เมื่อวานนี้ รายการวิทยุชื่อ “จิตกรออนแอร์” ออกอากาศเป็นวันที่สองแล้วทางคลื่นสไมล์ไทยแลนด์ 105 เมกะเฮิรตซ์ ระหว่างเวลา 14.30-16.00 น. ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ จึงขอเชิญชวนทุกท่านติดตามรับฟังกันด้วยนะครับ
นอกเหนือจากนำเสนอข่าวสาร เมื่อวานนี้ได้เล่าเรื่องราวของ “พระที่นั่งอนันตสมาคม” ซึ่งในวันพรุ่งนี้ จะเป็นสถานที่สำคัญอันเป็นการนับ 1 อนาคตประเทศไทยตามโรดแมป สู่การเลือกตั้ง โดยมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงเริ่มต้นความมีมงคลแก่ชาติบ้านเมืองและปวงชนชาวไทยใต้ร่มพระบารมีด้วยการพระราชทานรัฐธรรมนูญ ซึ่งผ่านการทำประชามติจากประชาชนชาวไทยมาแล้ว
รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงมีความสำคัญมาก ในภายภาคหน้าใครคิดล้มล้างหรือแก้ไข จะกระทำโดยมักง่าย ไร้ความเคารพคงมิได้เพราะวันพรุ่งนี้ ภาพประวัติศาสตร์ของการ “พระราชทานรัฐธรรมนูญ” จะเกิดขึ้น นับเนื่องยาวนานจากกาลก่อน ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับแรกแก่ปวงชนชาวไทย โดยใช้ “พระที่นั่งอนันตสมาคม” นี้ เป็นสถานที่พระราชทานรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกัน
โดยหมายกำหนดการของวันพฤหัสบดีที่ 6 เม.ย.2560 เจ้าพนักงานเตรียมการพระราชพิธี ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต ไว้พร้อมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน ไปยังพระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต เวลา 15.00 น. เสด็จออก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ทรงยืนหน้าพระราชอาสน์หน้าพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร แวดล้อมด้วยเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ มหาดเล็กรัวกรับ ชาวม่านเปิดพระวิสูตร ชาวพนักงาน ประโคมกระทั่งแตรมโหระทึก ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี พระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี คณะรัฐมนตรี คณะทูต สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรอิสระ ข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรือนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ตามตําแหน่งเป็นมหาสมาคม
เมื่อสุดเสียงประโคมแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เชิญรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว พระราชทานแก่นายกรัฐมนตรี เจ้าพนักงานอาลักษณ์ กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประทับพระราชลัญจกรแล้วเชิญไปประดิษฐานบนพานทองที่เสาบัวหน้ามหาสมาคม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อ่านกระแสพระราชปรารภประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 จบแล้ว ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัยสังข์ แตร ดุริยางค์ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงมหาฤกษ์ ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่ฝ่ายละ 21 นัด และวัดทั่วราชอาณาจักรย่ำระฆังและกลอง
ครั้นสุดเสียงปืนใหญ่ มหาดเล็กรัวกรับ ชาวม่านปิดพระวิสูตร ชาวพนักงานประโคมกระทั่งแตร มโหระทึก วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินกลับ
“พระที่นั่งอนันตสมาคม” สร้างขึ้นเต็มรูปแบบตะวันตกอย่างแท้จริง เป็นพระที่นั่งหินอ่อนเพียงองค์เดียวที่มีในประเทศไทย รวมฝีมืองานช่างแขนงต่างๆ แบบตะวันตกผสมผสานกับแบบไทย ที่สำคัญคือรวมช่างเกือบทุกแขนงของตะวันตก ทั้งสถาปัตยกรรม การแกะสลักหินอ่อนประติมากรรม จิตรกรรมฝาผนัง-เพดาน ลวดลายเหล็กดัด-เหล็กหล่อ รวมทั้ง “พื้น” ขององค์พระที่นั่ง ที่เราไม่ได้เห็นเลยเนื่องจากปูพรมแทบจะทุกตารางนิ้ว ก็ปูด้วยหินอ่อนสีขาว จากเหมืองในเมืองคาราร่า (Carrara)ประเทศอิตาลี เช่นเดียวกับองค์พระที่นั่ง
อาจารย์เผ่าทอง ทองเจือ เคยเล่าไว้ว่า “หินอ่อนจากเหมืองคาราร่ามหัศจรรย์ตรงที่ เป็นเหมืองหินอ่อนเดียวในโลกที่มีหินอ่อนครบทุกสี คือหลายร้อยสี เหมืองหินอ่อนที่อื่นอาจมีสีเดียว สองสี สามสี ห้าสีหรือสิบสีแต่ที่นี่มีทุกสี ประการที่สองคือ เหมืองหินอ่อนคาราร่าขุดต่อเนื่องกันมาจนถึงนาทีนี้เป็นเวลา 400 ปี ไม่เคยหยุดขุด และไม่เคยหมด ที่สำคัญหินอ่อนที่นำมาสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม เนื้อหินอ่อนสีขาวเป็นสีขาวบริสุทธิ์อย่างที่เราเห็นกันแบบนี้ เหมืองอื่นจะไม่มีสีขาวเท่านี้ เนื้อลาย
มากกว่านี้”
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้าง “พระที่นั่งอนันตสมาคม” เพื่อเป็นท้องพระโรงในรัชสมัยของพระองค์ ถือเป็นมรดกทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดที่แสดงถึงความเป็นอารยะของประเทศไทยในขณะนั้น เป็นพระราชดำริอันล้ำค่าของรัชกาลที่ 5 ที่ทรงสร้างเอาไว้ให้ลูกหลานได้รับประโยชน์นานัปการจนทุกวันนี้ เช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงโปรดให้สร้างขึ้น เรามีนักท่องเที่ยววันละหลายหมื่นคนไปวัดพระแก้ว เรามีนักท่องเที่ยวมาที่ “พระที่นั่งอนันตสมาคม” วันละไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นคน ค่าบัตรผ่านประตู 150 บาทถือเป็นมรดกที่เราเก็บกินไปชั่วนาตาปี
ที่สำคัญคือ ทรงสร้างอาคารเหล่านี้เพื่อต่อสู้การเข้ามาของโลกตะวันตกเพื่อให้อารยประเทศยอมรับว่าเราเจริญแล้ว ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน
“การสร้างพระที่นั่งองค์นี้อยู่ในช่วงเวลารอยต่อของการล่าอาณานิคมเราลงมือสร้างพ.ศ.2450 เป็นยุคที่การล่าอาณานิคมของตะวันตกทวีกำลังสูงสุด รัชกาลที่ห้าเสด็จพระราชสมภพพ.ศ.2396 เป็นช่วงที่ยุโรปลงมาล่าอาณานิคมในเอเชีย อินเดียตกเป็นเมืองขึ้น พม่าใต้ตกเป็นเมืองขึ้น
เมื่อรัชกาลที่ห้าทรงมีพระชนมายุุ 14 พรรษา ท่านเห็นเหตุการณ์ที่ฝรั่งเศสมายึดอินโดจีนไปจากเรา (เวียดนาม ลาว เขมร) เวลานั้นประเทศเรามีพื้นที่หนึ่งล้านกว่าตารางกิโลเมตร ขณะนี้เราเหลือห้าแสนกว่าตารางกิโลเมตร หายไปประมาณ 55 เปอร์เซ็นต์ ทรงเห็นเหตุการณ์ที่พระราชบิดาเสียดินแดน...
พอพระชนมายุ 15 พรรษา 10 วัน ทรงขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดา ท่านอยู่ในภาวะที่ประเทศโดนเฉือนออกตลอดเวลาเพราะฉะนั้นการเสด็จพระราชดำเนินไปยุโรปพ.ศ.2440 จึงเป็นการเสด็จเพื่อราชการบ้านเมือง จากนั้นเมื่อเสด็จกลับมาแล้ว ต้องคิดเตรียมการ ท่านทรงจ้างสถาปนิก-วิศวกรเข้ามาอยู่ในประเทศเยอะแยะ 30-40 คน เพื่อเตรียมการสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม...
การวางศิลาฤกษ์พ.ศ.2450 ไม่ได้แปลว่าคิดเดี๋ยวนั้นแล้ววางศิลาฤกษ์ได้ มันจะต้องมี 10 ปีของการวางแผน เสด็จกลับจากยุโรปพ.ศ.2440 ปั๊บ ทรงวางแผนเลยว่าจะสร้าง และกว่าจะสร้างได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้สถาปนิกใหญ่ มร.มารีโอ ตามัญโญ (Mario Tamagno) เขียนแบบเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตาม
“เพราะ มร.ตามัญโญ เมื่อรับพระบรมราชโองการว่าจะสร้างพระที่นั่งหินอ่อน เขียนแบบขึ้นมาถวายแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน พอท่านชี้พื้นที่ปั๊บตรงนี้ นี่คือนา ดินเป็นดินเลนหมดเลย ตามัญโญคิดไม่ออกเลยว่าจะเอาหินอ่อนหนักไม่รู้กี่ร้อยกี่พันตัน มาวางอยู่บนดินเลนโดยไม่ให้จมหรือไม่ให้เอียงเหมือนหอเอนปิซ่าได้อย่างไร เขาเป็นทุกข์มากที่จะสร้าง...
เขาอยู่บ้านหลวงพระราชทานริมแม่น้ำเจ้าพระยา (ปัจจุบันรื้อลงสร้างเป็นโรงแรมรอยัลออร์คิดเชอราตัน) เช้าก็ไปนั่งริมน้ำ คิดไม่ออก เห็นเรือโยงขนของผ่านไป เช้าไปเย็นกลับ เช้าไปเรือขนข้าวขนทรายเพียบแประน้ำเทียบเสมอกราบเรือ ตกเย็นเอาข้าวขึ้นท่าเสร็จเรียบร้อย เรือลอยพ้นน้ำขึ้นมา เห็นอยู่เป็นเดือนเป็นปี จนคิดได้ว่า พระที่นั่งต้องทำเป็นเรือ ให้ลอยได้...
ใต้พระที่นั่งขุดเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และมีน้ำ พระที่นั่งตอกเสาเข็มแต่ใต้นั้นเป็นอ่างน้ำทั้งอัน น้ำเสมอฐานพระที่นั่ง ดันพยุงพระที่นั่งอยู่...
เราไม่เคยรู้เลยจนเมื่อพ.ศ.2525 ฉลองกรุงเทพฯ สองร้อยปี เราขุดลงไปดูว่าองค์พระที่นั่งจะมีปัญหาอะไรบ้าง เราพบว่ามีน้ำขังเต็มหมด สถาปนิกส่วนหนึ่งบอกให้เอาน้ำออก คิดว่าน้ำใต้ดินท่วม สถาปนิกอีกตระกูลช่างที่เรียนจบจากอิตาลีรีบยับยั้ง บอกเอาน้ำออกไม่ได้ ดูดแห้งเมื่อใดพระที่นั่งทรุดทันที เหมือนเราเล่นน้ำทะเล อุ้มคนอยู่ในน้ำทะเล คนจะเบา พระที่นั่งก็ลอยอยู่บนน้ำเบาตัวฉันนั้นเลย..
เขาเอาทฤษฎีเรือเอี้ยมจุ๊นในแม่น้ำเจ้าพระยามาสร้างพระที่นั่งองค์นี้มันมหัศจรรย์ลั่นฟ้าที่สุด เป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุดในเอเชียไม่มีใครนึกออก จนถึงวันนี้ไม่เคยทรุด ไม่เคยร้าว ไม่เคยมีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น” อาจารย์เผ่าทอง กล่าว
สถาปนิกใหญ่ มร.ตามัญโญ รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ถวายงานและภูมิใจในผลงาน เขาได้ฝาก ลายเซ็น ไว้ภายในพระที่นั่งองค์นี้ เป็นประติกรรม กิ่งปาล์มในกรอบสามเหลี่ยมสีทอง ติดตั้งไว้ตรงรอยต่อระหว่างฐานโดมกับผนัง สวยงามกลมกลืนไปกับงานประดับตกแต่งภายในพระที่นั่งฯ
“มร.ตามัญโญเป็นคาทอลิกที่เคร่งมาก สัญลักษณ์กิ่งปาล์มนี้มาจากข้อความใน Old Testament ตอนพระเยซูเสด็จกลับกรุงเยรูซาเลม ไม่ใช่ฤดูที่จะมีดอกไม้ ประชาชนจึงหักกิ่งปาล์มซึ่งมีอยู่เต็มทะเลทราย มาโบกเพื่อรับเสด็จ” อาจารย์เผ่าทอง เล่า
รัชกาลที่ห้าทรงคุมงานสร้าง “พระที่นั่งอนันตสมาคม” ได้ 3 ปี ได้งานฐานราก ก็เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงใช้เวลาสร้างต่ออีก 5 ปีเต็มก็เสร็จสมบูรณ์ วิธีการก่อสร้างคือ วัสดุทุกอย่าง หลังคาโดม งานประติมากรรมทุกชิ้น ล้วนแกะสลักทำสำเร็จรูปในอิตาลี แล้วส่งมาประกอบในเมืองไทย ใช้เงินไปทั้งหมด 15 ล้านบาท เทียบได้ประมาณ 15,000 ล้านบาท ในปัจจุบัน
สำหรับเราชาวไทยทุกคนในยุคนี้ จดจำพระที่นั่งอนันตสมาคมไปชั่วชีวิต เพราะเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2555 นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จออกสีหบัญชร ท่ามกลางปวงชนชาวไทยที่เข้าเฝ้าชื่นชมพระบารมีไกลสุดลูกหุลูกตา เพื่อบอกกับพระองค์ท่านว่า นี่คือจุดสีเหลืองแห่งความรักและความเทิดทูนอย่างแท้จริง
จึงอยากเสนอต่อรัฐบาลว่า ต่อไปนี้ จงให้ความสำคัญ ในอันจะทำให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าเห็นคุณค่าและได้มีโอกาสมาศึกษาทั้งประวัติศาสตร์และความงดงามของพระที่นั่งองค์นี้ อย่างที่จะ “ไม่เสียชาติเกิด” ที่ได้เป็นคนไทยใต้ร่มพระบารมี และวันพรุ่งนี้ เฝ้าชื่นชมพระบารมีในหลวงรัชกาลที่ 10 โดยถ้วนหน้ากัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี