ในประเทศไทย ถ้ามีอาการคล้ายๆ ไข้หวัด ควรต้องนึกถึงอะไรบ้าง ในขณะนี้ ถ้ามีอาการทางระบบทางเดินหายใจส่วนต้น เช่น มีจาม น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ ฯลฯ นอกจากไข้หวัดธรรมดาแล้ว คงต้องนึกถึงโรคไข้หวัดใหญ่(influenza) โรคโควิด-19, และโรค RSV-respiratorysyncytial virus เป็นหลัก
แต่ยังมีโรคอื่นๆ ที่ต้องนึกถึงด้วย กล่าวคือ ไข้เลือดออก(Dengue Fever) ที่แพร่เชื้อโดยยุง โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya)ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่แพร่โดยยุงลาย ฯลฯ
การวินิจฉัยโรคจะต้องอาศัยประวัติ (อาการ) การตรวจร่างกายและการตรวจทางห้องทดลอง แต่ถ้าช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีการแพร่เชื้อของโรคใดโรคหนึ่ง การวินิจฉัยอาจขึ้นอยู่ที่อาการเท่านั้น ในขณะนี้โดยทั่วๆ ไป ก็คงนึกถึงโรคหลักๆ เพียงไข้หวัด(จาม น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ) ไข้หวัดใหญ่ เหมือนไข้หวัด แต่รุนแรงกว่า อาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ อ่อนเพลียมากกว่า ไข้อาจสูงกว่า อาจมีหนาวสั่น ส่วนโควิด-19 ก็มีอาการคล้ายๆ ไข้หวัดใหญ่ แต่อาจรุนแรงมากกว่า ส่วนโรค RSV มักพบบ่อยกว่าในเด็ก และผู้สูงอายุ
ปัจจุบันนี้ถ้ามีอาการต่างๆ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงอาจรักษาตามอาการ แต่สำหรับเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีความเสี่ยงต่างๆ เช่น ผู้ที่มีโรคเรื้อรังต่างๆ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ฯลฯ เพื่อความสบายใจอาจซื้อ rapid test kit มาตรวจเองที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น ATK สำหรับโรค COVID อย่างเดียว หรือตรวจ COVID กับโรคไข้หวัดใหญ่ ทั้งเชื้อ A และ B (flu) หรือตรวจ COVID ร่วมกับ flu กับ RSV หรือตรวจ flu กับ RSV ฯลฯ
สำหรับไข้หวัดใหญ่ การรู้ว่ามีเชื้อไข้หวัดใหญ่หรือไม่ ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะการกินยาต้านไวรัสจะได้ผลดีมาก ถ้ากินภายใน 48 ชั่วโมงแรก จะลดระยะเวลาที่มีอาการและลดความรุนแรงของโรค โดยทั่วๆ ไปคนกว่าจะไปพบแพทย์ก็เกิน 48 ชั่วโมงแล้ว แต่ท่านใดที่สงสัย สนใจ มีเงินเอง ราคา test kit ของ Covid+flu รวมกันประมาณ 80 บาท ก็อาจซื้อมาตรวจได้จากร้านขายยาทั่วๆ ไป ใครมีงบประมาณก็อาจตรวจ 2 เชื้อนี้ไปเลย ถ้ามีอาการและอยากตรวจ ถ้าไม่มี 2 เชื้อนี้และยังมีอาการอาจตรวจหา RSV เพิ่ม (เป็นมากในเด็กและผู้สูงอายุ)
เชื้อ respiratory syncitial virus ทำให้เกิดการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนบนแต่ลงไปได้ถึงปอด เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากในเด็ก ซึ่งส่วนใหญ่จะติดเชื้อนี้แล้วทั้งนั้นก่อนมีอายุถึง 2 ขวบ แต่เชื้อนี้ก็สามารถแพร่ไปถึงผู้ใหญ่ได้ อาการส่วนใหญ่จะไม่รุนแรง เหมือนไข้หวัด รักษาตามอาการได้ แต่เชื้ออาจทำให้เกิดโรคอย่างรุนแรงได้เหมือนกัน โดยเฉพาะในเด็กอายุน้อยกว่า 12 เดือน เด็กที่เกิดก่อนกำหนด ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีปัญหาทางด้านหัวใจ ปอด หรือใครก็แล้วแต่ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
อาการของโรค RSV คือ คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ แห้งไข้ต่ำๆ เจ็บคอ จาม ปวดศีรษะ ในรายที่เป็นมากอาจทำให้เกิดปอดบวม ซึ่งจะทำให้มีอาการรุนแรงขึ้น คือ ไข้สูง ไอมาก หายใจหายใจมีเสียงวี้ดๆ หายใจถี่ หรือมีปัญหาทางด้านการหายใจ
ส่วนใหญ่จะหายภายใน 1-2 สัปดาห์
การติดเชื้อ RSV จะทำให้มีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติจึงอาจมีโอกาสติดเชื้อ COVID-19 ได้ง่ายขึ้น ซึ่งถ้าเป็นทั้ง 2 โรค โรค COVID-19 จะเป็นมากขึ้น
การติดเชื้อ RSV จะผ่านตา จมูก ปาก จากผู้ที่มีเชื้อจาม ไอ หรือไปแตะกับเชื้อโดยตรง เชื้ออาจอยู่ได้บนวัตถุต่างๆเป็นเวลาหลายชั่วโมง ฉะนั้นต้องไม่เอามือไปแตะหน้า ตา จมูก ปาก ฯลฯ และล้างมือบ่อยๆ คนที่เป็นโรค RSV จะแพร่เชื้อมากที่สุดใน 7 วันแรก แต่ผู้ที่มีเชื้อและมีภูมิคุ้มกันบกพร่องด้วย อาจแพร่เชื้อได้ถึง 4 สัปดาห์
สามารถติดเชื้อนี้ได้มากกว่าครั้งเดียว อาจเป็นรุนแรงถึงเข้าโรงพยาบาล ปอดบวม หรือมีหูอักเสบ เป็นหอบหืด
การป้องกันดีที่สุด มี 2 วิธี หนึ่ง คือ การให้ antibodyแก่เด็กครั้งเดียวก่อนฤดูกาล RSV สำหรับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 8 เดือน
และวัคซีนสำหรับผู้ตั้งครรภ์ ระหว่างสัปดาห์ 32-36 สำหรับผู้สูงอายุ คือ เกิน 60 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และโดยเฉพาะผู้ที่มีอายุเกิน 80 ปีขึ้นไป
นอกจากนั้นคือ ต้องล้างมือบ่อยๆ ลดการไปอยู่ใกล้คนที่มีอาการ หรือเสี่ยงเลี่ยงคนจำนวนมาก รักษาบ้านให้สะอาด ไม่ดื่มจากแก้วผู้อื่น มีช้อนกลาง ไม่สูบบุหรี่ ฯลฯ
โดยสรุปอาการไอ จาม เจ็บคอ น้ำมูกไหล ไข้ อาจแยกไม่ได้ว่าเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โควิด หรือ RSV สงสัยอะไรก็ตรวจหาเชื้อนั้นก่อน หรือถ้าขี้เกียจไล่ไปทีละเชื้อ
ก็ตรวจทีเดียว 2 ตัวหรือมากกว่าเลย แต่ต้องจ่ายเงินเองนะครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี