ระยะหลังนี้ได้เห็นข่าวลิเบอร่าน ทั่วเอเชียตลอดถึงในประเทศไทยที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล เรียกร้องการปกครองแบบเสรีประชาธิปไตย เรียกร้องให้รัฐบาลลาออกไป หรือเรียกร้องให้เลือกตั้งโดยเร็วไว ตลอดถึงสื่อมวลชนที่ตะวันตกให้ท้ายต้องพบกับชะตากรรมเลวร้ายติดคุกติดตะรางหลายราย ถูกฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันถ้วนหน้า เป็นเพราะเหตุผู้ต้องหาย่ามใจว่าบารมีอียู-อเมริกาช่วยให้เป็นอิสระได้ แต่คนเหล่านั้นหาได้สำเหนียกไม่ว่ายิ่งหวังพึ่งอียู-อเมริกามากเท่าไหร่ ยิ่งนำภัยสู่ตัวเองมากเท่านั้น
เคยสังเกตไหม การเคลื่อนไหวกลุ่มต่อต้านคณะผู้รักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่ปรากฏตัวทุกครา มีฝรั่งที่อ้างเป็นผู้แทนทูตอียู ทูตสหรัฐอเมริกามาล้อมหน้าล้อมหลังอ้างสังเกตการณ์ การปรากฏตัวของฝรั่งพวกนี้คือที่มาข้อสงสัยว่า ท่อน้ำเลี้ยงการเคลื่อนไหวทะลักมาจากไหน โดยเฉพาะระยะหลังมีข่าวหนาหูว่า มูลนิธิโอเพ่น โซไซอิทตี้(OPEN SOCIETY)ของนายจอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินอเมริกันเชื้อสายฮังการีที่เคยโจมตีค่าเงินบาทจนประเทศไทยวอดวายกลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 กระแสข่าวว่ามูลนิธิ โอเพ่นโซไซอิทตี้ ได้ทุ่มเงิน 90 ล้านดอลลาร์ ให้กลุ่มเอ็นจีโอ และกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อเสรีประชาธิปไตยในเอเชีย ตลอดถึงกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อล้มล้างรัฐบาลในภูมิภาคนี้ที่ไม่สนองผลประโยชน์อียู-สหรัฐอเมริกา อาทิ ไทย พม่า ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา
ในประเทศไทยตั้งแต่มกราคม 2561 เป็นต้นมา การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาในรูปแบบการตรวจสอบข้อครหา“นาฬิกา” กล่าวหายื้อเวลาเลือกตั้ง ร่างรัฐธรรมนูญหมกเม็ด กลุ่มเคลื่อนไหวต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้า เคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมและพลังงาน ตลอดถึงการเรียกร้องให้เร่งจัดการเลือกตั้งเร็วไว ร้อนแรงขึ้นตามลำดับ
น่าสังเกตว่าทุกครั้งที่ลิเบอร่านเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทหาร มีฝรั่งที่อ้างว่าเป็นตัวแทนกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป หรืออียู ตัวแทนสถานทูตสหรัฐอเมริกาปรากฏตัวให้เห็น ราวกับกดดันประเทศไทยหรือเพื่อให้มั่นใจว่า ลิเบอร่านได้เคลื่อนไหวตามแผนการที่นัดแนะกันไว้ เมื่อนักเคลื่อนไหวในสังกัดถูกดำเนินคดีก็จะกดดันเรียกร้องให้ปล่อยตัวหรือไม่ก็ตบรางวัลให้ เช่น กรณี นายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวในฮ่องกง
นายโจชัว หว่อง สมุนรับใช้อเมริกาที่รับแผนมาสร้างความวุ่นวายในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เขาก่อความวุ่นวายในรูปแบบการเรียกร้องเสรีประชาธิปไตยให้เกาะฮ่องกง เมื่อปี 2557 ที่เรียกกันติดปากว่าปฏิวัติร่ม นายโจชัว หว่อง ถูกจับดำเนินคดีในข้อหาก่อจลาจล ทำลายทรัพย์สินราชการ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ เขากับพวกถูกศาลตัดสินจำคุก 6 เดือน ตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี แต่ได้รับการปล่อยตัวระหว่างสู้คดีในศาลอุทธรณ์
เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2561 สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ 12 ราย เสนอชื่อนายโจชัว หว่อง ชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ แล้วส่งหนังสือแสดงความจำนงเสนอชื่อเขาไปถึงคณะกรรมการพิจารณารางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโนเบลคือรางวัลการเมือง ข่าวนี้ทำให้
นายโจชัว หว่อง ดีใจจนเนื้อเต้นพูดว่า “การเสนอชื่อผมเข้าชิงรางวัลโนเบล ส่งผลให้เกิดการปฏิรูปการเมืองและสิทธิ์ในการเลือกรูปแบบรัฐบาลในฮ่องกง”
นายโจชัว หว่อง เห่อฝรั่งจนลืมคิดไปว่าการเสนอชื่อให้ชิงรางวัลโนเบล เป็นดาบสองคมที่คมด้านหนึ่งจะหันมาเชือดคอเขา เพราะการที่สหรัฐฯเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบล ทำให้จีนโกรธ ถือว่าอเมริกันแทรกแซงกิจการภายใน แทนที่จะลดหย่อนผ่อนโทษ จีนต้องบังคับกฎหมายกับเขาและพรรคพวกอย่างเข้มข้น ดังที่เคยจัดการกับนักสิทธิมนุษยชนบางรายที่ตะวันตกมอบรางวัลโนเบลให้ สุดท้ายต้องตายในคุก กรณีนายโจชัว หว่อง กับพวกเมื่อได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล รับประกันได้ว่าติดคุกแน่นอน
จากเรื่องสมุนอเมริกาในฮ่องกงมาดูในพม่า กรณีนายว้า โลน กับ นายจอโซ อู STRINGER หรือผู้สื่อข่าวรับจ้างเป็นครั้งคราวของสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่ถูกจับกุมเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ข้อหามีเอกสารลับทางราชการไว้ในครอบครอง โดยปกติสำนักข่าวต่างประเทศไม่ให้ความสำคัญกับ STRINGER มากนัก แต่บังเอิญชาวพม่าสองคนนี้ถูกจับขณะที่ตะวันตกกำลังโหมกระแสทำปฏิบัติการข่าวโจมตีรัฐบาลพม่า กล่าวหาว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โรฮีนจา โจมตีพม่าละเมิดสิทธิมนุษยชน ตลอดถึงเรื่องเสรีภาพในการแสดงออก
สำนักข่าวรอยเตอร์ อียู สหรัฐอเมริกา ฉวยโอกาสยกเรื่องนี้เป็นวาระโลก โหมกระพือข่าววีรกรรมสองนักข่าวพม่า พร้อมๆ กับประณามรัฐบาลพม่าด่านางออง ซาน ซู จี ว่า “ไร้จริยธรรมความเป็นผู้นำ” เลขาฯยูเอ็น ผู้แทนสหภาพยุโรป ผู้แทนสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าวาระไหนโอกาสไหน พบปะหารือกับใคร ก็ต้องเรียกร้องให้ปล่อยตัวและยุติดำเนินคดีกับผู้สื่อข่าวชั่วคราวสองคนนี้
สหภาพพม่าเป็นประเทศเสรีที่มีบูรณภาพเหนือดินแดน เขามีเกียรติ ศักดิ์ศรีและมีกระบวนการยุติธรรม จู่ๆ จะให้ฝรั่งดั้งขอมาสั่งการให้ปล่อยคนนั้น เลิกดำเนินคดีกับคนนี้ ไม่มีใครที่ไหนยอมทำตาม ว่ากันตามจริงถ้าฝรั่งไม่จุ้นจ้านโวยวาย ผู้ต้องหาสองคนนี้เป็นอิสระไปนานแล้ว ประสบการณ์ทำงานกับสำนักข่าวต่างประเทศ ทั้งสำนักข่าวยูพีไอ รอยเตอร์ และเอพี ผู้เขียนเคยถูกจับในพม่าสองครั้ง ถูกจับในลาวหนึ่งครั้ง ถูกจับในกัมพูชาสามครั้ง และทุกครั้งถูกกล่าวหาเป็นจารชน แต่ไม่เคยต้องขึ้นโรงขึ้นศาลหรือถูกฟ้องเป็นทางการแม้แต่ครั้งเดียว เคล็ดลับที่รอดตัวมาได้คือไม่โวยวาย ให้การตามความจริง ไม่ทำตัวให้เป็นข่าว ไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากต่างชาติ
คนที่ถูกจับแล้วติดคุก ร้อยทั้งร้อยติดคุกเพราะอยากเป็นข่าว คิดว่าเมื่อดังแล้วฝรั่งช่วยได้ บางคนยังไม่ทันถูกจับ ถ่ายทอดสดในสถานีเครือข่ายที่เตรียมไว้ล่วงหน้า อ้างถูกต่างชาติจับในดินแดนไทยไม่ใช่ประเทศอื่น ด่าคนที่ไปช่วยเหลือว่า ขายชาติ ก็คุกซิครับ กรณีชาวพม่าสองคนก็เช่นกันเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้สอบสวน ยังไม่ตั้งข้อหา สำนักข่าวต่างประเทศประโคมข่าวว่า นักข่าวถูกลักพาตัว พฤติกรรมอย่างนี้เรียกได้ว่าฝรั่งช่วยไม่ให้เหลือ
หรือกรณีนายโสเธียริน กับ ฮุมสริน ชาวกัมพูชา อดีตผู้สื่อข่าววิทยุเอเชียเสรีของอเมริกา ที่ถูกจับในข้อหาจารชน ขณะเข้าไปทำข่าวในศาล วันที่พิจารณาคดียุบพรรคกอบกู้ชาติกัมพูชา ผู้ต้องหาสองคนนี้เคยเป็นผู้สื่อข่าววิทยุเอเชียเสรี แต่วิทยุเอเชียเสรีถูกรัฐบาลสั่งปิดไปแล้ว เมื่อนักข่าวยังดื้อดึงทำข่าวให้ตามคำสั่งอเมริการัฐบาลนายฮุนเซ็น จึงถือว่าเป็นการท้าทายเลยใช้กฎหมายดำเนินคดี เพราะรัฐบาลกัมพูชากล่าวหาว่า พรรคกอบกู้ชาติกัมพูชาสมคบกับสหรัฐอเมริกา วางแผนขบถ ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยในกัมพูชา เมื่อผู้ต้องหาส่งข่าวให้หน่วยงานของสหรัฐอเมริกา จึงถูกตั้งข้อหาจารชน ถ้าศาลตัดสินว่าผิดมีสิทธิ์ติดคุก 15 ปี
มองลิเบอร่านเพื่อนบ้านที่ตกระกำลำบากเพราะฝากผีฝากไข้ไว้กับอียู-อเมริกา ลองมาทบทวนชะตากรรมของลิเบอร่านไทยว่า มีคดีไหนที่ฝรั่งช่วยได้บ้าง ตัวอย่างนักโทษชาย ไผ่ ดาวดิน กับนักโทษละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 อีกหลายสิบราย ที่ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ทุกครั้งไปขึ้นศาล ทุกครั้งที่ถูกดำเนินคดี จะมีกลุ่มสิทธิมนุษยชนตะวันตกแก้ต่างให้ มีตัวแทนจากอียู-อเมริกาไปให้กำลังใจ แล้วมีสักรายไหมที่รอดติดคุกไหม..หรือกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทุกครั้งเคลื่อนไหวทุกนัดที่ขึ้นศาลพิจารณาคดี มีผู้แทนอียู-อเมริกาเดินตามก้นไปสังเกตการณ์ราวกับเป็นหลักประกันว่าถ้าไม่ติดคุกหรือหนีไปได้ ประเทศของไอจะรับเลี้ยงดู
ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ลิเบอร่านที่กำลังพล่านเคลื่อนไหวอยากเลือกตั้งเร็วไว เคลื่อนไหวขับไล่ใครต่อใคร อ้างว่าเคลื่อนไหวในกรอบกฎหมาย ภายใต้หลักการเสรีประชาธิปไตย แต่ถ้ากระทำผิดกฎหมาย อียู-อเมริกาไม่สามารถช่วยได้ จำไว้ว่าในประเทศไทยเป็นประเทศเสรีมีบูรณภาพเหนือดินแดน มีอธิปไตย ไม่มีฝรั่งต่างชาติไหน ก้าวก่ายเข้ามาช่วยให้พ้นคุกได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี