“เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า
เจ้าจะเฝ้า แต่สนุก สุขไฉน
เมื่อเจ้าไป เจ้าจะเอา อะไรไป
เจ้าก็ไป มือเปล่า เหมือนเจ้ามา”
สมเด็จโต แห่งวัดระฆัง
เป็นคำสอนเตือนใจให้รู้จักสำนึกตลอดเวลาว่า ทุกคนเกิดมามือเปล่า ไม่มีอะไรติดมือมา เวลาตายก็ตายไปอย่างมือเปล่าเช่นเดียวกัน ไม่สามารถจะเอาอะไรที่เก็บไว้หรือสะสมไว้ติดมือไปได้เช่นเดียวกัน อย่าสนุกหรือมีความสุขด้วยการแสวงหาเงินทองที่เป็นของนอกกาย จนลืมนึกถึงเรื่องนี้ เพราะทุกคนต้องตาย ร่างกายเป็นผี สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา นั่นเอง
โดยเฉพาะคนที่มีอำนาจใหญ่โตในบ้านเมืองด้วยแล้ว คำสอนเตือนใจของสมเด็จโตแห่งวัดระฆังดังกล่าว เป็นคำสอนที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ควรระลึก หรือสำนึกถึงอยู่ตลอดเวลาในการทำงาน อย่าใช้อำนาจอย่างสนุกสนานตามใจชอบเพื่อความสุขของตนอย่างไร้สำนึก ว่าในตอนหมดอำนาจแล้วจะมีชีวิตอยู่ด้วยดี หรือไม่ดี
ถ้าไม่รู้จักสำนึกให้ดี หมดอำนาจเมื่อไร ปั้นปลายของชีวิตตนคงไม่พ้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตน ดังคำสอนของ “ลูกศิษย์หลวงพ่อโต” ที่ว่าไว้ดังนี้
“เมื่อเจ้ามา ด้วยปืน ในมือเจ้า
เจ้าจะเฝ้า ใช้แต่ปืน ไม่ดีแน่
ตอนเจ้าอยู่ ผู้คน ไม่อยากแล
เจ้าต้องแย่ เมื่อเจ้าไป ถูกเช็คบิล”
ใครก็ตามที่ไร้จิตสำนึกในเรื่องอย่างนี้จะเป็นคนที่มีนิสัยเสีย เตลิดเปิดเปิงไปกับนิสัยที่เสียได้ง่าย เพราะนิสัยพฤติกรรมที่ปลูกฝัง ผ่านกาลเวลาอันยาวนาน ทำไปโดยอัตโนมัติ ไม่อยากให้ใครมาควบคุม เมื่ออยู่ในภาวการณ์อย่างไรก็ทำไปตามปกติวิสัยของตน
มีนิสัยดีก็จะมีชีวิตที่ดี ปลูกฝังขึ้นมาจากการปฏิบัติทีละเล็กทีละน้อย หมุนเวียนกลับไปกลับมา และทำซ้ำนับครั้งไม่ถ้วน ไม่ว่านิสัยที่ดีหรือเสียก็เป็นอย่างนี้
นิสัยดีคือคุณธรรมอันดีงาม นิสัยเสียคือความคิดที่เปลี่ยนไปและทำให้พฤติกรรมของตนเปลี่ยนไปด้วย ชะตากรรมก็เปลี่ยนไปตาม เมื่อชะตากรรมเปลี่ยนไป ชีวิตก็เปลี่ยนตามไปด้วย พลังของนิสัยส่งผลกระทบต่อความประพฤติของตนทั้งรูปแบบและความคิด
จิตสำนึกของคนแบ่งเป็นสามัญสำนึกและจิตใต้สำนึก
สามัญสำนึกคือการทำกิจกรรมโดยรู้ตัวว่าตนทำอะไร ส่วนจิตใต้สำนึกรอคอยอย่างเงียบๆ ภายใต้สามัญสำนึก พฤติกรรมคือความเคยชิน ความเคยชินกลายเป็นอุปนิสัย
คนเราทุกคนที่มีนิสัยไม่เหมือนกัน นอกจากมาจากพันธุกรรมแล้ว ก็ได้รับกล่อมเกลามาจากการศึกษา ประสบการณ์ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญอันเป็นที่มาของนิสัยคน ผู้ใดมีนิสัยดีก็ก่อแต่ผลดี ผู้ใดมีนิสัยไม่ดีก็มักจะก่อแต่ผลเสีย ทั้งต่อตัวเองและต่อผู้อื่น
บ้านเมืองจะดีหรือไม่ดี จึงอยู่ที่ผู้คนในบ้านเมือง โดยเฉพาะในระดับผู้บริหารประเทศ ว่าจะเป็นคนที่มีนิสัยอย่างไร ถ้านิสัยดี บ้านเมืองก็ดีตาม และถ้าไม่ดี บ้านเมืองก็แย่
บ้านเมืองของเราขณะนี้ดีขึ้นหรือแย่ลงทุกคนตอบได้
ถ้าจิตสำนึกดี นิสัยดี ผู้บริหารจะรู้จักทำงานในการบริหารบ้านเมือง ตามความเร่งด่วน และความสำคัญ 4 ประการดังต่อไปนี้
1. งานสำคัญเร่งด่วน
1) งานที่อยู่ในภาวะวิกฤติต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน
2) ปัญหาเร่งด่วนก่อนหลังที่ต้องจำแนก
3) เวลาที่ต้องกำหนดในการแก้ปัญหา
2. งานสำคัญที่ไม่เร่งด่วน
1) การวางแผนอย่างเป็นระบบในการบริหาร
2) งานปรับประสิทธิภาพในการทำงานของเจ้าหน้าที่
3) งานป้องกันความปลอดภัยส่วนรวม
3. งานไม่สำคัญ เร่งด่วน
1) การจัดประชุม สัญจรไปโน่นไปนี่
2) การพบปะแขกที่ไม่ได้นัด
3) การโฆษณาตัวเองในรูปแบบต่างๆ
4. งานไม่สำคัญ ไม่เร่งด่วน
1) งานจุกจิกจิปาถะ ร้องเพลง อุ้มเด็กอุ้มสัตว์
2) งานบางอย่างที่สิ้นเปลืองเวลา พูดเป็นชั่วโมง
ทั้งหลายทั้งปวงที่พูดมา ถ้ามีจิตสำนึก ก็แก้นิสัยเสียดังกล่าวได้
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี