นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันพุธที่ 4 มิ.ย.นี้ รัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง จะนำเสนอแผนงานการดำเนินการในโครงการ “THAILAND ENTERTAINMENT COMPLEX มหานครแห่งประสบการณ์ระดับโลก เพื่อคนไทยทุกคน” โดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานกล่าวเปิดงาน และนายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำเสนอรายละเอียด “ENTERTAINMENT COMPLEX” และเหตุผลที่ว่า ทำไมประเทศไทย ต้องถึงเวลาที่ต้องมีโครงการขนาดใหญ่ระดับโลก เพื่อเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต
“ขอเรียนเชิญท่านสื่อมวลชนร่วมฟังแนวทาง และการดำเนินการในวันพุธที่ 4 มิถุนายน เวลา 15.00-16.00 น. ที่ ห้อง 402 ชั้น 4 ตึก 150 ปี กระทรวงการคลัง พร้อมรับฟังการแถลงข่าว ในทุกช่องทาง live : NBT connect /Facebook / YouTube”
ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์) วุฒิสภา ที่มี นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว. เป็นประธาน กมธ. ได้นัดประชุม ครั้งที่ 5 ในวันที่ 5 มิ.ย. โดยเชิญ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เข้าชี้แจง และให้ความเห็นต่อที่ประชุมถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมของ กมธ.ยังคงเป็นการรับฟังความเห็นของฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมถึงนักวิชาการ ซึ่งการประชุมครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้เชิญ ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล นักวิชาการคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายศรสิทธิ์ กริ่มใจ และนายธนภัทร เฉลิมรัตน์ เครือข่ายคนรุ่นใหม่ไม่เอาการพนัน เข้าให้ความเห็น
โดยในรายงานการประชุมของ กมธ. ระบุความเห็นของ ดร.ชิดตะวัน ตอนหนึ่งว่า ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรทำให้เกิดการจ้างงาน แต่เป็นแรงงานไร้ทักษะ จึงไม่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้หลุดพ้นความยากจนได้ โดยมีกรณีของฟิลิปปินส์ที่มีงานวิจัยรองรับชัดเจน
ขณะที่บ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย ไม่ได้ทำให้การพนันผิดกฎหมายหายไปแม้แต่ในประเทศที่พัฒนาแล้วที่รัฐบาลจะบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เช่น สหรัฐ สิงคโปร์ ซึ่งการพนันผิดกฎหมายในประเทศดังกล่าวลดต่ำลงจากการที่รัฐบาลปราบปรามอย่างจริงจัง
ขณะที่ตัวแทนของเครือข่ายคนรุ่นใหม่ไม่เอาการพนัน สะท้อนมุมมองในกลุ่มคนรุ่นใหม่ว่า หากอนุญาตให้มีธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโน เกรงว่าจะเกิดการโฆษณาชวนให้เข้าเล่นได้อย่างเสรี ขาดการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ และเกิดทัศนคติใหม่ โดยเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ เยาวชนจะขาดความรับผิดชอบและไม่ใส่ใจการเรียน มุ่งที่จะสร้างรายได้ทางลัดจากการพนัน
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เคยกล่าวไว้ในงานเสวนาในหัวข้อ “สังคมเศรษฐกิจไทยในนโยบายกาสิโน และพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย” ว่า ปัญหาการพนันเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทย ตนยืนยันว่าประสบการณ์ที่ผ่านมา ก็รู้จักกับคนที่เสียหายจากการพนันตั้งแต่คนที่ฐานะไม่ดี ไปจนถึงเพื่อนร่วมอาชีพอย่างนักการเมือง หลายคนเริ่มทำใจแล้วว่าเป็นนโยบายรัฐบาลซึ่งมันจะเกิดขึ้นแล้วเราจะเตรียมความพร้อมจะมีการสร้างเงื่อนไขอะไรต่างๆ ในสังคมเพื่อให้เราสามารถเผชิญกับสิ่งเหล่านี้ ซึ่งในความเห็นตนมองว่าน่ากลัว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีการเริ่มต้นนำประเด็นเรื่องของปัญหาการพนันขึ้นมาถกเถียงแบบชัดเจนมีการตั้งข้อสังเกตกันอยู่ว่าในช่วงที่มีการหาเสียงเลือกตั้งก็ไม่ได้พูดอย่างชัดเจน อาจจะมีการพูดถึงเรื่องของการนำกิจกรรมหรือธุรกิจที่ผิดกฎหมายขึ้นมาบนดิน ทำให้ถูกกฎหมายเพื่อที่จะทำให้รัฐสามารถเข้าไปกำกับดูแลหรือมีรายได้ แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะครอบคลุมเรื่องอะไรบ้าง
ซึ่งถ้าถามถึงนโยบายรัฐบาลจริงๆ เรื่องนี้จะไปปรากฏอยู่ในเรื่องของเศรษฐกิจ ซึ่งอยู่ในหัวข้อที่ว่ารัฐบาลอยากมีรายได้จากการท่องเที่ยวที่เป็นลักษณะโครงการกิจกรรมที่มีมนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งหมายความว่าจะไม่ได้พูดถึงธรรมชาติอันสวยงามหรือสิ่งที่มีอยู่แล้ว แต่อยากให้กิจกรรมที่มีการท่องเที่ยวเกิดขึ้นจากกิจกรรมที่มนุษย์ทำขึ้นมาเอง จึงมีคำพูดว่า “สถานบันเทิงครบวงจร” ขึ้นมา เข้าใจว่าไม่ได้เขียนเรื่องการพนัน จริงๆ ประเทศไทยมีสถานบันเทิงครบวงจรหลายๆ แห่ง ที่ไม่มีเรื่องการพนัน แต่ถ้าไปดูกฎหมายที่ร่างขึ้นมาขนาดนี้บอกว่าจะต้องมีกิจกรรม
ดังต่อไปนี้ร่วมกับการพนัน
“ด้วยจุดยืนของผม ผมไม่เห็นด้วยกับแนวความคิด ที่จะทำเรื่องการพนันออนไลน์ให้ถูกกฎหมาย สำหรับผมเรื่องนี้อันตรายที่สูงมาก ซึ่งไม่ว่าจะถูกหรือผิดกฎหมายปฏิเสธไม่ได้ว่าของเหล่านี้ก็จะมีอยู่ในประเทศไทย เพราะถ้าเราไปคัดค้านเขาก็จะบอกว่ามันก็มีอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงจะไม่ทำให้มันเป็นระบบระเบียบให้ถูกต้อง ซึ่งถ้ามันหยุดอยู่แค่นั้นมันไม่ใช่ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเอาของที่มันผิดให้เป็นของถูก สิ่งที่เกิดขึ้นคือการขยายตัวของกิจกรรมนั้นแล้วจะทำให้มีคนที่ไปเกี่ยวข้องอยู่ในกิจกรรมและวงจรเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นแบบมากมายมหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพนันออนไลน์ ผลข้างเคียงเชิงลบ ปัญหาที่จะตามมาปัญหาสังคม อาชญากรรม หนี้สินหนี้ครัวเรือนไทยที่สูงขึ้นมาก”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับในแง่เศรษฐกิจถ้าเรายังเดินหน้าในเรื่องนี้ สิ่งที่ได้ มุมของรัฐได้ค่าธรรมเนียม ค่าใบอนุญาต เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น ซื้อมาจากรายได้ของกาสิโนรวมถึงการจ้างงาน นอกจากนี้ยังมีการอ้างถึงนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามา ซึ่งจะต้องมาไล่ดูว่าประโยชน์ตรงนี้มากน้อยแค่ไหน คุ้มค่า หรือไม่ และมีผลข้างเคียง สมมุติว่ามีกาสิโน มีการจ้างงานเพิ่มหรือไม่ สมมุติว่าจ้างคนไทย ก็ต้องดูอีกว่า คนไทยเหล่านี้ถ้าไม่มีกาสิโน จะไม่มีงานทำเลยหรือ หรือสภาพแรงงานเราตอนนี้ที่ธุรกิจ บริการหลายแห่งต่างออกมาบ่นว่าหาคนทำงานไม่ค่อยได้ ซึ่งจะซ้ำเติมปัญหาทางเศรษฐกิจ และสุดท้ายปลายทางก็ต้องไปจ้างต่างด้าว ซึ่งผลประโยชน์ที่มาตกที่คนไทยจะน้อยมาก เพราะฉะนั้น การที่จะอ้างว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้นตนยังไม่ค่อยเห็นว่าจะมีผลในเชิงบวกอย่างชัดเจนกับระบบเศรษฐกิจ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับมุมท่องเที่ยว ตนมีความเห็นมาโดยตลอดว่า จริงๆประเทศไทยมีสิ่งดีๆ เยอะแยะ รัฐบาลก็ยังพูดเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ยังไม่จบที่สามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาได้อย่างจำนวนมาก ถ้ามีกาสิโนอีกมุมหนึ่ง ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ว่าตกลงประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบไหน ตนมาว่าแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมอยู่แล้ว คนที่นั่นคงไม่อยากได้กาสิโน เพราะจะทำให้ ภาพลักษณ์และลักษณะการท่องเที่ยวในพื้นที่ของเขาเปลี่ยนไป ส่วนประเด็นที่เขาบอกว่าการทำให้เป็นครบวงจร เขามีความเชื่อว่า เพราะคนมาแล้วก็จะมีการจับจ่ายใช้สอย เท่าที่ตนสังเกตคนที่เล่นกาสิโนก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย เพราะเล่นกาสิโนจนหมดตัว
ทั้งนี้ การเตรียมความพร้อมถ้ามีกาสิโน คือ
1.คนของเราต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดีพอสมควร
2.ระบบการบังคับใช้กฎหมาย องค์กรที่บังคับใช้กฎหมาย ต้องมีความเที่ยงตรงมีความเข้มแข็ง และจริงจัง โดยเฉพาะตำรวจ
3.เราต้องไม่มีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น การทำของผิดกฎหมายอื่นๆที่จะมาอาศัย เรื่องของกาสิโนและวงจรตรงนี้ในการฟอกเงิน
ซึ่งทั้ง 3 ข้อ เราจะได้เห็นในชีวิตของเราหรือไม่ แต่สุดท้ายแล้วตนก็ยังมองไม่เห็นว่ามันมีประโยชน์อะไร โครงการนำการพนันขึ้นมาบนดิน เงินที่เราจะได้ไม่คุ้มกับหลายๆ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์และปัญหา วงจรการฟอกเงินและอาชญากรรมต่างๆ
ส่วน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เคยให้สัมภาษณ์ถึงการกำหนดสัดส่วนกาสิโนในร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ว่า สัดส่วนกาสิโนที่เราไม่ได้เขียนไว้แต่ต้น เพราะไม่อยากเอาความคิดของเราไปกำหนด ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้วผู้กำหนดนโยบายในขณะนั้นจะกำหนดว่าอย่างไร เช่น กำหนดให้มีสนามกีฬา สัดส่วนก็อาจจะลดลงเหลือ 1% กำหนดให้มีพื้นที่เล็กลงเท่าสนามบาสเกตบอลสัดส่วนก็อาจจะลดลงเหลือ 4-5% ซึ่งเรากำหนดไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราก็เลยบอกว่าขึ้นอยู่กับเจตจำนงของผู้ที่มากำหนดนโยบายในแต่ละช่วงเวลา ก็เปิดกว้างไว้ แต่ถ้าหากจะต้องกำหนดให้สัดส่วนไม่เกิน 10% อย่างที่ว่า ก็สามารถดำเนินการได้ ไม่กระทบอะไร ตนเชื่อว่าสุดท้ายบริหารจัดการได้
เมื่อถามว่า จะไม่ทำให้เกิดช่องโหว่ทางกฎหมายใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ยืนยันได้ว่านโยบายนี้ไม่ใช่เรื่องการทำกาสิโน หากไปมองโมเดลประเทศเพื่อนบ้าน บอกมีอาคารและมีห้องเล่นการพนัน ไม่ใช่ อันนี้คือโมเดลทางธุรกิจที่ดึงเอาการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมาให้กับประเทศไทย จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจดึงเงินลงทุนเป็นแสนล้านบาท เพราะฉะนั้นต้องมีความโปร่งใส มีกลไกที่รองรับได้
เมื่อถามว่า เรื่องของสถานที่จะมีการกำหนดไว้ในกฎหมายหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ได้เขียนไว้ในกฎหมายขึ้นอยู่กับซุปเปอร์บอร์ดตัดสินใจและต้องเปิดโอกาส เพราะเราไม่รู้ว่าในครั้งหน้าใครจะมาเป็นรัฐบาล ถึงเวลาเขาก็ต้องมีอำนาจพิจารณา วินิจฉัยว่าอะไรมีความเหมาะสม แล้วเราไม่รู้ว่าในเวลาข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น สถานการณ์มันตอบไม่ได้
เมื่อถามย้ำว่า ในอนาคตกาสิโนอาจมีสัดส่วนเกิน 10% ได้ใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ ตอบว่า โดยโมเดลธุรกิจไม่เกินอยู่แล้ว มาตรฐานของทั่วโลกไม่เกิน 5% กันทั้งนั้น เช่น สิงคโปร์ก็มีเพียง 3% ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถทำเป็นกาสิโน 100% แล้วจะเป็นองค์ประกอบของเอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ได้อย่างไร อย่าจินตนาการที่เกินเลย จนไม่ใช่เป็นในข้อเท็จจริง เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ถูกจับตาเรื่องกาสิโน นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ได้กังวล ทำตามหน้าที่และขั้นตอน
จึงน่าสนใจว่า ทั้งสองท่านนี้ จะยังคงยืนยันความคิดเดิม ต่อกรรมาธิการของวุฒิสภาหรือไม่ !!
จิตกร บุษบา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี