คดีธรรมกาย มาถึงจุดสำคัญ
1. เงินที่นายศุภชัยและพวกโกงไปจากชาวสหกรณ์ฯคลองจั่น ไม่ใช่แค่เช็คบริจาคตรงไปที่ธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย เท่านั้น ยังมีการผ่องถ่ายออกไปในรูปแบบช่องทางอื่น เช่น เอาไปซื้อที่ดิน แล้วจากนั้นก็ขายไปให้เครือข่ายธรรมกาย เอาเงินไปให้มูลนิธิ หรือที่ดินบางแปลงก็มอบต่อไปให้มูลนิธิ ทำการก่อสร้างอาคารต่อไป กลายเป็นสมบัติของเครือข่ายธรรมกาย มูลค่ามหาศาล
ทั้งๆ ที่ ทรัพย์สินเหล่านี้คือเงินที่โกงไปจากชาวสหกรณ์ฯคลองจั่น
เพราะฉะนั้น ที่ลูกศิษย์ธรรมกายอ้างว่ารวบรวมเงินคืนให้สหกรณ์ไปแล้ว นั่นเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นเอง
อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.ไพสิฐเปิดเผยว่า การดำเนินคดีของดีเอสไอ สามารถทำให้กลุ่มศิษย์ของวัดพระธรรมกายระดมเงินคืนให้กับสหกรณ์จำนวน 1,055 ล้านบาท และติดตามทรัพย์อีก 299 รายการมูลค่า 3,800 ล้านบาทรวมทรัพย์ที่สามารถติดตามคืนได้ทั้งสิ้นกว่า 4,800 ล้านบาท ส่งคืนให้กับสหกรณ์ฯ เพื่อนำไปเฉลี่ยคืนให้กับสมาชิก จากการดำเนินคดีฟอกเงินที่ยังสอบสวนอยู่นี้ คาดว่าจะสืบทรัพย์ได้อีกกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการเพื่อให้กลับคืนไปสู่ชาวสหกรณ์ฯคลองจั่น กว่า 50,000 คนต่อไป
การทำงานอย่างไม่เกรงกลัวอิทธิพลของดีเอสไอ จะช่วยทวงคืนทรัพย์สินที่ชาวสหกรณ์ฯคลองจั่นถูกโกงไป
2. เมื่อวานนี้ ผู้ที่ร่วมแถลงกับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แก่ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้อำนวยกองการเงินการธนาคาร (มือสอบสวนฝีมือเยี่ยมยุทธ์ของดีเอสไอ) และนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด
เป็นการแถลงเจาะไปที่คดีฟอกเงินเกี่ยวกับมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ขนนกยูง ในพระอุปถัมภ์พระราชภาวนาวิสุทธิ์(พระธัมมชโย) และกรรมการมูลนิธิ ที่ได้รับเงินจำนวน 125 ล้านบาท จากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร กับพวก ที่กระทำทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด
พ.ต.ท.ปกรณ์เปิดเผยว่า “จากการสอบสวนพบแผนประทุษกรรมเข้าลักษณะความผิดตามกฎหมายฟอกเงินโดยเป็นการกระทำทุจริต เซ็นเช็คสั่งจ่ายเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และนำไปมอบให้กับพระธัมมชโย แล้วส่งต่อเงินไปให้มูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ฯ ใช้สร้างอาคารลูกโลกประมาณ 700-800 ล้านบาท และเข้าบัญชีวัดเพื่อสร้างวิหารคดอีกประมาณ 700 ล้านบาท และเช็คที่นำไปมอบให้พระธัมมชโยได้นำไปเข้าบัญชีมูลนิธิโดยตรงจำนวน 125 ล้านบาท ก่อนหน้าคดีนี้ได้ส่งสำนวนคดีพระสงฆ์เครือข่ายวัดพระธรรมกายจำนวน 3 รูป นำไปซื้อที่ดิน และยังมีคดีคนของวัดพระธรรมกายนำเงินไปเล่นหุ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน”
ชัดเจน เฉียบคม
3. หากมูลนิธิทำผิดกฎหมายฟอกเงิน จะต้องทำอย่างไรต่อไป?
พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง เปิดเผยว่า สำหรับคดีพิเศษที่ 24/2560 คณะพนักงานสอบสวนเห็นควรกล่าวโทษมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ และกรรมการ (ชุดที่มีนางวรรณา จิรกิติ ประธานกรรมการมูลนิธิ) มีความผิดในข้อหาสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน นอกจากนั้น มูลนิธิยังดำเนินการผิดวัตถุประสงค์ก่อตั้งมูลนิธิ จึงเสนอให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลสั่งให้ยุบมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ฯ และขอศาลสั่งให้ทรัพย์สินมูลนิธิ ตกเป็นของแผ่นดิน โดยทรัพย์สินบางส่วน ปปง.ได้ยึดอายัดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
รองอธิบดีอัยการ นายขจรศักดิ์ เพิ่มเติมว่า วัดพระธรรมกายที่ปทุมธานี มีที่ดิน 196 ไร่เท่านั้น ที่เป็นธรณีสงฆ์ของวัด ส่วนที่เหลือทั้งหมดถือครองในชื่อมูลนิธิทั้งสิ้น ดังนั้น เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่ามูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ฯกระทำความผิดในคดีฟอกเงิน เนื่องจากหลักฐานในทางอาญาพบว่าเงินในสหกรณ์เข้ามาในมูลนิธิ และขยายออกไป พนักงานสอบสวนจึงส่งคำร้องถึงสำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณายื่นคำร้องขอเลิกมูลนิธิ ตามประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 131(2) และขอให้ศาลพิจารณาเลิกมูลนิธิ ให้ทรัพย์ตกเป็นของแผ่นดิน ตามมาตรา 134 ต่อไป
แม่นยำ ตรงเป้า เข้าตรงจุด
4. น่าคิดว่า ในอนาคต หากทรัพย์สินของมูลนิธิ ตกเป็นของสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ส่วนที่เป็นเงินฝากและที่ดินอื่นๆ อาจดำเนินการเพื่อนำเงินไปชำระคืนแก่ผู้เสียหาย และส่วนที่เป็นอาคารในบริเวณใกล้ๆ พื้นที่ 196 ไร่ ของวัดพระธรรมกายนั้น ก็สามารถจะกำหนดให้มีการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินเพื่อกิจการศาสนาอย่างถูกต้อง หากวัดพระธรรมกายประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาโดยไม่ขัดต่อพระธรรมวินัย ย่อมสามารถใช้ได้ต่อไปได้ตามปกติ เช่นเดียวกับที่ปัจจุบันยังสามารถใช้อาคารวิหารคดทำกิจกรรมทางศาสนาของวัดได้ตามปกติ แม้จะถูก ปปง.อายัดไว้
เพราะฉะนั้น สำหรับพุทธศาสนิกชน จะไม่ได้รับผลกระทบเลย
แต่สำหรับคนที่ชอบซิกแซ็ก หากิน หาผลประโยชน์ส่วนตัวจากศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ย่อมจะไม่พอใจ
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี