รัฐบาล คสช.กำลังสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้โครงการก่อสร้างบ้านพักตุลาการที่เซ็นสัญญาก่อสร้างในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (บ้านป่าแหว่ง) ก่อนตกทอดเป็นมรดกบาป กลายเป็นผลการดำเนินงานของรัฐบาล คสช.ไปเอง
เพราะอะไร?
1. เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหากรณีการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ ภาค 5 และบ้านพักข้าราชการตุลาการ ครั้งที่ 2 / 2561 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาความเห็นจากภาคประชาชนทุกด้าน โดยพิจารณาว่าข้อเสนอเหล่านั้น สามารถปฏิบัติได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งหลายข้อเสนอติดขัดข้อกฎหมาย เช่น การรื้อ ย้าย การส่งมอบพื้นที่ โดยก่อนหน้านี้ฝ่ายเลขาฯของคณะกรรมการได้ศึกษาความเห็นของภาคประชาชน ข้อกฎหมาย รวมถึงข้อมูลเชิงวิชาการ และข้อเสนอจากภาคประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้มีความเห็นไว้ว่าไม่ควรรื้อ แต่ต้องการให้ใช้ประโยชน์อย่างอื่น พร้อมกับฟื้นฟูพื้นที่ให้สมบูรณ์ ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าว มีรายละเอียดค่อนข้างมาก จึงขอเวลา 30 วัน เพื่อสรุปความเห็นต่างๆ แล้วนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างสมบูรณ์ทุกด้าน ยืนยันว่าไม่ใช่การซื้อเวลา
นายสุวพันธุ์ชี้แจงว่า “ที่ประชุมเห็นว่าโครงการก่อสร้างนี้เห็นชอบด้วยกฎหมายทุกขั้นตอน ตั้งแต่การขอพื้นที่ การอนุญาต การของบประมาณ การดำเนินการก่อสร้าง จนกระทั่งถึงการตรวจรับงาน ดังนั้น การจะดำเนินการใดๆ ตามข้อเรียกร้อง จะต้องมาพิจารณาอย่างละเอียด เพื่อที่ข้อเสนอของคณะกรรมการนี้ต่อรัฐบาลจะได้เป็นไปตามหลักกฎหมาย แต่ตอนนี้คณะกรรมการยังไม่มีมติใดๆ ส่วน จะรื้อหรือไม่นั้น ขอให้รอความเห็นของคณะกรรมการที่จะสรุปใน 30 วัน”
สรุปง่ายๆ คือ ให้รอความเห็นคณะกรรมการอีก 30 วัน
2. ล่าสุด รศ.ชูโชค อายุพงศ์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หนึ่งในคณะกรรมการกำหนดแนวทางการดำเนินการในส่วนของสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่และฟื้นฟูสภาพป่า ที่รัฐบาลให้ดำเนินการ ได้โพสต์ข้อความแสดงจุดยืนในเฟซบุ๊ค “Chuchoke Aryupong”
ระบุว่า “กรณีบ้านป่าแหว่ง..!!! ผมยังยืนยันในความคิดเห็นเดิมครับ #การเลือกพื้นที่ไม่เหมาะสม #มีผลกระทบจิตใจประชาชน”
ก่อนหน้านี้ รศ.ชูโชคเคยเปิดเผยผลการเข้าตรวจสอบในพื้นที่จริง ระบุว่า การก่อสร้างอาคารบ้านเดี่ยวจำนวน 45 หลังขึ้นไป อยู่ในพื้นที่ลาดชันสูง มีการเปิดหน้าดินเยอะมาก เมื่อเปิดหน้ามากเกินไป จำเป็นต้องถมดินใหม่เข้ามาถมเพิ่ม จึงไม่มีความแน่นพอ โอกาสที่จะเกิดการไหลของดินในช่วงฤดูฝนจึงเป็นไปได้ง่าย เห็นได้ชัดเจนว่าในพื้นที่ที่ได้เข้าไปสำรวจ เมื่อมีฝนตกลงมาเพียงเล็กน้อย เดินจะถูกกัดเซาะอย่างรุนแรง หากเป็นดินเดิมจะไม่ถูกกัดเซาะขนาดนี้ เพราะมีความแน่นของเนื้อดิน ประกอบกับเป็นพื้นที่ลาดชันสูงน้ำที่ตกลงมามีความแรง โครงการนี้หากไม่มีการสลายพลังงานความแรงของน้ำ จะเกิดการกัดเซาะย้อนกลับเข้าไปใต้ดิน จะทำให้มีความเสี่ยงในการพังทลายลงมาได้
“แม้ทางวิศวกรรมสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ เพื่อแต่ต้องใช้งบประมาณที่ค่อนข้างสูง และต้องทำเป็นประจำทุกปี จึงมองว่าการใช้พื้นที่มาก่อสร้างเป็นบ้านพักบนพื้นที่ลาดชันสูง และเป็นการใช้พื้นที่อย่างสิ้นเปลืองเกินความจำเป็น มีความเสี่ยงต่อการวางตัวของอาคาร ในขณะเดียวกัน ยังไม่ได้เห็นฐานรากของอาคารว่าเป็นลักษณะไหน อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรื่องการปรับปรุงให้ดีขึ้นไม่ใช่ประเด็นหลักที่คุยกัน แต่ที่มีการพูดคุยกันคือในส่วนของอาคารบ้านพักจำนวน 45 หลัง มีความลาดชันสูงและรุกเข้าไปในพื้นที่ป่ามาก ดังนั้น จึงต้องการพิจารณากันว่าบ้านพักจำนวน 45 หลังนี้ จะมีอยู่หรือไม่ ประเด็นความเสี่ยงของพื้นที่มีความลาดชันสูงและถูกล้อมรอบไปด้วยป่าสมบูรณ์ โอกาสความเสี่ยงด้านภัยพิบัติมีสูงทั้งเรื่องไฟป่า ดินถล่ม และการกัดเซาะของน้ำ ถือเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงชัดเจน มีผลกระทบรุนแรง ในความคิดเห็นส่วนตัวการประเมินเบื้องต้นจากวิชาการที่มีอยู่ และจากการพูดคุยกับคณะกรรมการ และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยใช้วิชาการเป็นตัวตั้ง พบว่า บ้านพักข้าราชการตุลาการจำนวน 45 หลัง ควรจะต้องรื้อย้ายออกไป เพื่อให้พื้นที่กลับสู่สภาพเดิน โดยเร็ว จากการเข้าไปเห็นพื้นที่และผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบต่อจิตใจของประชาชนชาวเชียงใหม่ ที่เมื่อเห็นภาพจากมุมสูงหรือเห็นภาพที่มีการส่งต่อๆ กันมาจะรู้สึกเสียใจและเจ็บใจทันที ในส่วนนี้ภาครัฐควรจะตระหนักว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นการเล่นกับจิตใจคนเป็นเรื่องใหญ่ที่จบได้ยาก ในขณะที่ภาครัฐออกมารณรงค์ให้มีการอนุรักษ์ธรรมชาติ เคสนี้จะเป็นตัวอย่างที่ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ในคำพูด จึงอยากให้ข้อคิดว่า ภาครัฐจะต้องดีใจที่ประชาชนชาวเชียงใหม่ออกมาปกป้องผืนป่าดอยสุเทพอย่างจริงจังและร่วมกับทุกภาคส่วน ที่ผ่านมาภาครัฐเสียเงินกับการรณรงค์ให้คนรักป่าเป็นจำนวนมาก แต่กรณีที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ประชาชนออกมาปกป้องพื้นที่ป่าดอยสุเทพโดยที่ภาครัฐไม่ต้องร้องขอ”
3.รัฐมนตรีสุวพันธุ์อ้างว่า มีข้อเสนอจากภาคประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้มีความเห็นไว้ว่าไม่ควรรื้อ แต่ต้องการให้ใช้ประโยชน์อย่างอื่น พร้อมกับฟื้นฟูพื้นที่ให้สมบูรณ์
ไม่ทราบว่าหมายถึงความเห็นของใคร? คนกลุ่มไหนบ้าง?
แต่จำได้ว่า ก่อนหน้านี้ “นิด้าโพล” ได้เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “คนไทยคิดอย่างไร กับโครงการสร้างบ้านพักตุลาการศาลบริเวณดอยสุเทพ” สำรวจระหว่าง วันที่ 21-23 เม.ย.2561 จากกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ
3.1 คำถามถึงความเหมาะสมในการสร้างบ้านพักตุลาการศาลบริเวณดอยสุเทพ
พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 85.20 ระบุว่า ไม่เหมาะสม เพราะเป็นการทำลายป่าไม้ ทำลายธรรมชาติและระบบนิเวศ สิ้นเปลืองงบประมาณ ควรนำงบประมาณไปใช้ทำอย่างอื่นที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับคนในพื้นที่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรมีสิ่งปลูกสร้าง บางส่วนระบุว่า บ้านพักควรสร้างในเมืองน่าจะดีกว่า
มีเพียงร้อยละ 14.56 ระบุว่า เหมาะสม เพราะเป็นพื้นที่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เป็นการบุกรุก หรือรุกล้ำพื้นที่ป่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงจะพิจารณาตามความเหมาะสมมาอย่างดีแล้ว และเพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติงาน
3.2 คำถามถึงการรื้อถอนบ้านพักตุลาการฯ ออกทั้งหมด
พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.84 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะจะได้คืนผืนป่าให้กลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม และจะเป็นการช่วยอนุรักษ์ผืนป่าเอาไว้
รองลงมา ร้อยละ 43.68 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณในการรื้อถอน และเสียดายงบประมาณที่ใช้ไป ขณะที่บางส่วนระบุว่า ยังสามารถใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นได้อีก
4. จับตาดูว่ารัฐบาล คสช. จะตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการที่เซ็นสัญญาก่อสร้างตั้งแต่ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างไร? จะสะสางปัญหา หรือจะเข้าไปสวมตอ?
เนื้อไม่กิน หนังไม่ได้ห่ม จะเอากระดูกมาแขวนคอ?
วิวัฒนาการของโครงการนี้ไล่ตั้งแต่สำนักงานศาลยืนยันขอใช้ที่ดินจากทหาร ช่วงปี 2542
หลังจากนั้น มีการอนุมัติให้ใช้ที่ดินราชพัสดุโดยผู้มีอำนาจช่วงปี 2546-2549 ยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
แล้วก็มีการจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน และเซ็นสัญญากับผู้รับเหมาก่อสร้างกันในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
มาถึงยุครัฐบาล คสช. หากตัดสินใจใช้ประโยชน์จากโครงการนี้ ก็เท่ากับเป็นโครงการใหม่ที่เกิดขึ้นในยุค คสช.เอง ซึ่งจะต้องรับผิดชอบทางประวัติศาสตร์ต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน ตราบเท่าที่ดอยสุเทพยังตั้งตระหง่านอยู่
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี