วันที่ 28 กันยายน คือวันป้องกันพิษสุนัขบ้าโลก (World Rabies' Day ) วันนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการร่วมกันรณรงค์สร้างความตระหนักให้เห็นพิษภัยร้ายแรงของโรคพิษสุนัขบ้า โดยร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคประชาชน มีเป้าหมายเพื่อกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปภายในปี พ.ศ. 2573 ตามเป้าหมาย Zero by 2030 และเน้นการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ด้วยความรับผิดชอบ สร้างความตระหนักให้เจ้าของพาสัตว์เลี้ยงไปรับวัคซีน ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นประจำทุกปี และเพื่อควบคุมจำนวนประชากรสัตว์ โดยเฉพาะสุนัขและแมว
ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2568 องค์กรโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) มีแนวคิดการจัดงานของปี คือ Act Now : You, Me, Community เพื่อรวมพลังหยุดยั้งโรคพิษสุนัขบ้า พร้อมเน้นให้ทุกคนตระหนักถึงการร่วมกันกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าอย่างจริงจัง เพื่อนำไปสู่การปลอดโรคสุนัขบ้าที่ยั่งยืนถาวร
สถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทยยังพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าในปี 2568 นี้ โดยนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พบว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 7 ราย โดยผู้เสียชีวิตจากโรคนี้อยู่ในต่างจังหวัด และเป็นจังหวัดที่เคยมีผู้เสียชีวิตโดยพิษสุนัขบ้ามาก่อน จึงหมายความว่าโรคพิษสุนัขบ้ายังคงอยู่ในพื้นที่เดิม และพบการแพร่ระบาดยังคงอยู่
จากข้อมูลในอดีตพบว่ามีผู้เสียชีวิตสูงสุด 18 ราย ในปี 2561 ด้วยความใส่พระทัยของ ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสว่างควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงสนพระทัยโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทย จึงทรงจัดตั้งโครงการ "สัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า" โครงการนี้เกิดขึ้นจากพระราชปณิธานของพระองค์ท่าน ทรงให้หน่วยงานในกระทรวงต่าง ๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กระทรวงสาธารณสุข ทำงานร่วมเชิงบูรณาการเพื่อป้องกันและกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดจากประเทศไทย
ผลของการทำงานในโครงการดังกล่าว ส่งผลให้ลดจำนวนผู้เสียชีวิตเพราะพิษสุนัขบ้าในแต่ละปีอย่างเห็นได้ชัด เฉลี่ย 5 รายต่อปี จากข้อมูลนี้ ถึงแม้จะมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันทำงาน แต่ยังมีสิ่งสำคัญในการทำโครงการคือ เจ้าของสัตว์เลี้ยง ผู้สัมผัสสัตว์เลี้ยงที่ยังสี่ยงต่อโรคพิษสุนัขบ้า กลับไม่ได้ตระหนักและไม่สนใจอันตรายของโรค จึงพบว่าปัญหาหลักที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ในประเทศไทยคือถูกสุนัข แมวกัดแล้วไม่ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรค และพบว่าผู้คนยังมีความเชื่อที่ไม่ถูกต้องสูงถึงร้อยละ 90 กับโรคนี้ แล้วยังขาดความตระหนักต่อโรค เพราะคิดว่าเมื่อสุนัขกัด แมวข่วน ไม่ทำให้เป็นโรคพิษสุนัขบ้า
สัตวแพทย์มักพบว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายรายเชื่อว่าโอกาสสัมผัสพาหะของโรคพิษสุนัขบ้านั้นมีน้อย จึงไม่พาสัตว์เลี้ยงไปรับวัคซีนตามวงรอบปี ซึ่งจริง ๆ แล้วสัตวแพทย์แนะนำให้นำสัตว์เลี้ยงไปรับวัคซีนทุกปีตามวงรอบ เพื่อลดปัญหาโรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้าเกิดได้เพราะมีพาหะของโรคคือสุนัข แมว ค้างคาว สัตว์ในกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น วัว ควาย ม้า แพะ แกะ หมู สัตว์เหล่านี้ติดเชื้อและแพร่เชื้อได้ แต่ถือว่าเป็นพาหะชั่วคราว ไม่ได้เป็นแหล่งหลักในการคงอยู่ของโรค แต่ปัญหาคือเมื่อเจ้าของสัตว์เลี้ยงถูกสุนัขหรือแมวกัดหรือข่วน มักจะถามสัตวแพทย์ว่าตัวเองควรรับวัคซีนหรือไม่ แต่ต้องย้ำว่าสัตวแพทย์แนะนำทุกครั้งว่าต้องไปฉีดวัคซีนโดยทันทีเพื่อป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และยังบอกถึงอันตรายร้ายแรงของโรคด้วย
ดังนั้น ประเด็นนี้ยังเป็นเรื่องที่ต้องสร้างความเข้าใจ และความตระหนักรู้ต่อโรคพิษสุนัขบ้ากับเจ้าของสัตว์เลี้ยงและผู้สัมผัสสัตว์ให้มากขึ้น
กรมควบคุมโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุขมีสโลแกนหยุดเสี่ยงด้วยคาถา 5 ย
คือ อย่าแหย่ให้สุนัขโมโห อย่าทำให้สุนัขตกใจ อย่าแยกสุนัขที่กัดกันด้วยมือเปล่า อย่าหยิบแย่งจานอาหารเมื่อสุนัขกำลังกิน และอย่ายุ่งกับสุนัขที่ตนเองไม่ได้เลี้ยง
คาถา 5 ย ช่วยให้เราห่างไกลจากโรคพิษสุนัขบ้าได้ และขอย้ำว่าโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทยยังเป็นเรื่องใหญ่ ต้องอาศัยความร่วมมือกันหลายภาคส่วนเพื่อกำจัดโรคนี้ให้หมดไป แต่สิ่งสำคัญคือเจ้าของสัตว์เลี้ยงหรือผู้ให้อาหารสัตว์จรจัดต่าง ๆ ต้องเข้าใจโรคนี้ให้ดี เพราะจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดโรคได้ดีที่สุด และลดโอกาสเสียชีวิตได้ด้วย
สัปดาห์หน้าจะเล่ารายละเอียดโครงการ "สัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้า" ตามพระปณิธาน ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสว่างควัฒน วรขัตติยราชนารี ให้ทราบทั่วกันว่าโครงการนี้ทำอะไร มีประโยชน์อย่างไร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี