l 4.พ่อแม่พี่น้องประชาชนที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่เคารพ
การแสวงหาความเป็นจริง เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง คือ “รู้จักตนเอง รู้มิตร รู้ศัตรู” ทำให้เรารู้ถึงพลังของตนเอง พลังการเปลี่ยนแปลง พลังที่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลง ฯลฯ การกอบกู้วิกฤติชาติครั้งนี้ ยากเย็นแสนเข็ญยิ่งนัก สาเหตุใหญ่ประการหนึ่ง คือ “การไม่รู้ความจริง” การไม่รู้และเข้าใจสภาพความเป็นจริงของสังคมไทย ทำให้เรา ท้อแท้ ไม่เห็นทางออก ไม่เห็นศัตรูที่แท้จริง ทางออก ทางรอดที่ยาก ต่างกับ การไม่มีทางออก : ทางออกโดยการ “แสวงหาความจริงของสังคมไทย”
ความจริงของสังคมไทย
1) สังคมไทยเคยผ่านวิกฤติใหญ่มาแล้ว โดยผู้นำบุคคลสำคัญในสถาบันต่างๆ และประชาชนที่รักชาติ
2) การเสียบ้านเสียเมือง เพราะผู้นำมั่วเสพสุข ด้วยอำนาจ เพื่อตนเองพวกพ้อง มิได้ทำเพื่อบ้านเมืองจริง
3) ศัตรูภายนอก เห็นชัด แต่ศัตรูภายในที่เสแสร้งหลอกลวงฯ ต้องมีการให้ความจริงแก่ประชาชน
4) วิกฤติใหญ่ครั้งนี้ มาจากศัตรูภายใน ที่เคยมีอำนาจรัฐ และปัจจุบันยังมีอำนาจจริงและแฝง มากมายทั้งการเป็นเจ้าของพรรคการเมืองใหญ่ มีทุนโกงมหาศาล มีสื่อ นักวิชาการ กลุ่มมวลชน และข้าราชการบางส่วนที่หวังประโยชน์ รวมทั้งชาวบ้านส่วนที่ขาดข้อมูลจริง (ทำให้เห็นศัตรู เป็นมิตร เป็นผู้อุปถัมภ์) และที่เลวร้ายชั่วช้า คือ อาศัยองค์กรและต่างชาติ ให้ข่าว กดดันและทำลายรัฐบาลปัจจุบัน
5) การที่ศัตรูของประชาชนยังคงอยู่ได้ และมีอำนาจมาก เพราะ “ผู้นำของสังคม ทั้งรัฐบาลและกองทัพ” ไม่เข้าใจถึง “ภัยอันตรายที่ร้ายแรงต่อชาติและสถาบัน” ที่เขาหวัง การเลือกตั้ง ปูทางกลับมาสู่อำนาจโดยไม่เข้าใจในสภาพความเป็นจริงของสังคมที่สามารถแก้วิกฤติคนชั่ว ต้องใช้อำนาจเด็ดขาดที่เป็นธรรมต้องรักษาคนส่วนใหญ่ รักษาความถูกต้องชอบธรรมของสังคม โดยขจัดคนไม่ดีส่วนน้อยที่ใช้อำนาจมิชอบ การปล่อยให้เชื้อโรคภัยร้าย ปล่อยพิษแพร่พันธ์ุ จักสร้างมลพิษให้เกิดเป็นปัญหาใหญ่ต่อแผ่นดินได้
-การไม่ใช้อำนาจเด็ดขาดจัดการกับคดีที่โกงชาติหลายแสนล้านและความเสียหายที่เขาสร้างไว้มากมาย
-โดยเพียงใช้กระบวนการยุติธรรมที่อ่อนแอ ล่าช้า ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ทันกาล
-ปล่อยให้ครอบครัวเขาใช้เงินที่ได้มาฯเพื่อสร้างฐานอำนาจ โดยไม่มีการตรวจสอบที่มาซึ่งความถูกต้อง
-ให้อิสระแก่เครือข่ายสื่อของเขาและพวกพ้อง ออกข่าวโจมตีรัฐบาล ปกป้องความผิดของพรรคของเขา
-ให้พรรคการเมืองเขา สร้างวาทกรรม หลอกลวงสร้างฐานชาวบ้าน ให้เป็นปรปักษ์ต่อรัฐบาลกองทัพ
-การปล่อยให้ “นักโทษหนีคุก” มาบัญชาการ “พลพรรคอดีตรมต. สส. กลุ่มทุน สื่อ” ได้อย่างเสรีฯ
6) การใช้อำนาจที่เป็นธรรมต่อ “ศัตรูของแผ่นดิน” สามารถใช้กระบวนการยุติธรรมที่มีประสิทธิภาพได้การตั้งคณะกรรมการพิเศษ จากฝ่ายเป็นกลางที่มีความรับผิดชอบ ให้ดำเนินคดีของเขาอย่างเร่งด่วน
-คดีการโกงการใช้อำนาจมิชอบของเขาครอบครัวและน้องสาว ในคดีที่ตัดสินไปแล้ว และคดีที่ค้างคาอยู่
-การตรวจสอบทรัพย์สินของครอบครัวของเขาฯ และให้ริบในส่วนที่ได้มาจากการโกงใช้อำนาจมิชอบฯ
-คดีการร่วมมือโกงและใช้อำนาจมิชอบ ต่อคนสำคัญในพรรค ในกลุ่มมวลชนของเขา ที่คดีค้างอยู่
-สื่อในเครือข่าย และตัวบุคคลฯ (รวมทั้งส่วนอื่นๆ) ที่กล่าวเท็จ บิดเบือน สร้างปัญหาต่อสังคม
7) เรื่องสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ “กลุ่มและพวกที่ไม่ดี” ที่จะสนับสนุนและเสริม การเข้าสู่อำนาจของเขา
l 5.พ่อแม่พี่น้องประชาชนที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่เคารพ
1) การเข้าใจ การแก้วิกฤติ โดยยึดสภาพความเป็นจริง มิใช่จากความปรารถนาตามคติส่วนตนที่ไม่จริง สังคมไทยมีความจำกัด “การขาดรัฐบุรุษ” ที่กล้าคิดและทำเพื่ออนาคต มากกว่าแก้เฉพาะหน้าไปเรื่อยๆ คือ “รัฐบาลปัจจุบัน” มีความจำกัด ทำได้แค่นี้ แต่ต้องเข้าใจความจริงว่า “ทำได้ดีกว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้ง” มิใช่อย่างที่ “พวกเราบางส่วน” ที่อะไรไม่เป็นไปตามความคิดของตน ไม่ดี ต้องคัดค้าน อ้างว่าเสียโอกาสฯ โดยการมองอย่างไม่เข้าใจสภาพที่จำกัด มองแต่ด้านลบ ไม่มองด้านบวก ในส่วนที่ดี ตามสภาพที่เป็นจริง แต่การทำแบบนี้ เท่ากับ “เป็นแนวร่วมมุมกลับ ให้ศัตรูของประชาชน” ซึ่งผิดพลาด ไม่ถูกต้อง
2) เราที่ต้องการแก้วิกฤติให้ได้จริง ต้องคิดและปฏิบัติ ดังนี้
สังคมไทย ถูกทำให้อ่อนแอ ต้นทุนการแก้วิกฤติ ถูกทำลายลงไปมาก จากการที่ทุกคน “เอา” แทน “การให้”
-การแก้วิกฤติทำได้เพียง แก้ปัญหาทีละส่วน “ลดบทบาทอิทธิพลของศัตรู เพิ่มอำนาจของประชาชน”
-แล้วเมื่อประชาชนและหรือฝ่ายตรงกันข้ามเขา มีพลังอำนาจชอบธรรมมากขึ้น จึงทำขั้นต่อไปคือ จะมีโอกาสของประชาชนที่มีคุณภาพมากขึ้น เมื่อเงื่อนไขของสังคมที่ดีขึ้น แล้วจะเห็นทางออกเพิ่มขึ้น การลดบทบาทอิทธิพลของศัตรู ที่สำคัญ คือ ทางความคิด และทางการปฏิบัติทางความคิด คือ ต้องยอมรับว่า “ไม่มีพรรคใดโดดๆ จะสามารถเอาชนะพรรคของเขาได้” เพราะ “เขายังคงมีอำนาจครบถ้วน” ทุน พรรค ข้าราชการ สื่อ มวลชน นักวิชาการฯ ที่ได้มาล้วนแต่มิชอบธรรมเราต้อง “สามัคคีรวมพลัง ผนึกกำลังทุกฝ่ายกับรัฐบาล พรรคการเมืองของประชาชน” จึงเอาชนะเขาได้ เป้าหมาย คือ ขจัดและบทบาทให้ 1.เหลือ สส. ต่ำ 100 2.ต่ำ 10 และ 3.หมดสิ้นอำนาจทำชั่วไปและเมื่อ “เขาและครอบครัว” หมดอำนาจ “คดีของเขา” จะได้รับการชำระ “เงินโกง” จะถูกคืนให้ประชาชน ประชาชนที่เข้าใจผิด ว่าเขาถูกกลั่นแกล้ง จะเข้าใจความจริง และถอยออกมา แล้ว สส. ก็จะออกมาเอง ทางการปฏิบัติ มีแนวทางใหญ่ คือ “ลดและขจัดอำนาจเขาและพรรคของเขา” และเพิ่มอำนาจรัฐบาลและพรรคของประชาชน และสร้างคุณภาพประชาชนให้เข้มแข็งมีพลัง
-ผลักดันให้รัฐบาล เร่งดำเนินคดีที่คงค้างอยู่ให้เสร็จ รวมทั้งคดีที่ สส. สว. ทำผิด รธน.
-ลดโอกาสของเขาและพรรค โดยการดึงพรรคร่วม และอดีตสส.เก่าออกมาจากอิทธิพลของเขา
-เพิ่มการสนับสนุน รัฐบาล และพรรคการเมืองของประชาชน ที่มีศักยภาพและโอกาสที่จะได้รับเลือก
-ให้ความจริง ถึงพลังอำนาจของประชาชนที่มีคุณภาพ มาจากการพึ่งตนเองและข้อมูลที่ถูกต้อง การทำงานของเราต้องยึดเป้าหมายให้แม่น อย่าโลเล เฉไฉ ออกนอกทาง เอาจริง ทำอย่างต่อเนื่อง จึงได้ผล
6.พ่อแม่พี่น้องประชาชนที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่เคารพ
การพัฒนาคุณภาพประชาชน ต้องทำควบคู่กับการพัฒนาตนเอง และพัฒนาองค์กรภาคประชาชนไปด้วย องค์กรภาคประชาชน องค์กรสิทธิฯ เครือข่ายภาคสังคม ฯลฯ จะต้องปฏิรูปตนเอง ยึดประโยชน์ของส่วนรวมสังคมไทยที่ผ่านมา มักยึดลัทธิคัมภีร์ ทั้ง “สังคมนิยม และเสรีนิยม” ต้องนำมาประยุกต์ คิดเองให้เกิดผลบวก ภารกิจเฉพาะหน้าเป็นงานหนัก ปัญหาอุปสรรคใหญ่ แต่หากฝ่าฟันไปได้ จะมีเกียรติและความภาคภูมิใจยิ่งการกระทำที่ถูกต้องชอบธรรมเป็นเรื่องของเรา แล้วฟ้าดินจะส่งเสริมสนับสนุนให้คนดีเอาชนะคนชั่วได้
“ไม่มีวิกฤติ หรืออุปสรรคใด” จะมาขวางกั้นพลังของประชาชน ที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ได้”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี