สหกรณ์ทั้งหมดในประเทศไทย มีสินทรัพย์รวมกว่า 3.72 ล้านล้านบาท
มหาศาล... มากกว่างบประมาณรายจ่ายแผ่นดินประจำปีของรัฐบาลเสียอีก
มีจำนวนสมาชิกสหกรณ์ทั่วประเทศเกือบ 12 ล้านคน
เพราะฉะนั้น ถ้าปล่อยให้สหกรณ์มีการทุจริตโกงกิน จนเกิดปัญหาไปคล้ายๆ กรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ก็จะสร้างผลกระทบร้ายแรงแก่ประชาชนวงกว้าง และกระจายถึงระดับฐานรากด้วย
อย่าลืมว่า ตอนเกิดปัญหาสหกรณ์คลองจั่น คนนอกก็คิดว่าสหกรณ์ใหญ่โต มีตัวเลขทางบัญชีสวยงาม ไม่น่าจะเป็นอะไรไปได้ แต่ไส้ในก็เกิดการทุจริตโกงกิน ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งก็เพราะการกำกับดูแลของภาครัฐในขณะนั้นอ่อนแอ หละหลวม ย่อหย่อน ไม่มีความเด็ดขาด สุดท้ายก็เกิดความเสียหายจนถึงวันนี้
ปรากฏว่า ช่วงนี้ มีข่าวคราวการขันนอตระบบการกำกับตรวจสอบกิจการของสหกรณ์ทั้งหลาย ให้มีประสิทธิภาพ รัดกุม มั่นคง ปลอดภัยมากขึ้น
1. คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับทราบข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องการแก้ไขปัญหาการกำกับดูแลสหกรณ์ไปเมื่อเร็วๆ นี้
ป.ป.ช.เสนอแนะให้มีหน่วยงานอิสระภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่ดำเนินกิจการลักษณะคล้ายกับสถาบันการเงิน
โดยการจัดตั้งหน่วยงานอิสระดังกล่าว ต้องมีความเป็นเอกภาพ ปลอดจากการแทรกแซงทางการเมือง ดำเนินงานภายใต้หลักการของความโปร่งใส มีความเป็นมืออาชีพ โดยมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน พร้อมทั้งต้องมีมาตรฐานระดับเดียวกันกับ ธปท. หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ซึ่งจากการหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการยกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คณะกรรมการกำกับกิจการสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ก่อนเสนอเป็นกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเห็นด้วยกับการสร้างระบบกำกับดูแล ตรวจสอบสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน หรือสหกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับสถาบันการเงิน โดยให้มีอำนาจในการลงโทษเพื่อลดการทุจริตด้วย
ข้อมูลล่าสุดของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ณ 26 กุมภาพันธ์ 2561 ระบบสหกรณ์มีจำนวนเงินที่คาดว่าจะเสียหายจากข้อบกพร่องทั้งสิ้น 9,679 ล้านบาท
จำแนกเป็นการทุจริตเสีย 643 ล้านบาท
จำนวนสหกรณ์ที่มีความบกพร่อง 204 แห่งนั้น จำแนกเป็นการทุจริตเสีย 33 แห่ง
ตัวเลขนี้ ลดลงจากปี 2559 ที่ระบุว่า ระบบสหกรณ์มีจำนวนเงินที่คาดว่าจะเสียหายจากข้อบกพร่องของสหกรณ์ ทั้งสิ้น 30,670 ล้านบาท โดยเป็นการทุจริตเสีย 18,812 ล้านบาท
2. เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาระบบการบริหารจัดการทางการเงินให้แก่สหกรณ์ นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ระบุว่า กรมมีนโยบายที่จะพัฒนาระบบการเงินอิเล็กทรอนิกส์ของสหกรณ์แทนที่ระบบใช้เงินสดที่มีอยู่ค่อนข้างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะในสหกรณ์การเกษตรที่เป็นสหกรณ์ส่วนใหญ่ของประเทศและคาดว่ามีการใช้เงินสดในธุรกรรมเกือบ 90% ของธุรกรรมทั้งหมด ซึ่งจะช่วงลดปัญหาการทุจริตในภาคสหกรณ์ที่หลายฝ่ายกังวลได้ เนื่องจากการทุจริตส่วนใหญ่ของสหกรณ์เกิดจากการยักยอกเงินสดเป็นหลัก
“วันนี้ เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของสหกรณ์ที่ต้องเริ่มขยับตามการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะเรื่องสังคมไร้เงินสด ซึ่งเชื่อว่า 2-3 ปีข้างหน้าถ้าไม่ปรับตัวจะตามโลกไม่ทัน นอกจากนี้เรื่องของการทุจริตเรียกว่าเห็นตั้งแต่เข้ามารับราชการใหม่ๆ ซี 3 จนขึ้นมาถึงเป็นอธิบดีก็ยังเห็นอยู่ คือทุจริตยักยอกเงินสด ก็มาคิดว่าจะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง ก็เห็นว่าต้องไม่จับเงินสด ซึ่งเทคโนโลยีการเงินสมัยนี้ทำได้แล้ว พอได้ไปคุยกับธนาคารกรุงไทยก็ส่งทีมงานมาคุยทันที ก็คิดว่าน่าจะเดินต่อไปได้ ออกมาเป็นโครงการในวันนี้มีสหกรณ์นำร่อง 127 แห่งมารับฟังว่าระบบนี้ดีอย่างไร มีต้นทุนอะไรบ้าง คุ้มหรือไม่ ปลอดภัยหรือไม่ ลองดูก่อน ซึ่งถ้าไปได้ดีก็จะขยายผลให้สหกรณ์อื่นๆ มาดูงานต่อไป” นายพิเชษฐ์กล่าว
3. การจะสะสางปัญหาในระบบสหกรณ์ได้สำเร็จ จะต้องมีความเด็ดขาด มิฉะนั้น อาจจะเกิดความย่อหย่อน ละเลย หละหลวม จนปัญหาบานปลายเกินแก้ไข เหมือนกรณีสหกรณ์คลองจั่น
น่าสนใจในกรณีของสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมในฐานะนายทะเบียน ได้มีคำสั่งให้สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระงับจ่ายเงินปันผล และเงินเฉลี่ยคืนสมาชิก 750 ล้านบาท โดยให้เร่งรัดแก้ไขข้อบกพร่องโดยด่วน ใน 2 ประเด็นตามคำสั่งนายทะเบียนก่อน หลังปรากฏข้อเท็จจริงจากรายงานของผู้สอบบัญชีในการตรวจงบการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ อย่างมีเงื่อนไข คือ
กรณีเงินฝากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี จำกัด ซึ่งคณะกรรมการดำเนินการยืนยันข้อเท็จจริงว่า คณะกรรมการประเมินราคาหุ้นของกรมบังคับคดีได้ประเมินราคาหุ้น บริษัท สหประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เพื่อกำหนดราคาขายทอดตลาด เป็นเงิน 145.92 ล้านบาท และยืนยันว่าไม่มีเจ้าหนี้รายใดขอเฉลี่ยเงินดังกล่าว ผู้สอบบัญชีไม่พบหลักฐานจากคณะกรรมการประเมินราคาหุ้นของกรมบังคับคดี และหลักฐานอื่นที่รับรองได้ว่า เมื่อมีการขายทอดตลาดแล้ว จะไม่มีเจ้าหนี้ตามคำพิพากษารายอื่น หรือมีผู้ใช้สิทธิทางศาลเข้ามาในคดีเพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์ในชั้นบังคับคดี
กรณีเงินฝากสหกรณ์เคหสถานนพเก้ารวมใจ จำกัด คณะกรรมการดำเนินการยืนยันข้อเท็จจริงว่า มีเจ้าพนักงานที่ดินได้ประเมินราคาที่ดินที่สหกรณ์ฯ รับจำนองไว้ เป็นเงิน 432.22 ล้านบาท แต่ผู้สอบบัญชีตรวจพบว่า หลักฐานราคาประเมินที่ดินเมื่อเดือนมิ.ย.2560 มีมูลค่าเพียง 35.52 ล้านบาท ในขณะที่ราคาประเมินในเดือนม.ค.2561 มีการแสดงราคาประเมินใหม่ในที่ดินแปลงเดียวกันในราคาถึง 432.22 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาของผู้ประเมินอิสระภาคเอกชน ดังนั้น ผู้สอบบัญชีจึงมีข้อสงสัยถึงความถูกต้องของตัวเลขทั้ง 2 กรณี เนื่องจากจะมีผลต่อกำไรสุทธิ รวมทั้งยอดรวมทรัพย์สินและทุนของสหกรณ์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560
นายทะเบียนสหกรณ์พิจารณาเห็นว่า การที่ผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นต่องบการเงินของสหกรณ์ฯ แบบมีเงื่อนไขในกรณีดังกล่าวนั้น ถือเป็นกรณีคณะกรรมการดำเนินการกระทำการปฏิบัติหน้าที่ของตน จนทำให้สหกรณ์ฯ มีข้อบกพร่องเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี หรือกิจการหรือฐานะการเงินตามรายงานของผู้สอบบัญชี จึงได้สั่งให้คณะกรรมการแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าว โดยให้นำเอกสารตามที่ผู้สอบบัญชีแจ้งเป็นเงื่อนไขไว้ไปมอบให้ผู้สอบบัญชี ภายใน 7 วัน และให้ระงับการเสนอให้ที่ประชุมใหญ่อนุมัติจัดสรรกำไรหรือรับรองงบการเงินดังกล่าว จนกว่าจะได้ทำการแก้ไขแล้วเสร็จ
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าวว่า เนื่องจากผู้ตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ไม่เซ็นรับงบดุล โดยกรมเห็นว่ายังไม่เคลียร์ตัวเลขทรัพย์สิน หนี้สิน ซึ่งมีผลต่อกำไรสุทธิสหกรณ์ นำมาเป็นข้อสังเกตจึงยังไม่ควรมีการจ่ายปันผลในวงเงินนี้ เพราะอาจไม่สะท้อนกำไรสุทธิที่แท้จริงของสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ ทั้งนี้ หากแก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องนี้ จึงมาสามารถจัดสรรปันผลเงินเฉลี่ยคืนให้สมาชิกได้ รวมทั้งไม่มั่นใจการตั้งวงเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญ ได้กันสำรองหนี้เป็นค่าใช้จ่าย มาหักกำไรถูกต้องหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ต้องนำหลักฐานทั้งหมดมาแสดงอย่างชัดเจนว่าตั้งสำรองแล้ว แต่ว่าหลังจากนี้มีการดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องแล้วเสร็จจึงให้จ่ายให้เงินปันผล ส่วนกรณีสหกรณ์สโมสรรถไฟ ปล่อยกู้ผิดปกติเกิดความเสียหายกว่า 2 พันล้านบาท ได้สั่งฟ้องกรรมการชุดที่ 7-11 และผู้กู้ให้ชดใช้สหกรณ์ กำลังให้อัยการยื่นฟ้องศาล มีหลักฐานกว่า 4-5 พันแผ่นมั่นใจเอาผิดได้ทั้งหมดทั้งแพ่งและอาญาเป็นคดีฉ้อโกง
จะเห็นความเอาจริงที่น่าชื่นชมของอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ปัจจุบัน
ปรากฏว่า นายณรงค์พล พัฒนศรี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 (สสพ.1) กรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำกัด ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2560 ในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแล แนะนำ ส่งเสริมสหกรณ์แห่งนี้จึงได้เข้าร่วมประชุมด้วย ที่ประชุมฯ ได้รับทราบคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ สมาชิกได้หยิบยกและแสดงความเห็นถึงกรณีดังกล่าว โดยขอให้กรรมการสหกรณ์นำเอกสารหลักฐานการดำเนินการในทั้ง 2 กรณีที่ นายทะเบียนสหกรณ์มีคำสั่งให้แก้ไขมาชี้แจงให้ที่ประชุมรับฯ ทราบ และพิจารณาร่วมกัน ซึ่งกรรมการสหกรณ์ได้นำหลักฐานมาชี้แจงให้ที่ประชุมฯ ทราบและพิจารณา โดยมีผู้สอบบัญชีและผู้แทนจากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งได้พิจารณาเห็นว่าสหกรณ์ฯ มีหลักฐานเอกสารตามที่ผู้สอบบัญชีกำหนดในเงื่อนไขถูกต้อง ครบถ้วนมีความน่าเชื่อถือจนสิ้นสงสัย และมูลค่าตามหลักฐานนั้นมิได้ส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิ รวมทั้งยอดรวมทรัพย์สินและทุนของสหกรณ์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 แต่อย่างใด ที่ประชุมฯ จึงขอให้มีมติรับรองงบการเงินและอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิประจำปี 2560 ไปก่อน
“ผมในฐานะเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า คำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ยังมีผลบังคับอยู่ หากที่ประชุมมีมติใดๆ ไป แล้วนายทะเบียนสหกรณ์พิจารณาเห็นว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งและเกิดความเสียหายต่อสหกรณ์ นายทะเบียนสหกรณ์อาจพิจารณาเพิกถอนมติที่ประชุมนั้นได้และผู้ที่ทำให้เสียหายจะต้องรับผิดชอบต่อสหกรณ์ด้วย ซึ่งที่ประชุมฯ รับทราบและได้ลงมติรับรองงบการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬา ฯ ประจำปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 932 ล้านบาท โดยเป็นเงินปันผลและเงินเฉลี่ยคืนให้กับสมาชิก จำนวนทั้งสิ้น 750 ล้านบาท แต่การจ่ายปันผลและเงินเฉลี่ยคืนนั้น จะยังไม่ถูกจัดสรรให้กับสมาชิกในทันที เนื่องจากสหกรณ์ต้องแก้ไขข้อบกพร่องตามคำสั่งของนายทะเบียนให้แล้วเสร็จก่อนแล้วรายงานให้นายทะเบียนสหกรณ์ทราบ และเมื่อนายทะเบียนสหกรณ์รับทราบรายงานการแก้ไขโดยเห็นว่ามีความถูกต้องเหมาะสมแล้วจึงจะจัดสรรเงินปันผลและเฉลี่ยคืนให้แก่สมาชิกได้” นายณรงค์พล กล่าว
คำถาม คือ หากเป็นเช่นนี้จริง ในเมื่อผู้สอบบัญชียังไม่ได้รับรองงบการเงินแบบไม่มีเงื่อนไข แต่ผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาฯ กลับมีการเสนองบการเงินนั้นให้ที่ประชุมให้รับรอง แถมกำหนดตัวเลขเงินปันผลให้แก่สมาชิก แจ้งสมาชิกไปแล้ว เพียงแต่มีลูกเล่นว่ายังไม่จัดสรรเม็ดเงินจริงๆ ไป
แบบนี้ เป็นการหลอกลวงสมาชิก หรือส่อว่าจงใจกระทำขัดคำสั่งนายทะเบียน หรือไม่?
หรือคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ จะเป็นแค่กระดาษทิสชู?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี