เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ผมไปตรวจเลือดทุก 6 เดือนเป็นปกติตามแพทย์สั่ง คืนนั้นสังเกตตอนนอนว่าตนเองคอแห้ง แต่ขี้เกียจลุกขึ้นไปดื่มน้ำ เช้าวันที่ 22 ธันวาคม รู้สึกระคายเคืองคอและอก เวลาผมเจ็บคอจากการแพ้อากาศ ติดเชื้อ ฯลฯ มันมักจะลงไปที่อกด้วย คล้ายๆ กับว่าหลอดลมและระบบหายใจผมมีความไว หรือมี sensitive airway ตอนแรกผมก็นึกว่าคงเป็นเพราะผมมีอาการแพ้อากาศ ผมมีโรคภูมิแพ้ คือ โดนพัดลมตรงตัว โดนแอร์ตรงตัว จะมีอาการภูมิแพ้ ตั้งแต่น้ำมูกไหล จามระคายเคืองคอ ลงไปถึงอก วันที่ 22 เป็นวันสำคัญพอดีที่ผมจะต้องไปงานปฐมนิเทศของหลักสูตร ปธพ. Executive เพื่อความปลอดภัยของคนอื่นผมจึงตรวจ ATK ซึ่งมีขีดเดียว และผมตรวจทุกวัน 23,24 และ 25 ซึ่งทุกครั้งก็ยัง 1 ขีด วันที่ 23 เริ่มมีไข้ ปกติอุณหภูมิผมจะไม่ถึง 37 แต่วันที่ 23 สูงถึง 37.4 Cหรือ 99 F รู้สึกเลยว่าตัวรุมๆ รู้สึกหนาว ผมโชคดีที่นอนหลับได้ดี 7-10 ชม. (ช่วงนี้)ทุกวัน แต่ก็ยังง่วง เพลียทั้งวัน ตรวจ oxygen sat ก็ดี เดินก็ไม่เหนื่อย เพียงแต่หนาว ตัวรุมๆ ง่วงนอนทั้งวันทั้งคืน ปกติถ้าผมนอน 8-9 ชม. ผมจะไม่ค่อยง่วงในคืนวันรุ่งขึ้น แต่ช่วงนี้ถึงนอน 10 ชั่วโมงก็ยังง่วงตลอด
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2566 เริ่มไอ และมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ไอแห้ง ไม่มีเสมหะ ไม่มีน้ำมูก ผมเลยโทรไปรบกวนคุณหมออำพล(หน่วยโรคติดเชื้อที่ผมเคยปรึกษามาตลอด ช่วงที่เป็นโควิดมา2 ครั้ง และคราวนี้ก็เริ่มติดต่อตั้งแต่ 23) และนัดไปตรวจ PCR ในวันChristmas จันทร์ที่ 25 ธันวาคม ภายใน 2 ชม.ก็ทราบว่าผมติดไข้หวัดใหญ่ หรือ Influenza ทราบตอน 4 โมงเย็น 5 โมงก็ได้ยา โชคดีมากที่ได้ยาเลยวันนั้น เพราะเป็นไข้หวัดใหญ่ถ้ากินยาภายใน 2 วันแรกหลังเป็นจะดีมาก ผมกินในวันที่ 3 ของการมีอาการ แต่ผมคิดว่าผู้ป่วยที่ได้กินยาใน 2 วันแรกคงมีน้อยมาก เพราะคงไม่มีใครไปพบแพทย์ในช่วง 1-2 วันแรกของการมีอาการ
ยาที่ได้กินคือ Tamiflu กินเช้า 1 เม็ด เย็น 1 เม็ด ก่อนอาหารหลังอาหารก็ได้ กินยาโดยไม่ได้กินอาหารมื้อนั้นยังได้ ถ้าลืมกินยา นึกขึ้นได้เมื่อไหร่ก็กินได้เลย ผมขี้แพ้ยาปฏิชีวนะมาก แต่ก็ไม่แพ้ยา Tamiflu ต้องกินยาเป็นชุด 5 วัน เช้าที่ 30 ธันวาคม ก็เป็นยามื้อสุดท้าย กินยาไปได้ 2 doseเช้าวันที่ 26 ธันวาก็รู้สึกดีขึ้น วันที่ 27 ยิ่งดีขึ้นใหญ่ แต่ 28-29 รู้สึกว่าอาการที่ดีคงที่ วันที่ 30 เป็นวันที่ 9 ของวันที่มีอาการ ก็ดีขึ้นมากๆ แต่ผมนอนดีทุกวัน เมื่อคืน 9 ชั่วโมง ปกติจะพยายามนอน 7-8 ชม.ต่อคืน และช่วงนี้ผมก็เดินทุกวัน โดยได้รับอนุญาตจากคุณหมอว่าเดินได้ โดยผมถามคุณหมอไปว่าผมเดินได้ไหม ผมเดินช้ามาก 1 กิโลเมตรใช้เวลาเดิน20 นาที และเดิน 1 ชั่วโมงต่อครั้ง ซึ่งคุณหมอก็อนุญาต เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม เลยเดินเช้า 1 ชม. เย็น 1 ชม.
ป่วยคราวนี้จึงทำให้ผมสงสัยว่า ที่ผมเคยมีอาการอย่างนี้ปีละ 1-2 ครั้ง ยาวเป็นเดือน ทั้งๆ ที่เป็นโควิด 2 ครั้ง และช่วงอื่นๆ ที่ไม่ได้ตรวจหาเชื้อไวรัสตัวอื่นๆ ว่า ผมอาจเป็นไข้หวัดใหญ่ โดยไม่ได้ตรวจ PCR และไม่ได้รับการรักษาโรคจึงเป็นนาน ผมได้แต่กินยารักษาอาการเท่านั้น บางครั้งกินยาฆ่าเชื้อโรค (ไม่ใช่ฆ่าฟลู) ก็ไม่ดี อาจเป็นไปได้ว่าในอดีตผมติด ‘flu โดยไม่ได้คิดว่าเป็น flu เพราะผมฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี คราวนี้ก็ฉีด แต่ครั้งสุดท้ายที่ฉีดคือเดือนธันวาคม 2565 1 ปีพอดี ผมจะไปฉีดเดือนเมษายน 2566 แต่หมอบอกว่าควรห่างจากการฉีดครั้งก่อน 6 เดือน จึงรอก่อน และลืมไปฉีดเลย แต่ก็เป็น 1 ปีพอดีหลังฉีดครั้งสุดท้าย
การฉีดวัคซีนขอย้ำว่าไม่ป้องกันการติดเชื้อ 100% แต่ลดความรุนแรงของโรคถ้าติด ผมเองคิดว่าผมเป็นไม่มากสำหรับอายุอย่างผม ที่ถ้าเป็นและไม่ได้ฉีดวัคซีนมักเป็นรุนแรง อาจมีภาวะแทรกซ้อน ผมรู้สึกว่าตัวรุมๆ มีไข้ วัดก็สูงไม่เกิน 37.5 C ขี้หนาว มีระคายเคืองเจ็บคอ อก ไอแห้ง 2 วัน ไม่มีน้ำมูก จามซึ่งถือว่าเป็นน้อยมาก แต่คงเป็นเพราะผมหยุดทำงาน เพราะเป็นวันเสาร์ อาทิตย์ (23-24/12/66)ด้วย และหยุด25-28/12/66 ตลอดมา นอนทั้งวัน แต่ยังง่วง
หมอบอกว่าหายจากไข้หวัดใหญ่ช่วงนี้ไปฉีดวัคซีนป้องกันได้เลยไม่ต้องรอเป็นเดือนๆ ผมเลยกะเอง(ต้องปรึกษาแพทย์ทางด้านนี้)ว่าจะฉีดเดือนมกราคม และอยากไปฉีดอีก 1 ครั้งหลัง 6 เดือนจะดีกว่าฉีดครั้งเดียวตอนมกราคมเท่านั้นหรือไม่
Influenza เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่ไปติดที่จมูก คอ และปอด ปกติส่วนใหญ่จะหายเอง แต่อาจเป็นมาก มีภาวะแทรกซ้อนจนถึงตายได้ โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 12 เดือนผู้ตั้งครรภ์ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี(คือผม) ผู้ที่อยู่ในบ้านพักผู้สูงอายุหรือที่มีคนมากๆ รวมทั้งค่ายทหารโรงพยาบาล ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ดัชนีมวลกายมากกว่า 40 ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น หอบ หืด หัวใจ ไต ตับ เบาหวาน ฯลฯ
อาการของไข้หวัดใหญ่ คือ มีน้ำมูก จาม เจ็บระคายคอ อาการของไข้หวัดธรรมดามักค่อยๆ เริ่ม แต่ไข้หวัดใหญ่มาเร็ว(อย่างของผม)และเป็นมากกว่าไข้หวัดธรรมดา อาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อ หนาวสั่น เหงื่อแตก ปวดหัว ไอแห้ง หายใจไม่ทัน เพลีย อ่อนแรง เจ็บตา คลื่นไส้อาเจียน
ไข้หวัดใหญ่ ติดต่อกันได้จากการไอ จาม พูดคุย หรือจากการเอามือไปจับสิ่งที่มีเชื้อ และเอามาแตะหน้าตนเอง การติดเชื้ออาจมีได้จากคนที่มีเชื้อตั้งแต่ยังไม่มีอาการ 1 วัน และช่วงมีอาการ 5-7 วัน ภาวะแทรกซ้อนของ ‘flu คือ ปอดบวม การติดเชื้อของหู ไซนัสอักเสบ อาการของหัวใจ หอบหืด เบาหวาน แย่ลง
‘flu มักหายภายในไม่กี่วันจนถึง 2 อาทิตย์ ผู้สูงอายุที่ติดฟลูมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง
ทุกคนควรไปฉีดป้องกันฟลู และท่านที่มีอายุ 50 ปีควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคปอดบวม (pneumococcus) และงูสวัดนะครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี