l แปลกแต่จริง เกิดอะไรขึ้นในสังคมไทย ที่คนดีมีอุดมคติ กลับไม่ได้มีบทบาทปฏิรูปรัฐและประชาชน
ไล่มาตั้งแต่ 2475 2485 2494 2516 2535 2544 2549 2556 2562 ……….
1. 2475 : 24 มิถุนา คณะราษฎร
2. 2485 : 1 ธันวา พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
3. 2490 : 8 พฤศจิกายน รัฐประหาร โดยกลุ่มทหารนำโดย พล.ท.ผิน ชุณหะวัณ, พ.อ.สฤษดิ์ ธนะรัชต์,
4. 2516 : 14 ตุลา การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่โดยพลังของนักศึกษาประชาชน
5. 2535 : 17 พฤษภา พลตรีจำลอง พรรคพลังธรรมและพรรคต่างๆ และประชาชนชนชั้นกลาง
6. 2544 : 9 กุมภาพันธ์ รัฐบาลทักษิณ เสียงข้างมาก
7. 2548 : พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและขบวนการประชาชน พธม. 2548 – 2552
8. 2556 : 29 พฤศจิกายน กปปส. 2556-2557
l มาดูเหตุและผลกัน ขอเปิดไปดูประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย หน้า 99 เป็นบทสรุป ว่า “ทำไม”
หนึ่ง ในส่วนของผู้นำ และแกนนำในการเปลี่ยนแปลง
1.การเข้าใจทฤษฎีแบบไม่ลึกซึ้ง นำเอาความปรารถนาที่รักชาติรักประชาธิปไตยของตนมานำทาง แทนการนำ “เอาทฤษฎีมาประสานเข้ากับการปฏิบัติ” มาประยุกต์ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมไทยได้
2.ผู้นำขาดความเป็นรัฐบุรุษ ที่มีวิสัยทัศน์ปรีชาญาณ ความกล้าหาญกล้าเสียสละเพื่อบ้านเมือง
3.ผู้นำการเปลี่ยนแปลง ขาดเอกภาพ ไม่มีการสรุปบทเรียนที่เป็นจริง เพื่อให้รู้ถึงสาเหตุของความผิดพลาด
4.ความคิดในการเปลี่ยนแปลง มักรับมา (Import ) จากทฤษฎีและหลักการของต่างประเทศ
5.ผู้นำการเปลี่ยนแปลงฯ มักใช้กลุ่มที่ร่วมกันเปลี่ยนแปลงและพวกพ้องของตน ในการต่อสู้กับผู้มีอำนาจเก่าไม่ได้ ดึงหรือนำเอา ประชาชน เข้าร่วมการต่อสู้ เพื่อยกระดับคุณภาพ
6.ปัญหาเรื่องแนวทาง ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี จังหวะก้าวขั้นตอน ที่ยึดกุมไม่แม่น มีปัญหาในการปฏิบัติ
1) แนวทางการใช้อำนาจ (ที่เป็นธรรม) เหมาะกับ สภาพสังคมที่เหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมสูง ทั้งในโครงสร้างและระบบสังคม ทั้งการเมือง เศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม รวมทั้งกระบวนการยุติธรรม
2) แนวทางรัฐสภา (แบบเลือกตั้ง ) เหมาะกับสังคมที่มีความเป็นธรรม ที่ประชาชนมีอิสระไม่มีความคิดหวังพึ่ง คือ มี คุณภาพ และโครงสร้างระบบของสังคม เสมอภาคเป็นธรรม มีศักยภาพและปสท.
l สอง ในส่วนของประชาชนได้พูดรวมอยู่ในข้อ 1. คือ สภาพของประชาชน ขาดคุณภาพ ขาดอิสระ ไม่พึ่งตนเองจึงจะต้องมีการพัฒนาและปฏิรูปอย่างจริงจัง ให้สามารถมีคุณภาพและพลังในการเข้าร่วมการเปลี่ยนแปลงและรักษาผลประโยชน์และดอกผลของการเปลี่ยนแปลง ได้จริง
l สาม ในส่วนของของผู้มีอำนาจเก่า รวมทั้งวัฒนธรรมเก่า เช่น ระบบอุปถัมภ์ บริโภคนิยมฯ ต้องใช้อำนาจ (เป็นธรรมอย่างเด็ดขาด) ในการจัดการ ลดอำนาจของผู้ปกครองเก่าให้หมดบทบาทลงทั้งอำนาจรัฐ อำนาจอิทธิของเครือข่าย พรรค นักวิชาการ กลุ่มมวลชน ฯลฯ รวมทั้งเงินโกงชาติบ้านเมืองต้องยึดคืนเงิน ทั้งที่อยู่ในบัญชีของเขาและครอบครัว รวมทั้งส่วนที่ไปแอบฝากในบัญชีต่างประเทศและการนำมาลงโทษอย่างเด็ดขาด โดยการตั้ง “คณะกรรมการสืบค้นและลงโทษ” ดำเนินการโดยเร็ว
l สี่ การจัดการอำนาจอิทธิพลเก่าของรัฐบาลทักเพื่อไทยอย่างเด็ดขาด ตามสภาพที่เป็นจริง ทำอย่างไรสังคมไทยแปลกแต่จริง อีกแล้ว คือ รัฐบาลประยุทธ์ ที่มาจากการรัฐประหาร ไม่ค่อยได้ใช้อำนาจเด็ดขาดกลับ ใช้กลไกอำนาจและกระบวนการยุติธรรมเก่าฯ ดำเนินการกับระบอบทุนสามานย์ จึงได้ผลไม่มากพอ ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อการบริหารปกครองประเทศของรัฐบาลประยุทธ์ และความแตกแยกของประชาชนที่ได้ให้การสนับสนุน การต่อสู้ครั้งใหญ่ของมวลมหาประชาชนเรือนล้าน (กป.ปส. – พธม.)
1.คดีโกงกินของสองพี่น้องที่ศาลตัดสินจำคุก แต่กลับปล่อยให้หนีไปบัญชาการรบในต่างแดน และคดีต่างๆของเหล่าแกนนำตัวแสบ ไม่จัดการเด็ดขาด ตามความผิดใหญ่ คือ คดีแกนนำเพื่อไทยและนปช. ฯลฯ ทำให้ผู้นำแกนนำ เคลื่อนไหวปล่อยข่าวเท็จ สร้างความแตกแยกทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลประยุทธ์
2.ผู้คัดค้านระบอบทุนสามานย์ บางส่วนที่มีความแค้น เกิดอารมณ์ตีกลับ หันมาคัดค้านรัฐบาลประยุทธ์ฯ
3.สิ่งที่ประชาชน ผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ต้องทำความเข้าใจ และกำหนดบทบาทของตนให้ถูกต้อง
1) ต้องยึดผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติมาก่อน (ส่วนรัฐบาลประยุทธ์ เป็นตัวช่วย)
2) ต้องยึดเอาสภาพความเป็นจริง (แม้ไม่ได้เป็นไปตามใจและความถูกต้อง ที่ควรจะเป็น)
3) สภาพสังคมไทยที่เกิดวิกฤติความเสียหายนั้น เกิดมาจาก “ระบอบทุนสามานย์ และข้าราชการพวกพ้อง”และระบบการเลือกตั้งของนักการเมือง รวมทั้งบางส่วน จากระบบทหารและข้าราชการที่ยังไม่ได้ปฏิรูป
4) การบริหารราชการแผ่นดิน ของรัฐบาลประยุทธ์ ตั้งแต่การเข้ามารัฐประหารแก้วิกฤติขั้นก่อนสงครามลงได้และการบริหารประเทศต่อมา มีผลงานที่สำคัญ คือ การได้รัฐธรรมนูญ ประชามติ 60, RoadMap ฯลฯ การแก้วิกฤติและปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ แก้ไปได้บางส่วน ที่มีผลแน่นอน และการกำหนดให้มีการเลือกตั้ง ปี 2562 ฯลฯ ต้องถือว่า เป็นผลงานที่ดีกว่า รัฐบาลทุนสามานย์ที่ผ่านมาฯ
5) ประชาชน ต้องยึดหลักการแห่งการเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้อง ตามสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น โดยต้องเข้าใจว่า “เหตุปัจจัย ของการเกิดวิกฤติและความเสียหายใหญ่ มาจากใคร “ต้อง จับหลักให้ถูกต้องว่า “การแก้ไขวิกฤติใหญ่นี้ “ใคร ที่ประชาชนต้องคัดค้านอย่างถึงที่สุด ไม่ให้กลับมามีอำนาจโกงชาติประชาชน อีกใคร ที่เราจะต้องร่วมมือในการเลือกตั้ง เพื่อให้สามารถเอาชนะ พรรคสามานย์ได้ (แน่นอนว่า ต้องเป็นพรรค ที่มีศักยภาพมีความเข้มแข็งมากพอ ที่จะเอาชนะการเลือกตั้งได้พรรคใด ที่เป็นพรรคการเมืองของประชาชน ที่ควรให้การสนับสนุน เพื่อเป็นกำลังเปลี่ยนแปลงต่อไป
6) ฉะนั้น การเปลี่ยนแปลงใหญ่นี้ ไม่สามารถทำได้ทันที แต่ต้องมีจังหวะก้าวขั้นตอน คือ
ขั้นแรก ต้อง ขจัดอำนาจและระบบของพรรคทุนสามานย์ให้หมดไป หรือลดบทบาทลงไม่ให้มีอำนาจขณะเดียวกัน ก็ต้องสร้างและสนับสนุนพรรคการเมืองของประชาชน ที่มีประวัติของการต่อสู้และปฏิรูป
ขั้นที่สอง เมื่อมีรัฐบาลใหม่ ( ซึ่งมิใช่พรรคระบอบสามานย์) ต้องมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง มาจากพรรคการเมืองของประชาชน เข้าร่วมประกอบส่วน เพื่อผลักดันให้มีการปฏิรูปด้วยพลังของประชาชน
7) ประชาชนต้องเอาจริง “เพราะนี่คือ โอกาสสุดท้ายของการเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคตที่ดีของประเทศได้จริง “ต้องสรุปบทเรียนที่ผ่านมา : “ เรามักใช้อคติความไม่พอใจต่อกองทัพมากำหนด ทำให้งานปฏิรูปไม่บรรลุ “เช่นนี้จะเข้าทาง ระบอบทุนสามานย์พวกอคติต่อสถาบันหลักของสังคมไทย แล้วมันจะหัวเราะเยาะเรา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี