ประเทศไทยมีหนี้ครัวเรือน (หนี้รวมของทุกคนในครอบครัว)หนี้ส่วนบุคคล (หนี้ส่วนตัวของคนที่เป็นหนี้) และหนี้เฉลี่ยของประเทศ (หนี้ทั้งคนที่มีหนี้ และไม่มีหนี้) สูงมาก ซึ่งโดยสรุปหนี้ครัวเรือนจะมากที่สุด ตามด้วยหนี้ส่วนบุคคล และหนี้เฉลี่ย
ข้อมูลจาก UTCC และธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า ณ ต้นปี 2568 หนี้ครัวเรือนเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 559,400- 606,000 บาท
เครดิตบูโรรายงานว่าหนี้เฉลี่ยเฉพาะคนไทยที่มีหนี้อยู่ที่ประมาณ 520,000 บาท ธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 539,291 บาทต่อคน!!?
หนี้ครัวเรือนรวมอยู่ที่ 16.4 ล้านล้านบาท หรือราว 88-91% ของ GDP ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานว่าไม่ควรเกิน 80% ตามคำแนะนำของ BIS
หนี้ส่วนใหญ่เป็นหนี้ในระบบ เช่น สินเชื่อบ้าน รถ บัตรเครดิต แต่ยังมีหนี้นอกระบบคิดเป็นสัดส่วนกว่า 20-30% หนี้นอกระบบน่ากลัวมาก อาจคิดเป็น 10% ต่อเดือน ดอกถึงสูงมาก 120-500% ต่อปี!!
ทำไมคนไทยจึงมีหนี้มาก?
1) ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ไม่วางแผนการเงิน ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย และ TTB analytics ระบุว่า มากกว่า 30-40% ของหนี้ครัวเรือน เกิดจาก “การบริโภค” ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เช่น ผ่อนโทรศัพท์มือถือ ใช้บัตรเครดิตเกินตัว ผ่อนของแฟชั่น/เทคโนโลยี กินเที่ยวเกินรายได้ ปัจจัยร่วมคือ “เห็นโฆษณา” “ผ่อนง่าย” “ขาดวินัย”
2) รายได้ไม่พอรายจ่าย/ค่าครองชีพสูง คนไทยส่วนใหญ่มีรายได้ต่อเดือนต่ำ รายได้เฉลี่ยทั่วทั้งประเทศ 15,000-16,000 บาท/เดือน คนไทยกว่า 40% มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาท/เดือน แต่ต้องจ่ายค่ากินอยู่ ค่าเช่าห้อง ค่าเดินทาง ทำให้ต้องกู้เงินเพื่อประคองชีวิต รายได้ขั้นต่ำเพื่อพออยู่ได้อยู่ที่ประมาณ 18,000-25,000 บาท/เดือน รายได้ขั้นต่ำเพื่อเก็บเงินได้อยู่ที่ประมาณ 25,000-30,000 บาท/เดือน คนไทยไม่มีเงินออมเลย 30% คนไทยมีเงินเก็บไม่ถึง 2 แสนบาท 60%
คำตอบสั้นๆ ว่าทำไมคนไทยจึงเป็นหนี้คือ รายได้ไม่พอ และใช้จ่ายเกินตัว
เรื่องรายได้จากเงินเดือนโดยเฉพาะข้าราชการไม่พอนั้น มันนอกเหนือตัวเรา ถึงแม้เรียนมาดี มีงานทำ ก็ยังมีรายได้ไม่ดีได้ เช่น แพทย์จบใหม่มีงานทำทุกคน เท่าที่ทราบมีรายได้พื้นฐานเพียง 18,000 บาท ไม่นับค่าอยู่เวร แพทย์จำนวนมากต้องทำงานนอกเวลาราชการ เช่น ตอนเย็น หรือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งผมคิดว่าไม่ดี แพทย์ควรเอาเวลาว่างไปพักผ่อน ทำงานอดิเรก อ่านหนังสือเพิ่มเติมความรู้ ออกกำลังกาย ทำอะไรให้สังคม ครอบครัว ฯลฯ แต่แพทย์ยังดีที่สามารถหาเงินได้โดยสุจริต
ผมมีความเชื่อว่าทุกคน (โดยเฉพาะข้าราชการ) ควรมีรายได้เพียงพอจากการทำงานหลักอย่างเดียว โดยไม่ต้องไปทำงานเสริม เพื่อหารายได้ให้เพียงพอกับค่าครองชีพ แต่ต้องรู้จักพอด้วย
แต่ยังมีบัณฑิตที่จบปริญญาตรี 150,000 คน (2568) ที่ยังหางานทำไม่ได้ เพราะเรียนอะไรที่สังคมไม่ต้องการ หรือผลการเรียนยังไม่ดีพอ
อย่างไรก็ตาม ตามที่ผมพูด เขียน บ่อยๆ ว่า ประเทศไทยควรมีคณะกรรมการแห่งชาติดูแลเรื่องกำลังคน ว่าอาชีพ วิชาชีพ อะไรที่ประเทศไทยขาด ต้องการ ดูและปรับตลอดเวลาให้ทันสมัย กรรมการชุดนี้อาจดูเรื่องเงินเดือนให้ด้วย ทราบว่าขณะนี้คนไทยที่ได้รับเงินเดือนเดือนละ 25,000-30,000 บาท จึงจะพออยู่ได้ ผ่อนหนี้ได้บางส่วน และออมเพื่ออนาคตได้
เงินเดือนต้องมีการปรับตลอดเวลาให้เพียงพอกับค่าครองชีพ เงินเฟ้อ คนที่ได้รับเงินเดือนเท่ากันทุกปีถือว่าได้รับเงินเดือนลดลง เนื่องจากเงินเฟ้อ ฉะนั้นทุกปีควรได้ค่าเงินเฟ้อ และค่าเงินเพิ่มจากการทำงานให้หน่วยงานนั้นอีก 1 ปี แต่ควรจะมีผลงานด้วย
แต่ระหว่างที่รอให้รัฐบาลหรือภาคเอกชนมาเพิ่มเงินให้เรา เราต้องช่วยตัวเราเองก่อนด้วยการ-โดยสรุป-มีน้อยใช้น้อยกว่า ด้วยการกินข้าวที่บ้าน ไม่กินระหว่างมื้อ ไม่ซื้อขนม น้ำหวาน ของหวาน ชา กาแฟ ชงกินเองที่บ้าน และใส่กระติกเอาไปกินที่ทำงาน กลางวันกินข้าวและกับ 1 จาน อย่างที่สถานเสาวภา (สวนงู) กับข้าวมีราคาเพียงจานละ 30 บาท ข้าวสวย 5 บาท สำหรับความต้องการของร่างกายแค่นี้พอแล้ว อาจเอาผัก ผลไม้ไปจากบ้าน กินอาหารน้อยที่ถูกสุขลักษณะ จะประหยัด และดีต่อสุขภาพด้วย ทุกๆ คน ต้องรู้จักประหยัด รู้จักพอ (ในทุกเรื่อง ความต้องการทุกอย่าง กิน ใช้ ซื้อ ต้องรู้จักพอ ฯลฯ) พ่อแม่ต้องสอนลูกให้รู้จักประหยัด ออมตั้งแต่เด็กๆ รู้จักพอ ไม่ใช้เงินเกินตัว ฯลฯ
แต่ที่แน่ๆ ในมุมมองของผม รัฐบาลต้องค่อยๆ ปรับจนข้าราชการอยู่ได้จากเงินเดือนเท่านั้น รวมทั้งค่าแรงงานต่อวัน ทั้งนี้ข้าราชการต้องพัฒนาตนเองให้เหมาะสมด้วย ไม่ใช่อยู่ไปวันๆ เช้าชามเย็นชาม ถ้าเรามีกรรมการแห่งชาติดูแลเรื่องกำลังคน เงินเดือน อย่างจริงจัง จะได้ประโยชน์หลายอย่าง รวมทั้งจะเป็นเสี้ยวหนึ่งของการลดการมีคอร์รัปชั่นอีกด้วย แต่การมีคอร์รัปชั่นมีหลายสาเหตุ ต้องทำหลายๆ ด้านควบคู่กันไป
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี