะขอประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย
ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญฯ ต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศของตนและได้รับหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาใดสาขาหนึ่ง หรือเทียบเท่า
ในกรณีที่ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญฯ ไม่ได้รับหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ให้อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการแพทยสภา
4. หนังสือขออนุมัติ
หนังสือขออนุมัติ ให้มีรายละเอียดประกอบการพิจารณา ดังนี้
ก) โครงการที่จำเป็นต้องมีที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญ ให้มีการระบุสถานที่ และระยะเวลาในการปฏิบัติงาน
ข) ชื่อที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญที่จะประกอบวิชาชีพเวชกรรมตรงกับหนังสือเดินทาง หากเป็นหนังสือเดินทางฉบับภาษาไทยให้เขียนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ค) ชื่อหน่วยงานหรือองค์กรที่รับผิดชอบตลอดระยะเวลาที่ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญฯ นั้นมาประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย
ง) ชื่อแพทย์ที่มีใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทยสภา ซึ่งเป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบตลอดระยะเวลาที่ ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญนั้นประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย
จ) เอกสารแสดงคุณวุฒิและหลักฐานประกอบการพิจารณาของที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญฯ พร้อมลงนามรับรองสำเนาโดยหน่วยงานที่ขออนุมัติ ซึ่งประกอบด้วย
- สำเนาแสดงคุณวุฒิผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ
- สำเนาใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ยังไม่หมดอายุจากต่างประเทศ
- รูปถ่ายหน้าตรงขนาด 2 นิ้ว จำนวน 2 รูป (ซึ่งถ่ายไม่เกิน 1 ปี)
- รูปถ่ายหน้าพาสปอร์ตที่เป็นปัจจุบัน
- เอกสารการประกันความเสียหายสำหรับผู้ป่วยที่อาจเกิดขึ้นจากการประกอบวิชาชีพ เวชกรรมของที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญ
5. ระยะเวลาได้รับการอนุมัติ
ให้การอนุมัติมีผลไปนับแต่วันที่คณะกรรมการแพทยสภามีมติอนุมัติ โดยแพทยสภาจะอนุมัติให้ปฏิบัติงานคราวละไม่เกินหนึ่งปี และไม่เกินระยะเวลาที่ใบอนุญาตเป็น
ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญฯหมดอายุลง
6. หนังสือรับรองการประกอบวิชาชีพเวชกรรมชั่วคราว
แพทยสภาจะออกหนังสือรับรองการประกอบวิชาชีพเวชกรรมชั่วคราวประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้
- ชื่อที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญฯ
- ชื่อโครงการ ตามขอ
- ชื่อหน่วยงานที่ดูแลและรับผิดชอบ
- ระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติให้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
- สถานที่ปฏิบัติงานเฉพาะที่ได้รับอนุมัติเท่านั้น (ห้ามปฏิบัตินอกเหนือจากที่ระบุไว้โดยเด็ดขาด)
- เงื่อนไขอื่นๆ ที่คณะกรรมการแพทยสภากำหนด
7. ค่าธรรมเนียมการขอหนังสือรับรองการประกอบวิชาชีพเวชกรรมชั่วคราว
ให้ผู้ขอหนังสือรับรองการประกอบวิชาชีพเวชกรรมชั่วคราว ชำระค่าธรรมเนียมในอัตรา 2,000.- (สองพันบาท)/คน/ครั้ง โดยจัดส่งค่าธรรมเนียมฯ ดังกล่าว ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ สาขากระทรวงสาธารณสุข บัญชีแพทยสภา เลขที่ 340-2-011744 และจัดส่งสำเนาสลิปให้กับแพทยสภาที่ E-mail : rgtmc.th@gmail.com
ค่าธรรมเนียมการขอหนังสือรับรองการประกอบวิชาชีพเวชกรรมชั่วคราว ดังกล่าวข้างต้น อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามมติคณะกรรมการแพทยสภา และเป็นไปตามประกาศแพทยสภา เรื่องอัตราค่าธรรมเนียมนอกเหนือจากที่ประกาศท้ายกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2563 ข้อ 18
8. การปฏิบัติตัวของแพทย์ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญฯการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน
8.1 แพทย์ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญฯ ที่ได้รับอนุมัติตามหนังสือรับรองการประกอบวิชาชีพเวชกรรมชั่วคราวของแพทยสภา ต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายของไทยรวมทั้งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525ข้อบังคับ แนวทาง ประกาศ มติคณะกรรมการแพทยสภาและกฎเกณฑ์อื่นๆ ของแพทยสภา ทั้งที่มีอยู่แล้วและที่จะประกาศใช้บังคับในอนาคต เหมือนแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามพระราชบัญญัติเวชกรรมพ.ศ. 2525
8.2 แพทยสภาอาจกำหนดให้หน่วยงานภายใต้การกำกับของแพทยสภาเป็นผู้ติดตามการทำงาน และเป็นผู้ดูแล การปฏิบัติงานของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในฐานะที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญฯ ผู้นั้น
8.3 หน่วยงานที่ขออนุมัติ ต้องมีที่อยู่ ที่สามารถติดตามที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญฯ ได้ตลอดเวลา ทั้งขณะที่อยู่ในประเทศไทยหรือขณะที่เดินทางออกนอกประเทศไทยแล้ว
8.4 ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญฯ เมื่อได้รับอนุมัติให้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมชั่วคราว ต้องอยูในความดูแลของแพทย์ที่มีใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของแพทยสภาตามรายชื่อที่แจ้งไว้กับแพทยสภา ตลอดระยะเวลาที่ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย และ ต้องส่งรายงานผลการปฏิบัติงานทุกหกเดือน ทั้งนี้ แพทยสภาอาจขอผลการปฏิบัติงานของที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญฯ ผู้นั้นเป็นระยะๆ ก่อนที่จะครบกำหนดระยะเวลาที่อนุมัติ
8.5 ห้ามมิให้ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ขออนุมัติประกอบวิชาชีพเวชกรรมชั่วคราวตามข้อบังคับนี้ ปฏิบัติงานก่อนวัน เวลาที่ได้รับอนุมัติ โดยเด็ดขาด
แพทยสภาอาจพิจารณายกเลิกการอนุมัติก่อนระยะเวลาที่อนุมัติไว้ หากพบว่า หน่วยงานหรือองค์กรที่รับผิดชอบในการขออนุมัติไม่ปฏิบัติตามที่แพทยสภากำหนด หรือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมผู้นั้นไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของไทยรวมทั้งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรมพ.ศ.2525ข้อบังคับ แนวทาง ประกาศ มติคณะกรรมการแพทยสภา และกฎเกณฑ์อื่นๆ ของแพทยสภา
ข้อกฎหมายที่หน่วยงาน ที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญฯควรทราบ
1.ความรับผิดทางอาญา เป็นการรับผิดเฉพาะตัว
2.ความรับผิดทางกฎหมายแพ่ง เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
3.ความรับผิดทางจริยธรรม ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 ข้อบังคับฯ ประกาศ อนุมัติคณะกรรมการแพทยสภา และกฎเกณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
บทบัญญัติที่เกี่ยวข้องโดยตรง : ผู้ซึ่งไม่ได้รับการอนุมัติให้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย หากฝ่าฝืน ต้องระวางโทษ ตามมาตรา 43 จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2565
ศาสตราจารย์เกียรติคุณแพทย์หญิงสมศรี เผ่าสวัสดิ์
นายกแพทยสภา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี