แทบไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยของเรานี้ในวันนี้มะพร้าวไม่พอใช้ต้องนำเข้ามาจากประเทศอื่น โดยเฉพาะจากประเทศเวียดนามและมาเลเซีย แม้กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้เกิดการขาดแคลนขึ้น
เมื่อขาดแคลนขึ้นแล้ว ราคาผลมะพร้าวก็ราคาสูงขึ้น ราคาผลิตผลของมะพร้าวซึ่งมีมากมายหลายร้อยชนิดก็แพงขึ้นตาม ทำให้เป็นภาระแก่ประชาชนที่ต้องบริโภคมะพร้าวและผลิตผลของมะพร้าว
และเป็นเรื่องสำคัญที่คนไทยทั้งหลายควรจะได้รับรู้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ส่งออกผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากมะพร้าวมากที่สุดของโลกและทำเป็นล่ำเป็นสันโดยที่ไม่ต้องรบกวนรัฐบาลให้ช่วยเหลือ ไม่ว่าทั้งชาวสวนมะพร้าวหรือผู้แปรรูปมะพร้าว
เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่นำมากล่าวในวันนี้ก็เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยของเรานี้มีขีดความสามารถในการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรไม่แพ้ใคร เป็นการยืนยันความถูกต้องของพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5
ที่ทรงมุ่งสร้างประเทศชาติให้เป็นมหาอำนาจทางเกษตรอุตสาหกรรม ซึ่งได้ผลสำเร็จยิ่งใหญ่มาแล้วในรัชสมัยของพระองค์ท่าน แต่ครั้นสิ้นรัชกาลแล้วก็ถูกละเลย และต่อมาก็หันมาเดินอุตสาหกรรมจนประเทศฉิบหายวายวอดในปัจจุบันนี้
แต่เดิมมานั้นประเทศไทยของเรามีการปลูกมะพร้าวกันทุกหนทุกแห่งตั้งแต่เหนือจรดใต้ ตั้งแต่ตะวันออกจรดตะวันตก
โดยเฉพาะฝั่งทะเลอันยาวเหยียดและพื้นที่ใกล้เคียงต่างก็ปลูกมะพร้าวกันโดยทั่วไป
เพราะมะพร้าวนั้นเป็นผลไม้และส่วนประกอบสำคัญในการทำอาหารและขนมของคนไทยและชาวเอเชียมา
แต่ไหนแต่ไร ทำได้ทั้งอาหารคาวและหวาน กระทั่งใช้เป็นยารักษาโรคและทำเป็นน้ำมันสารพัดชนิด รวมทั้งใช้เป็นเชื้อเพลิงอีกด้วย
ต้นมะพร้าวก็สามารถใช้ทำเป็นเสาหรือขื่อแปของบ้านได้ หรือทำเป็นฝาบ้านก็ได้ ทำเป็นเสาสะพาน และสิ่งก่อสร้างได้สารพัด
ก้านใบของมะพร้าวก็ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง แม้กระทั่งใช้ห่อขนม ใช้มุงหลังคา ใช้กันฝน และก้านก็สามารถใช้กวาดขยะได้
รวมความก็คือ มะพร้าวสามารถใช้ได้สารพัดประโยชน์ และยิ่งบ้านเมืองพัฒนาก้าวหน้าไป การแปรรูปมะพร้าวในเชิงอุตสาหกรรมมากหลายก็ก้าวหน้าตามไปด้วย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร ยิ่งอาหารไทยเป็นที่นิยมแพร่หลายในโลกไปเท่าใด ความต้องการและความจำเป็นต้องใช้จากมะพร้าวก็ยิ่งจำเป็นมากขึ้นเท่านั้น
ถึงวันนี้ความต้องการใช้ประโยชน์จากมะพร้าวได้เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง และมีอัตราเร่งที่สูงมาก จนเกิดการขาดแคลนขึ้นภายในประเทศ และต้องนำเข้าจากประเทศอื่น ทำให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพขึ้นในอุตสาหกรรมแปรรูปมะพร้าวของประเทศไทย นั่นคือราคาก็ไม่นิ่ง ปริมาณที่นำเข้าได้ก็ไม่นิ่ง
จากสภาพดังกล่าวนั้นชี้ให้เห็นว่า
ประการแรก ความต้องการมะพร้าวเพิ่มมากและพุ่งสูงจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมให้เกิดการปลูกมะพร้าวกันอย่างกว้างขวาง คือปลูกกันทุกครัวเรือนเหมือนที่เคยเป็นมาแต่ก่อน และปลูกเป็นสวนในเชิงอุตสาหกรรมดีกว่าที่จะไปส่งเสริมการปลูกอย่างอื่นที่เป็นภาระแก่รัฐบาล และประเทศไทยที่ไม่มีฐานแปรรูปด้วยตนเอง
จำเป็นที่จะต้องอาศัยความรู้ทางวิชาการ ในการคำนวณเชิงปริมาณของความต้องการทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวด้วย
ประการที่สอง สภาพของประเทศไทยซึ่งมีรากฐานภาคเกษตรและประชากรส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตร และสามารถที่จะแปรรูปผลิตภัณฑ์ที่เป็นเกษตรนั้นเป็นอุตสาหกรรมการเกษตรที่มีลักษณะของประเทศไทย และมีความได้เปรียบกว่าชาติอื่นๆ ในเรื่องของคุณภาพและความสมบูรณ์ทางภาคเกษตรของประเทศ
หลายสิบปีที่ผ่านมานี้ประเทศไทยหลงทางออกจากแนวทางสร้างชาติเป็นมหาอำนาจทางเกษตรอุตสาหกรรม สู่ประเทศอุตสาหกรรมซึ่งผิดพลาดและล้มเหลว เพราะไม่มีสิ่งใดเป็นของประเทศไทยและคนไทย ยิ่งพัฒนาก็ยิ่งยกประโยชน์ให้ต่างชาติจนหมดสิ้น
หลายสิบปีที่ผ่านมา เพราะหลงเดินทางผิด ภาคเกษตรไทยจึงถูกทอดทิ้ง และไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากรัฐ นอกจากกระบวนการหาเสียงทางการเมือง ประเทศไทยเคยส่งออกผลิตผลที่ไม่ได้แปรรูปเมื่อร้อยปีก่อนอย่างไรก็ยังคงทำอย่างนั้น ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่าร้อยกว่าปีนี้ ประเทศไทยไม่ได้มีการพัฒนาอุตสาหกรรมทางการเกษตรเลย
บทเรียนเรื่องมะพร้าวคือบทพิสูจน์ว่าผลิตผลทางการเกษตรชนิดใดก็ตามที่ประเทศไทยผลิตได้นั้นเป็นผลผลิตที่ดีที่สุดของโลกเสมอ
และผลผลิตนั้นเมื่อได้เข้าสู่กระบวนการเกษตรอุตสาหกรรมคือแปรรูปแบบอุตสาหกรรมก็จะเกิดมูลค่าเพิ่มจำนวนมหาศาลขึ้น ผลผลิตและมูลค่าเพิ่มทั้งหมดนั้นตกได้แก่ประเทศไทยและคนไทยทั้งประเทศ
เป็นการผลิตและการแปรรูปที่เป็นเลิศของโลก และเป็นความต้องการแท้จริงของโลก ซึ่งประเทศไทยมีจุดดีจุดเด่นที่ประเทศไหนก็สู้ไม่ได้!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี