รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เล็งเห็นปัญหาอุทกภัยมาตั้งแต่เริ่มเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2557 โดยได้จัดตั้งหน่วยราชการชื่อสำนักงานคณะกรรมการทรัพยาการน้ำแห่งชาติ ขึ้นในวันที่ 20 ตุลาคม 2560 เป็นต้นมา โดยมี ดร.สมเกียรติ ประจำวงศ์ทำหน้าที่เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เป็นคนแรกโดยปีงบประมาณ 2562 เป็นปีที่ 3 ของสำนักงานนี้สำนักงานได้จัดทำแผนแม่บทชื่อแผนการบริหารทรัพยากรน้ำ 20 ปีขึ้น ในระหว่างปี 2561 ถึง 2580 ด้วยการยึดหลักตามแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ
สำหรับพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ มีปัญหาอุทกภัยเกิดขึ้นทุกๆปีนั้นทางกรมชลประทานได้จัดทำโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ส่วนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้านั้นกรมชลประทานได้ระดมเครื่องสูบน้ำช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชอย่างเร่งด่วน
ทางด้านประชาชนในพื้นที่ได้สนับสนุนให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะยาวอย่างยั่งยืนเพราะสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ทำให้ทรัพย์สินของประชาชนได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมากซึ่งสาเหตุที่เกิดอุทกภัย ในครั้งนี้เกิดจากฝนตกหนักในบริเวณเทือกเขาติดต่อกันทำให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลเข้าสู่เขตเทศบาลและตัวเมือง
ผลการศึกษาทางอุทกวิทยาพบว่าน้ำที่ท่วมตัวเมืองนครศรีธรรมราชมาจากคลองท่าดีซึ่งคลองท่าดีจะไหลไปลงคลองต่างๆ และออกทะเลที่คลองท่าซัก และคลองปากนคร แต่ทั้ง 2 คลอง มีขีดความสามารถระบายน้ำรวมกันได้แค่ 268 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในขณะที่ปริมาณน้ำในคลองท่าดีช่วงฝนตกหนักมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 750 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
การบรรเทาอุทกภัยในนครศรีธรรมราช จะประกอบด้วยการขุดคลองระบายน้ำใหม่จำนวน 3 สาย ที่สามารถระบายน้ำได้ 750 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พร้อมกับขุดลอกคลองวังวัว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการระบายน้ำเป็น 850 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และลอกคลองหัวตรุด ให้สามารถระบายน้ำได้ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เมื่อแล้วเสร็จจะสามารถลดอุทกภัยในเขตนครศรีธรรมราช และลดพื้นที่น้ำท่วมได้ประมาณร้อยละ 90 ครอบคลุมพื้นที่ได้เกือบหมด
ขณะนี้กรมชลประทานได้ศึกษาวางโครงการและการสำรวจออกแบบ 3 คลอง เรียบร้อยแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการประชาสัมพันธ์และชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการทำโครงการซึ่งรัฐบาลได้เร่งรัดดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในปี 2563 ตามมติคณะรัฐมนตรีโดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 9,580 ล้านบาทซึ่งหากทำสำเร็จตามแผนคาดว่าจะลดปัญหาอุทกภัยในตอนกลางของภาคใต้ ได้สำเร็จตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน
ส่วนอีกโครงการที่รัฐบาลน่าจะพิจารณาก็คือการขุดคลองไทยความยาว 135 กม.เป็นคลองกว้าง 100 เมตร ลึก 30 เมตร เพื่อเชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดียจังหวัดตรัง มายังอ่าวไทย จังหวัดสงขลา ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาอุทกภัยในภาคใต้ได้เป็นอย่างดีและมีประโยชน์ในด้านการคมนาคมทางทะเลอีกด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี