๒๖ ธ.ค. ๒๕๖๑ เป็นวัน Big Cleaning Day หรือ วันทำความสะอาดครั้งใหญ่ ก่อนคืนพื้นที่ให้สำนักงานทรัพย์สินฯ วันที่ ๓๑ ธ.ค. ปิดตำนานสภาพระที่นั่งอนันตสมาคมและสภาบนถนนอู่ทองใน ที่ใช้ประชุมรัฐสภาต่อเนื่องกันมากว่า ๘๐ ปี การทำความสะอาดครั้งนี้เป็นการกวาดล้างมลทิน ปัดเป่าอาถรรพ์ร้าย ที่คณะราษฎรฝังไว้หลังจากยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์เมื่อวันที่ ๒๔ ต.ค. ๒๔๗๕
“หมุดคณะราษฎร” ที่ฝังไว้ในเขตพระราชฐาน เป็นอาถรรพ์ร้ายที่ทำให้ประเทศไทยเกิดความวุ่นวายตลอดมา เพราะเหตุว่ากลุ่มผู้ยึดอำนาจมุ่งร้ายต่อสถาบัน หลอกลวงหักหลังกันเอง ความขัดแย้งแตกแยกความวุ่นวายทางการเมืองไทยจึงได้เริ่มต้นแต่นั้นมา ดังที่พลโทประยูร ภมรมนตรี บันทึกไว้ในหนังสือ “เบื้องแรกประชาธิปตัย” ว่า
“...การเปลี่ยนการปกครองตั้งแต่เริ่มแรก มีเรื่องพึงสังเกตเป็นพิเศษ ที่ผู้ก่อการปั่นป่วนแตกร้าวและความวิบัติอลเวงในทางการเมืองเกิดขึ้นตลอดมาตามลำดับ...นับตั้งแต่วันแรกในคำประกาศยึดอำนาจการปกครอง หลวงประดิษฐ์มนูธรรม ถือโอกาสสอดแทรกความจำนงที่จะนำระบบคอมมิวนิสต์ ซึ่งใช้คำว่า “ศรีอารยะ” บังหน้า.. แล้วครั้นต่อมาหลวงประดิษฐ์มนูธรรมกับคณะ ๙ คน นำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยชั่วคราวขึ้นทูลเกล้าฯถวาย ณ วังศุโขทัย... ทรงตั้งพระทัยพิจารณาอย่างจริงจัง ครั้นแล้วก็มีข้อความหลายตอนที่ข้องพระทัยยิ่งนัก จึงตรัสถามพระยาทรงสุรเดชว่าได้อ่านรัฐธรรมนูญนี้มาก่อนหรือเปล่า ซึ่งพระยาทรงสุรเดชก็กราบทูลว่าไม่ได้อ่าน...
แล้วหันมาถามข้าพเจ้าว่าได้อ่านหรือเปล่า ข้าพเจ้าก็ตอบว่าไม่ได้อ่านเช่นเดียวกันเพราะไม่ใช่หน้าที่ และท่านเจ้าคุณก็ได้กำชับหลวงประดิษฐ์มนูธรรมไว้แล้ว ว่าให้ร่างรัฐธรรมนูญตามแบบอังกฤษซึ่งมีพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ.. ทรงรับสั่งว่า “ต้องการจะให้เป็นเช่นนั้นแต่นี่เรื่องอะไรใช้คำเสนาบดี ว่า “คณะราษฎร” ซึ่งเป็นแบบรัสเซีย แบบคอมมิวนิสต์..”
พระยาทรงสุรเดช ตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วลุกขึ้นถวายคำนับว่า “ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานสารภาพผิด ข้าพระพุทธเจ้ามิได้อ่านมาก่อน ฉะนั้นข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานอภัยและขอถวายสัตย์ว่า จะไปร่างมาใหม่ให้เป็นไปตามพระราช-ประสงค์ทุกประการ” สมเด็จพระปกเกล้าฯ ทรงนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง..รู้สึกอัดอั้นพระทัยเป็นอย่างยิ่ง แล้วรับสั่งว่า “ถ้าพระยาทรงสุรเดช รับรองว่าจะเอาไปแก้กันใหม่ ฉันก็จะยอมเชื่อพระยาทรง แต่อย่างไรก็ตามวันนี้หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมเซ็น”
พวกเราทุกคนต่างตะลึงพรึงเพริด ทยอยกันออกไปยืนที่ลานหน้าพระราชวัง พระยาทรงชี้หน้าหลวงประดิษฐ์มนูธรรมว่า “คุณหลวงทำฉิบหายป่นปี้ ไม่ทำตามที่บอกกล่าวกันไว้ ทำอะไรนอกเรื่อง..” พระยาทรงพูดอย่างแค้นเคือง แล้วรีบเดินไปขึ้นรถ เป็นอันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพระยาทรงสุรเดชกับหลวงประดิษฐ์มนูธรรมได้แตกร้าวลงไป อย่างไม่มีทางจะประสานกันได้ตั้งแต่นั้นมา
การร่างรัฐธรรมนูญ ใช้เวลา ๒ เดือนกับ ๑๕ วัน กับเวลาตรวจเรื่องอีกหนึ่งเดือน รวมเป็นสามเดือนเศษ ได้ประกาศใช้เมื่อ ๑๐ ธ.ค. ๒๔๗๕ เป็นรัฐธรรมนูญประถมราชานุสรณ์ ที่ชาวไทยได้รับพระราชทานสิทธิเสรีภาพปกครองตนเอง ตามระบอบประชาธิปไตยโดยการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และในวันเดียวกันนั้นคณะราษฎรก็ได้ทำพิธีฝังหมุด ไว้ใกล้ฐานพระบรมรูปทรงม้า
หมุดที่ฝังไว้เป็นเหมือนอาถรรพ์ร้าย ทำให้ประเทศไทยมีความวุ่นวายตลอดมา คณะราษฎรซึ่งขัดแย้งหักหลังกันเอง ทำการปฏิวัติแย่งชิงอำนาจกันไปมา จนไม่เหลือเวลาพัฒนาประเทศชาติทำให้เสียเวลาไป ๒๕ ปี กระทั่งจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ปฏิวัติยึดอำนาจในปี ๒๕๐๐ พร้อมกับรื้อถอนหมุดคณะราษฎรออกไป ประเทศไทยจึงสงบราบคาบและเริ่มต้นพัฒนาด้วยคำขวัญว่า “น้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก” แผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมฉบับแรกเริ่มต้นในยุคนี้
จอมพลสฤษดิ์เสียชีวิตปลายปี ๒๕๐๖ จอมพลถนอม กิตติขจร เป็นนายกฯคนต่อมา และไม่ทราบเหตุใดหมุดคณะราษฎรถูกนำกลับไปฝังไว้ที่เดิมอีก ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ความสับสนวุ่นวายก็หวนคืนมา นักการเมืองแก่งแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีจนต้องปฏิวัติตัวเอง อุดมการณ์สังคมนิยมเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้น พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยประกาศวันเสียงปืนแตก ๗ ส.ค. ๒๕๐๘ ประเทศชาติไร้เสถียรภาพทั้งการเมืองและความมั่นคง แล้วก็จบลงที่วันมหาวิปโยค ๑๔ ต.ค. ๒๕๑๖
หลังเหตุการณ์ ๑๔ ต.ค. ๒๕๑๖ ระบอบการปกครองสลับกันไปมา ระหว่างรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจกับรัฐบาลจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ครึ่งใบบ้าง เต็มใบบ้าง ท่ามกลางความวุ่นวาย จนถึงวันที่ ๒๒ พ.ค. ๒๕๕๗ หลังจาก คสช.ยึดอำนาจความวุ่นวายความรุนแรงยังมีประปราย แต่หลังจากหมุดอาถรรพ์อันตรธานไปในปี ๒๕๖๐ ประเทศชาติก็สงบเรียบร้อยปราศจากความรุนแรงความวุ่นวาย
ลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของความวุ่นวายตั้งแต่ปี ๒๔๗๕ ที่คณะราษฎรใช้พระที่นั่งอนันตสมาคมคุมขังเจ้านายไว้เป็นตัวประกัน ต่อมาใช้เป็นสภาซึ่งเวลานั้นมี สส.สองประเภทรวมกันเพียง ๑๕๖ คน พ.ศ.๒๕๑๓ สส.เพิ่มขึ้นเป็น ๓๑๒ คน จอมพลถนอมเห็นว่าสภาพระที่นั่งอนันตฯคับแคบเกินไป จึงขอพระราชทานที่ดินหลังพระที่นั่งอนันตฯ สร้างรัฐสภาแห่งใหม่แล้วเสร็จในปี ๒๕๑๗
กิจกรรมทางการเมืองที่เต็มไปด้วยความรุนแรงสับสนวุ่นวาย ทั้งในสภาและสถานที่ใกล้เคียง ซึ่งเป็นเขตพระราชฐานเกิดขึ้นตลอดเวลากว่าสี่สิบปีที่ผ่านมา พ.ศ. ๒๕๓๕ รัฐบาลนายชวน หลีกภัย มีความคิดริเริ่มจะสร้างสภาแห่งใหม่ในสนามม้าตฤณมัยแต่มีอุปสรรคต่างๆนานาจึงสร้างไม่ได้ ในปี ๒๕๕๐ รัฐบาลและสภาได้ข้อสรุปสถานที่สร้างสภาแห่งใหม่ในที่ราชพัสดุ บนถนนเกียกกาย
รัฐสภาแห่งใหม่ชื่อว่า “สัปปายะสภาสถาน” ได้เริ่มวางเสาเข็มเมื่อวันที่ ๒๘ มิ.ย. ๒๕๕๖ โดยมีบริษัทซิโนไทย เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งแต่เดิมต้องแล้วเสร็จภายใน ๙๐๐ วัน หรือในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งตั้งแต่ลงนามในสัญญาก่อสร้างทั้งรัฐบาลและสภาต่างตระหนักว่าเมื่อรัฐสภาใหม่แล้วเสร็จ ต้องส่งคืนพื้นที่สภาถนนอู่ทองในให้สำนักงานทรัพย์สินฯ แต่ปัจจุบันการก่อสร้างสัปปายะสภาสถาน ได้ล่าช้าออกไปเนื่องจากปัญหาการส่งมอบพื้นที่ และการปรับรายละเอียดแบบก่อสร้างในบางส่วนทำให้โครงการได้เลื่อนออกไป โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี ๒๕๖๒
เมื่อต้นปี ๒๕๖๐ บริษัทก่อสร้างแจ้งว่า “สัปปายะสภาสถาน” จะแล้วเสร็จในเดือนก.พ. ๒๕๖๑ แต่พอเวลางวดเข้ามาบริษัทก่อสร้างแจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาว่า “ห้องประชุมสุริยัน กับ ห้องประชุมจันทรา” ที่ใช้ประชุม สส. สว. จะแล้วเสร็จส่งมอบงานได้วันที่ ๓๐ มิ.ย. ๒๕๖๑ แต่วันนี้มีกระแสข่าวหนาหูว่า งานก่อสร้าง “สัปปายะสภาสถาน” อาจไม่แล้วเสร็จและสามารถส่งมอบงานได้ภายในปี๒๕๖๒
วันที่ ๒๖ ธ.ค. ๒๕๖๑ เป็นวันทำความสะอาดใหญ่ ก่อนส่งมอบพื้นที่สภาบนถนนอู่ทองใน คืนให้สำนักงานทรัพย์สินฯ ในวันที่ ๓๑ ธ.ค. ๒๕๖๑ ในขณะที่ทุกฝ่ายโหมกระแสว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นวันที่ ๒๔ ก.พ. ๒๕๖๒ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯกล่าวว่า การประชุมสภาเพื่อเลือกนายกฯ จัดตั้งรัฐบาล จะมีขึ้นในวันที่ ๙ พ.ค. ๒๕๖๒ จึงมีคำถามว่าเลือกตั้งเสร็จแล้วจะประชุมสภากันที่ไหน จะเลือกประธานสภาเลือกนายกรัฐมนตรีกันอย่างไร เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจที่ไม่มีใครพูดถึงประเด็นนี้ ทั้งรัฐบาลและสภาตลอดถึงพรรคการเมืองทุกฝ่าย ไม่มีใครสนใจเร่งรัดให้การสร้างรัฐสภาแห่งใหม่แล้วเสร็จได้ตามสัญญา ทั้งๆที่ล่าช้ามากว่าสามปี ไม่มีใครสอบถามว่าปัญหาอยู่ตรงไหนทุกฝ่ายมีแต่เร่งรัดจัดเลือกตั้งไวๆ
มีรายงานว่า สภากำลังทำเรื่องขอเช่าห้องประชุมขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย(ทีโอที)บนถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อใช้เป็นที่ประชุมชั่วคราว ผู้มีสติสัมปชัญญะต้องตระหนักว่าการประชุมรัฐสภา ต้องมีองค์ประกอบ มีอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องมากมาย อาทิ ระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสารเครื่องขยายเสียงที่ต้องมีไมโครโฟนหลายร้อยตัว ต้องมีเครื่องสอดบัตรลงคะแนน ต้องติดตั้งระบบไอที มีห้องประชุมกรรมาธิการ มีสำนักงานเลขาฯลฯ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่งานง่ายๆซึ่งต้องใช้เวลาและงบประมาณจำนวนมาก
ที่สำคัญตามประเพณีต้องมีพระราชพิธีเปิดประชุมสภา ผู้ที่รับผิดชอบและมีส่วนเกี่ยวข้องจะจัดการอย่างไรให้สมพระเกียรติ นี่คือสิ่งที่ทำนายว่าสมาชิกสภาชุดใหม่ต้องเริ่มต้นด้วยความชุลมุนวุ่นวาย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี