วันนี้ตื่นมาแต่เช้าเห็นข่าวเกี่ยวกับความคิดที่จะฟ้องร้องแจ้งความดำเนินคดีกับบรรดาผู้โพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียว่า “เจ้าสัว” โดยถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทนักธุรกิจรายใหญ่ที่มีบทบาทยิ่งใหญ่ในบ้านเมืองของเราในทุกวันนี้
อ่านแล้วก็ได้แต่ปลง เพราะหลังจากเจริญปัจจเวกพิจารณาความไม่เที่ยงของผม ขน ฟัน เล็บและหนังแล้ว เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าปลงอีกเรื่องหนึ่ง และต้องปลงด้วยความรู้สึกสมเพชเวทนา
เพราะความคิดที่จะไปก่อเวรแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่โพสต์ข้อความว่า “เจ้าสัว” ว่าหมายถึงตัวเอง และทำให้ตัวเองเสียหายนั้น ได้สะท้อนบางสิ่งบางอย่างเป็นทำนองว่าคำว่า “เจ้าสัว” เป็นทรัพย์สมบัติส่วนตน และเจ้าสัวก็คือตน หรือตนก็คือเจ้าสัว เป็นการเฉพาะ ไม่หมายถึงคนอื่น และไม่สามารถเข้าใจไปถึงคนอื่นได้
ถ้าหากคิดเช่นนั้นก็เป็นความคิดที่ผิด เพราะไม่เป็นความจริง ไม่ใช่สิ่งที่ยึดถือเอาเป็นของตนได้ คำว่า “เจ้าสัว” ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติของใคร และไม่ใช่คำที่ใครจะผูกขาดเอาเป็นส่วนตนได้ และคำว่า“เจ้าสัว” นั้นไม่ได้หมายถึงใครคนใดคนหนึ่ง
ความจริงคำว่า “เจ้าสัว” นั้นเป็นคำที่ใช้ในหมู่คนเชื้อสายจีนมาก่อน และเป็นคำที่ใช้สำหรับมหาเศรษฐีที่มีความมั่งคั่ง มีลำดับการใช้ถ้อยคำหลายระดับลดหลั่นกันไป
เช่น คำว่า “เถ้าแก่”,“นายห้าง” และ “เจ้าสัว”โดยคำว่า “เจ้าสัว” นั้นใช้กันในความหมายของคนที่มีความมั่งคั่งร่ำรวยยิ่งกว่าคำว่าเถ้าแก่หรือนายห้าง
คำว่า “เถ้าแก่” มักจะใช้สำหรับเจ้าของกิจการที่พอมีฐานะ ส่วนคำว่า “นายห้าง” นั้นหมายถึงเถ้าแก่ที่มีกิจการมากขึ้น มีผู้คนบริวารลูกจ้างมากขึ้น มีฐานะมั่งคั่งมากขึ้น
ส่วนคำว่า “เจ้าสัว” ก็ใช้ในความหมายของผู้ที่มีความมั่งคั่งร่ำรวยยิ่งกว่านายห้าง และโดยทั่วไปก็จะหมายถึงผู้มั่งคั่งร่ำรวยที่เกี่ยวข้องอยู่ด้วยอำนาจรัฐ ไม่ว่าจะได้รับประโยชน์จากอำนาจรัฐหรือทำกิจการกับรัฐ ไม่ว่าในลักษณะใดๆ ก็ตาม ครั้นมั่งคั่งร่ำรวยมหาศาลขึ้นก็จะได้รับคำยกย่องว่าเป็นเจ้าสัว
ในอดีตผู้นำของตระกูลหวั่งหลี ตระกูลโสภณพนิช ตระกูลเตชะไพบูลย์ ตระกูลรัตนรักษ์ ตระกูลล่ำซำ ตระกูลเลี่ยวไพรัตน์ ตระกูลศรีเฟื่องฟุ้ง หรือตระกูลวัธนเวคิน ก็ได้รับคำยกย่องว่าเป็นเจ้าสัว
และความหมายของคำว่าเจ้าสัวในยุคนั้นมักจะมีนัยของความน่านับถือเลื่อมใสศรัทธาอย่างแนบแน่นด้วย
เพราะบรรดาเจ้าสัวในยุคนั้นมักจะมีคุณธรรม เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อบริษัทบริวารและคนยากคนจน ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน ให้เกิดการทำงาน และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นในวงการธุรกิจของตนและในบ้านเมือง ซึ่งเป็นไปในทางที่อำนวยประโยชน์เผื่อแผ่ไปถึงสังคมและบ้านเมืองด้วย
ที่สำคัญคือ เจ้าสัวในยุคนั้นจะมีจุดเด่นในเรื่องความกตัญญูรู้คุณแผ่นดิน จะทำการสิ่งใดก็เทิดทูนยกย่องประเทศชาติและพระมหากษัตริย์ว่ามีพระคุณล้นฟ้าล้นแผ่นดินสำหรับตนและครอบครัว คำนิดคำน้อยก็จะขึ้นต้นคำว่า ครอบครัววงศ์ตระกูลและตนเองมีวันนี้ก็เพราะได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารแห่งพระมหากษัตริย์ เพราะได้อาศัยพระคุณแผ่นดินสยามนี้เป็นที่กิน ที่อยู่ ที่ทำมาหากิน และเป็นที่ให้ลูกหลานได้ดำรงคงอยู่จนมีความสุขกันถ้วนหน้า
เมื่อมีความกตัญญูและได้แสดงความกตเวทีต่อบ้านเมืองและต่อพี่น้องร่วมชาติ จึงถือได้ว่าเจ้าสัวในยุคนั้นได้บำเพ็ญประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้สมบูรณ์พร้อม ความสุข ความเจริญ และความร่มเย็นเป็นสุขจึงบังเกิดขึ้นโดยถ้วนหน้า
ครั้นยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป เจ้าสัวรุ่นเก่าก็โรยราล่วงลับดับสูญไปตามกาลเวลา เจ้าสัวรุ่นใหม่ก็บังเกิดขึ้นมากหน้าหลายตา และที่สำคัญคือการก่อร่างสร้างตัวสร้างความร่ำรวยมหาศาลที่เป็นไปอย่างรวดเร็วผิดหูผิดตา เพราะได้อาศัยสิทธิประโยชน์จากรัฐในรูปแบบต่างๆ
และบ้างก็ได้มาด้วยการติดสินบาทคาดสินบน ด้วยการซื้อคนลงเป็นทาสรับใช้ ให้กระทำการขายชาติขายแผ่นดิน ขายผลประโยชน์แห่งชาติ ถือครองเอาสมบัติของชาติมาเป็นของส่วนบุคคล หรือเป็นประโยชน์ของหมู่กลุ่มโดยไม่เป็นธรรมต่อบ้านเมืองและราษฎรไทยโดยทั่วไป
และถ้าหากไม่ตั้งอยู่ในธรรม ไม่รู้จักความพอเพียง ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องตายในสักวันหนึ่ง โดยที่จะถือเอาทรัพย์สินใดๆ ไปยมโลกไม่ได้ ก็จะมีความฮึกเหิมลำพอง ไม่รู้จักอิ่มในทรัพย์สมบัติ เป็นผู้หิวโหยอยู่ในทุกวันเวลา และทำทุกอย่างเพื่อตอบสนองต่อความหิวโหยของตัว กระทั่งละเมิดต่อกฎหมาย คุณธรรม ศีลธรรม แม้กระทั่งเบียดเบียนให้เกิดความเดือดร้อนต่อผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่ต่ำต้อยด้อยค่า มีความสามารถน้อยกว่าตัว จนสิ้นเนื้อประดาตัวและตกระกำลำบากยากจนตามๆ กัน
ใครไหนก็ตามที่มีแต่ความหิวโหย ไม่รู้จักความพอเพียง มีความร้อนรุ่มอยู่ในความหิวมากขึ้นตามปริมาณทรัพย์สมบัติและเครือข่ายอิทธิพลที่มากขึ้น ความรุ่มร้อนที่ถูกความโลภโมโทสัน
เผาไหม้ก็ยิ่งกว่าไฟประลัยกัลป์ การตกอยู่ในภาวะเช่นนั้นเป็นการตกอยู่ในภาวะเปรตวิสัย จึงเป็นเรื่องที่น่าสงสาร น่าสมเพชเวทนา
ดังนั้นเมื่อคำว่าเจ้าสัวเป็นคำสาธารณะ ไม่ได้หมายถึงใครคนใดคนหนึ่ง แต่หมายถึงผู้ที่มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวย ถึงใครจะใช้คำว่าเจ้าสัวและวิพากษ์วิจารณ์ประการใดต่อผู้ที่ชื่อว่าเจ้าสัวโดยไม่ได้ระบุชื่อเสียงเรียงนามเป็นการเฉพาะ ก็ไม่เป็นความผิดที่ใครจะมากล่าวหาฟ้องร้องได้
ดังนั้นถ้าใครไหนฟ้องร้องดำเนินคดีกับคนอื่นเพราะเหตุที่ใช้คำว่า “เจ้าสัว” ก็ต้องถือว่าเปิดหน้าออกมาให้ชาวบ้านตบหน้าเอง ถ้าหากจะมีใครฟ้องกลับฐานแกล้งฟ้องผู้อื่นโดยรู้ว่าไม่เป็นความผิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี