l เจี๊ยบ & โจ๊ก ลูกรัก
พ่อ เขียนจดหมาย ถึงลูก ทั้งสอง ไปแล้ว 8 ฉบับ คือ
1.พ่อเป็นคนโชคดี ที่ได้เกิดเป็นคนไทย บนแผ่นดินไทยอันศักดิ์สิทธิ์ มีคุณค่าความหมายต่อตระกูลของเรา
2.เรื่องที่เขียนถึงลูกทั้งสอง มีทั้งเรื่องสุข ทุกข์ และเรื่องเศร้า อันเป็นธรรมดาของชีวิตมนุษย์ที่ต้องพานพบ
3.ชีวิตของพ่อที่สืบทอดมาจากปู่ย่าต่อเนื่องสายโลหิตมายังลูกทั้งสอง ผ่านมาได้ถึงวันนี้ โดยพูดได้เต็มปาก
4.สองเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกและคนทั่วไป คือ ทางออกของบุคคล และทางออกของประเทศ
5.หลักคิด ในการใช้ชีวิตให้ “เป็นคนดี ประสบความสำเร็จ และมีความสุข”
6.หลักคิดในการใช้ชีวิตให้ “เป็นคนดี ประสบความสำเร็จ และมีความสุข” (ต่อ)
7.ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย : ประชาชนจะต้องศึกษาเรียนรู้ให้ความสำคัญ จึงจะเข้าใจ รักและหวงแหน
8.ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย : ต้องมีการสรุปประเมินผล ให้รู้ถูกผิด เพื่อหาทางใหม่ที่เปลี่ยนแปลงได้จริง
l พ่อดีใจที่ได้รับทราบว่า “ลูกทั้งสองได้อ่าน และให้ความสนใจ”
แต่เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ลูกควรอ่านอย่างน้อย2-3 รอบ เพราะเป็นที่สำคัญ มีคุณค่ามีประโยชน์ต่อตัวลูก ในการใช้ชีวิตเพื่อตนเอง ครอบครัว และการสามารถอยู่ได้ในสังคม อย่างเข้าใจ และอย่างถูกต้อง
เรื่องนี้ ดูเหมือนง่ายๆ แต่ความจริง เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาศึกษาทำความเข้าใจ ด้วยความรู้สติปัญญา
เพราะเป็นเรื่องที่สัมพันธ์เกี่ยวข้องกับ ชีวิต และเรื่องต่างๆ ในสังคมที่หลากหลาย ที่ลูกต้องอยู่ด้วยไปตลอด
และนอกจากนี้ ลูกยังต้องไปศึกษาค้นคว้าอ่านเพิ่มเติมให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง และนำไปปฏิบัติด้วยตนเอง
เพื่อที่จะแปรเปลี่ยน สิ่งที่พ่อเขียนในจดหมายถึงลูก (ซึ่งได้ใช้ประสบการณ์ทั้งชีวิต ทั้งสำเร็จและล้มเหลว)
ประยุกต์ให้เหมาะและสอดคล้องกับชีวิตลูก และลูกก็ต้องสอนหลานต่อไป ซึ่งคงต้องใช้หลักเดียวกัน
เรื่องนี้ทำให้พ่อย้อนถึงสมัยพ่อเรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพฯ ที่จะมีความรู้สึกดีใจที่สุด ที่ได้รับจดหมายจากคุณย่า
ที่เขียนมาถึงลูกๆ ทุกคน ไม่ว่า จะอยู่ในประเทศ หรือช่วงไปอยู่ต่างประเทศ รวมทั้งพ่อด้วย
โดยสิ่งที่คุณย่าเขียนลงในตัวจดหมายถึงลูกๆ จะเป็นข้อคิดและข้อแนะนำ ที่ได้อ่านและตัดเก็บ ข่าวสารความรู้จากรายการทีวีขาวดำ แต่หัวใจของจดหมาย คือ ความรักความห่วงใยและความปรารถนาดีที่มีต่อลูกๆ ตลอด
l วันนี้ พ่อจะเขียนเรื่องที่สำคัญ เกี่ยวข้องทางออกของประเทศทางหนึ่ง “คือการเลือกตั้งทั่วไป”
เพราะช่วงระหว่าง เดือนกุมภาพันธ์ และเดือนพฤษภาคม2562 จะมีการเลือกตั้งกันแล้ว
และการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนสถานการณ์ให้ดีขึ้น หรืออาจจะเป็นจุดถอยหลังกลับไปสู่วิกฤติเดิม
ก็อยู่ที่ประชาชนไทยทั้งชาติ ที่จะกำหนดชะตาชีวิตของตนและประเทศชาติ
เพราะลูกทั้งสอง มีสิทธิ(และเสรีภาพ)ในการเลือกตั้ง และเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบด้วย
ทั้งหมด เป็นแนวคิด ความรู้ และประสบการณ์ของพ่อเอง ที่โลดแล่นอยู่ในวงการเมืองไทยมาตลอดชีวิตที่ มิใช่ “เล่นการเมือง หรือแสวงหา” อำนาจ ตำแหน่งหน้าที่ ฐานะความร่ำรวย ฯลฯ อย่างคนอื่นเขา
แต่ “พ่อทำการเมือง อย่างเอาจริง ด้วยชีวิตจิตใจความรู้ความเข้าใจ ด้วยสติปัญญา ความจริง”
เพราะ “ประเทศไทย ที่รักของพ่อ และเป็นแผ่นดินที่มีบุญคุณต่อ ตระกูลสุรวิชัย ที่เราต้องกตัญญูและตอบแทน”
และเพราะ “การเมืองไทย ที่มีผลกระทบ ทั้งด้านดีและร้าย หากเป็นช่วงการเมืองดี ก็ทำให้ประเทศพัฒนาไป แต่ในช่วงที่การเมืองแย่และเลวร้าย โดยเฉพาะหลังจากปี 2544 ก็ทำให้บ้านเมืองต้องจมอยู่ในวิกฤติ ฯลฯ”
แต่ไม่ว่า ในแต่ละช่วงจะเป็นการเมืองดี หรือร้าย แต่ก็เป็นโอกาสของประชาชนที่รักชาติรักประชาธิปไตยที่จะได้ออกมาทำหน้าที่ของตน ในฐานะที่เป็นคนไทย เป็นเจ้าของแผ่นดินที่ เราและลูกหลานจะต้องอยู่ตลอดไป
แม่และพ่อ ลุงๆ ป้าๆ อาๆ น้าๆ และประชาชนเรือนล้าน ได้ออกมาทำหน้าที่รักษาปกป้อง ชาติบ้านเมืองทุกครั้ง
และหลายครั้ง หรือเกือบทุกข่าว “พ่อเศร้าใจ เป็นที่สุด ที่เห็นพี่น้องประชาชน เสียสละชีวิตเลือดเนื้อ ฯลฯ”
แต่พ่อก็แปร “ความเศร้าใจ เป็นพลังให้แก่ตนเอง ปรับปรุงแก้ไข สิ่งที่เป็นข้ออ่อน เสริมจุดแข็ง ให้ดีขึ้น”
หมั่นสรุปบทเรียนแห่งการต่อสู้ทุกครั้ง เพื่อให้เห็นและเข้าใจ “อริยสัจสี่” เหตุปัจจัยผลและทางแก้ไข
ลูกๆ จึงเห็นพ่อ ทุ่มเททุกสิ่งในชีวิต ปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่าง เพื่อให้ลูกและเยาวชนได้ศึกษาเรียนรู้
l เพราะการเมือง คือ กลไกในการจัดความสัมพันธ์ของอำนาจฝ่ายต่างๆ ในสังคม
การเลือกตั้ง เป็นสิทธิทางการเมืองของประชาชน ที่จะไปใช้สิทธิพิจารณาเลือกบุคคลและพรรคการเมือง
เข้าไปทำหน้าที่แทนประชาชน ในรัฐสภา คือ การเข้าสู่อำนาจรัฐ เพื่อไปใช้อำนาจรัฐเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างระบบของสังคม และการพัฒนาเสริมสร้างให้ประชาชนมีคุณภาพ คิดเป็นทำเป็น ทำเพื่อตนเอง
ทำบ้านเมืองให้ดี ก้าวหน้า และเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
ระบอบประชาธิปไตย คือ อำนาจของประชาชน ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
รวมทั้งอำนาจทางกระบวนการยุติธรรมนั้น
ประชาธิปไตยทางการเมือง มีส่วนสำคัญยิ่ง เพราะการเมือง คือ กลไกในการจัดความสัมพันธ์ของอำนาจ
ฝ่ายต่างๆ ในสังคมที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง ให้ได้สมดุลกัน และเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ
และการจะเข้าใจประชาธิปไตยทางการเมือง ก็จะต้องมีประชาธิปไตยทางวัฒนธรรมความคิด คือ
ด้านหนึ่ง สังคมต้องเปิดโอกาส และสนับสนุนส่งเสริม ให้ประชาชน ได้คิดได้ศึกษาเรียนรู้อย่างอิสระ
และเข้าใจอย่างถูกต้อง ถึงเหตุปัจจัยที่ก่อให้เกิดวิกฤติ และแนวทางการแก้วิกฤติ การออกจากถ้ำแห่งอวิชชาและวงจรอุบาทว์ ซึ่งในสภาพปัจจุบัน ยังจำกัดโอกาสและการศึกษาเรียนรู้อยู่มากในสังคมไทย
ทำให้ “ประชาชนส่วนใหญ่ มองว่า การเลือกตั้งทั่วไป เป็นแก้ววิเศษเดียว ในการแก้วิกฤติได้”
ซึ่งเป็นการเชื่อตาม นักการเมือง นักเลือกตั้ง นักวิชาการ สื่อ และกระแสจากตะวันตก ที่ได้ประโยชน์ หรือฉกฉวยเอาผลประโยชน์ไปจากประชาชน ด้วยวาทกรรมสวยหรู โดยเราขาดความใจและการมีข้อมูลที่ถูกต้อง
อีกด้านหนึ่ง ต้องรู้และเข้าใจถึง ข้ออ่อน ข้อผิดพลาดและความจำกัดของระบอบการเลือกตั้งที่มีอยู่
ทั้งก่อนหน้านี้และในปัจจุบัน (ถึงแม้ว่าจะดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกันที่ผ่านมา)
และที่สำคัญยิ่งคือ “การมีความรู้และเข้าใจที่ถูกต้องว่า : ระบอบการบริหารการปกครองประเทศนั้น จะต้องเป็นระบอบฯ ที่สามารถทำให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศ เป็นหลักสำคัญ”
และระบอบนั้นๆ การนำเอามาใช้ จะต้องมีการวางแผนใหญ่และยาว โดยต้องมีแนวทาง นโยบายยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี จังหวะก้าวขั้นตอน โดยจะมีระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน ซึ่งต้องปรับให้สอดคล้องญ
การทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง ต่อวาทกรรมที่กล่าวว่า “การเลือกตั้ง คือ ประชาธิปไตย” และ “การรัฐประหาร คือ สิ่งที่ผิด ไม่ดี มีแต่เสียหมด” โดยไม่ใช่ การแสวงหาสัจจะจากความเป็นจริง ฯลฯ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี