เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราได้ทราบถึงสิ่งที่อาจเป็นอันตรายและวิธีสังเกตเบื้องต้นถึงอาการของสัตว์เลี้ยงที่กินสิ่งแปลกปลอมเข้าไปวันนี้เรามาคุยกันถึงการตรวจวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาของสัตวแพทย์กันครับ
@สัตวแพทย์จะชี้ชัดได้อย่างไร ว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตัวสุนัขจริงๆ
1. การซักถามและตรวจสอบประวัติ รวมถึงคำยืนยันของเจ้าของ (ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นพยานปากสำคัญเลยทีเดียว)
2. การตรวจร่างกาย โดยการสำรวจในช่องปาก และลำคอส่วนต้น หรืออาจมีการคลำตรวจในช่องท้องร่วมกัน ก็จะช่วยในการตรวจหาได้ผลยิ่งขึ้น
3. นอกจากนี้ อาจต้องอาศัยวิธีทางรังสีวิทยา โดยการ “เอกซเรย์” หรือใช้“เครื่องอัลตร้าซาวด์” เพื่อช่วยวินิจฉัย โดยหากสิ่งแปลกปลอมเป็นกระดูก ก้อนหิน หรือโลหะ ก็จะสามารถเห็นจากภาพถ่ายทางรังสีวิทยาได้ แต่หากเป็นเศษพลาสติก เศษผ้า เศษด้าย เศษไม้ เมล็ดผลไม้ เช่น มะม่วง ทุเรียน ก็อาจมีความจำเป็นจะต้องใช้ “เทคนิคพิเศษทางรังสีวิทยา” มาช่วยเพิ่มเติมเช่น การให้สัตว์กลืนสารทึบรังสี หรือที่เราเรียกว่า “กลืนแป้ง”เข้าไป เพื่อช่วยให้สารนั้นเข้าไปเคลือบสิ่งแปลกปลอม ทำให้เรามองเห็นได้จากภาพถ่ายรังสี รวมทั้งถ้ามีการอุดตันก็จะพบได้ว่าแป้งที่กลืนนั้นจะสะสมอยู่บริเวณส่วนหน้าที่มีการอุดตันได้อย่างชัดเจน และหากโชคร้ายที่มีการทะลุเข้าช่องท้องด้วย ก็จะพบได้ว่ามีสารทึบรังสีแพร่กระจายออกมาจากทางเดินอาหารได้อย่างชัดเจน
@หากพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในทางเดินอาหารแล้ว จะมีวิธีรักษาอย่างไร
สำหรับแนวทางการรักษาคร่าวๆ คือ ต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ก่อนว่า อะไรคือสิ่งแปลกปลอม? สิ่งแปลกปลอมมีขนาดและลักษณะเป็นอย่างไร? ติดอยู่ที่บริเวณใด? ติดมานานแค่ไหน? เกิดการอุดตันมากแค่ไหน? สภาพของสัตว์ป่วยเป็นอย่างไร? ยังดูปกติอยู่ หรือโทรมแล้ว?
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยในการพิจารณาหาทางเลือก และทางออกของปัญหานี้ ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงความพร้อมของอุปกรณ์และเครื่องมือที่คลินิกหรือโรงพยาบาลสัตว์นั้นๆ อีกด้วย ทั้งนี้ ขอยกกรณีตัวอย่างให้เห็นดังนี้ครับ
-การติดของกระดูกก้างปลา หรือเข็มเย็บผ้า ที่ติดอยู่ในช่องปาก และเป็นสุนัขที่ใจดี ไม่ดุร้าย ก็จะง่ายต่อการเปิดปาก แล้วเอาอุปกรณ์คีบเอาออกได้โดยตรงเลย แต่ทั้งนี้ก่อนจะคีบออก สัตวแพทย์ผู้แก้ไขสามารถจะเลือกใช้ยาลดปวด หรือยาซึมกับสุนัขก่อนจะลงมือ เพื่อช่วยให้สุนัขสงบลง และลดความเจ็บปวดเสียก่อนได้
-การติดของกระดูกสันหลังหมู (เล้ง) กระดูกไก่ (ที่แหลมคม) หรือเบ็ดตกปลา ในหลอดอาหารที่ลึกเข้าไป จากช่องปาก กรณีนี้การตรวจวินิจฉัยอาจจำเป็นต้องรวมไปถึง การตรวจสอบการฉีกขาดของหลอดอาหารเสียก่อน การแก้ไขก็สามารถทำได้โดยการส่องกล้องเข้าไป เเล้วค่อยๆ คีบออกมา ทั้งนี้บริเวณของหลอดอาหารที่มักจะพบว่ามีการอุดตันมักอยู่บริเวณหลอดอาหารส่วนท้ายก่อนที่จะผ่านเข้าไปในกระเพาะอาหาร เนื่องจากมีกล้ามเนื้อหูรูดกัน ทำให้ไม่สามารถเข้ากระเพาะส่วนต้นเข้าไปได้
ปัญหาใหญ่จะเกิดได้มากขึ้น ในกรณีที่ไม่สามารถคีบออกหรือดันลงไปในกระเพาะได้ หรือมีการฉีกขาดของหลอดอาหาร ทำให้เศษอาหารหลุดเข้าไปในช่องอก กรณีนี้สัตวแพทย์มีความจำเป็นที่จะต้องทำการผ่าตัดเปิดช่องอก เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวในลำดับถัดไปทั้งนี้การผ่าตัดช่องอกจำเป็นต้องอาศัย “ทีมศัลยสัตวแพทย์ที่มีความชำนาญและอุปกรณ์ช่วยเหลือ” เพิ่มเติม ซึ่งสัตวแพทย์จะทำการเตรียมพร้อมและชี้แจงทำความเข้าใจกับเจ้าของเพื่อให้ทราบถึงสถานการณ์เลวร้ายที่สุนัขประสบอยู่
-ถ้าเป็นสิ่งแปลกปลอมชิ้นไม่ใหญ่นัก และไม่มีขอบคม เช่น ก้อนหิน ลูกแก้ว หรือแม้กระทั่งกระดูกหมูที่ติดอยู่ในกระเพาะอาหาร หรือลำไส้ สัตวแพทย์จะพิจารณาว่าของเหล่านั้นมีแนวโน้มว่าจะก่อให้เกิดปัญหาการอุดตันหรือไม่ (จากการประมวลผลจากการตรวจวินิจฉัยทางรังสีวิทยา หรืออัลตร้าซาวด์) หากไม่มีปัญหาการ
อุดตันเกิดขึ้น การรอคอยหรือการให้เวลาเพื่อดูสถานการณ์ ก็เป็นทางเลือกหนึ่ง ซึ่งมีหลายครั้งที่พบว่าสุนัขสามารถขับถ่ายออกมาได้เองตามปกติ ทั้งนี้สัตวแพทย์อาจพิจารณาที่จะให้ยาระบายอ่อนๆ มาช่วยให้สุนัขขับถ่ายออกมาได้คล่องขึ้น
เรื่องราวยังไม่จบแค่นี้นะครับ สัปดาห์หน้า เรามาคุยกันถึงวิธีการรักษากันต่อ และมาดูการป้องกันรวมถึงดูแลหลังผ่าตัดกันครับ
อ่าน >>> อันตรายจากความตะกละ (ตอนที่ 1)
“หมอโอห์ม”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี