การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง มิใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่เป็นแต่เพียงรูปแบบหรือสร้างกฎกติกาที่ดูเหมือนเป็นการปกครองระบอบนี้เท่านั้น แต่การปกครองที่ทำให้ประเทศหรือสังคมสัมฤทธิผลอย่างแท้จริงต้องพัฒนาคนทั้งจิตและวิญญาณให้เขาเหล่านั้นยอมรับและปฏิบัติตามกติกาด้วยตัวเอง โดยไม่ใช่ถูกบังคับด้วยกติกาและการพัฒนาดังกล่าวต้องใช้เวลาดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งประชาชนในสังคมนั้นซึมซับโดยไม่ต้องถูกบังคับ
ดังเช่นประเทศสิงคโปร์ที่อดีตผู้นำ คือนายลี กวน ยู ได้พัฒนาประเทศจากการปกครองระบอบเผด็จการสู่การปกครองที่เป็นประชาธิปไตยในปัจจุบัน หรือประเทศเยอรมนี และประเทศญี่ปุ่นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งอดีตเคยเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการ แต่เนื่องจากแพ้สงครามและถูกบังคับให้ปรับเปลี่ยนประเทศเป็นการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ
ส่วนประเทศไทยนั้น นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎร เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2475 จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นการปกครองที่เรียกว่าระบอบประชาธิปไตย จนบัดนี้เป็นเวลาเกือบจะ 85 ปี ถ้าเป็นมนุษย์ก็เข้าสู่วัยชราแล้ว แต่ในทางเป็นจริงการปกครองระบอบประชาธิปไตยแทบจะไม่เคยปรากฏในสังคมไทยเลย นอกจากเกิดระบอบเผด็จการทหารและระบอบธนาธิปไตย
กล่าวคือ การปกครองที่ผ่านมาเป็นการปกครองที่อาจเรียกได้ว่าอมาตยธิปไตย ซึ่งผู้ปกครอง หรือรัฐบาลที่ปกครองประเทศด้วยอำนาจทั้งอำนาจทหารและอำนาจเงินตรา สำหรับอำนาจทหารนั้น ได้แก่ การปกครองในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งได้อำนาจมาจากการรัฐประหาร โดย พลเอกผิน ชุณหะวัณ กับ พลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ ต่อด้วยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จนถึง จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาศ จารุเสถียร ร่วมด้วย พันเอกณรงค์ กิตติขจร จนกระทั่งเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 การรวมตัวกันของนิสิต นักศึกษา ประชาชน ทำการปฏิวัติ จนกระทั่งมาถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ถูกคณะปฏิวัติทำการยึดอำนาจจากการปกครองอีก
แต่สุดท้ายการปกครองระบอบธนาธิปไตยเกิดขึ้นจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ซื้อพรรคการเมือง ซื้อนักการเมือง ทำให้นักการเมืองทั้งที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและคณะรัฐบาลกลายเป็นพนักงานของพรรคการเมืองที่บริหารงานแบบบริษัท จนสุดท้าย
ถูกปฏิวัติโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งนำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น และปกครองประเทศมาจนถึงปัจจุบันนี้
และเพื่อที่จะนำพาประเทศกลับสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง จึงมีการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อจะทำให้ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยตามสัญญาที่ให้ไว้ตอนที่ทำการปฏิวัติว่า ขอเวลาอีกไม่นาน
อย่างไรก็ตาม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้โยนคำถาม 4 คำถาม ให้ประชาชนตอบก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งคำถามทั้งสี่นั้นถ้าผู้สนใจในการปกครองหรือนักรัฐศาสตร์คงจะตอบได้ว่า อนาคตประเทศในทางการเมืองเป็นเช่นไร เพราะถ้าจะตอบสั้นๆ ได้แต่เพียงว่า สถานการณ์ทางการเมืองของประเทศก็คงจะวนเวียนอยู่ในเขาวงกต ถ้าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมที่ผ่านมานับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
ฉะนั้น คำตอบที่พลเอกประยุทธ์ จะได้รับคงอยู่ในใจของคนไทยที่เข้าใจการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแต่จะพูดออกมาหรือไม่เท่านั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี