กลางปี 2561 The Economist ออนไลน์ ยกนายทักษิณชินวัตร นักโทษหนีคุกเป็นบุคคลตัวอย่างในธุรกิจ “ซื้อขายสัญชาติและถิ่นที่พักอาศัยโดยการลงทุน” (citizenshipand residence by investment=CRBI) ที่กำลังบูมในประเทศด้อยพัฒนา สำนักงานทนายความ ธนาคาร และตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ วุ่นวายอยู่กับการซื้อขาย “สัญชาติและถิ่นที่พักอาศัยระยะยาว”
สื่อเศรษฐกิจการเมือง รายงานด้วยว่า เพื่อสนองความต้องการหนังสือเดินทางและวีซ่าถิ่นที่พักอาศัยระยะยาว ประเทศเล็กๆ ที่หิวเงินอย่างน้อย 12 ประเทศแข่งกันเสนอเงื่อนไขให้ซื้อ “สัญชาติและถิ่นที่พักอาศัยผ่านการลงทุน” ได้ง่าย โดยเฉพาะรัฐที่อยู่ในหมู่เกาะแคริบเบียน อาทิ วานูอาตู จอร์แดน และประเทศในอียู เช่นออสเตรีย ไซปรัส มอลตา และรายงานว่านายทักษิณ ถูกยกขึ้นมาเป็นกรณีศึกษาเพราะว่าเขามีหนังสือเดินทางถึง 6 เล่ม จาก มอนเตเนโกร นิการากัว กัมพูชา และอื่นๆ แต่ไม่ปรากฏว่านายทักษิณได้ทำธุรกิจอะไรจริงจังในประเทศที่ได้สัญชาติ
สถิติการขึ้นบัญชีขอสัญชาติและถิ่นที่อยู่อาศัย เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ จนนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษพูดว่า “จะทำอย่างไรกับพวกขอสัญชาติไร้ตัวตน”The Economist รายงานด้วยว่า สมาชิกสภาอียูและผู้แทนจากประเทศมั่งคั่งที่พัฒนาแล้ว 34 ประเทศ (OECD) กำลังตรวจสอบโครงการ “ซื้อขายสัญชาติและให้อนุญาตถิ่นที่พักอาศัยผ่านการลงทุนจะตรวจสอบบริษัทที่ปรึกษาและผู้ได้สัญชาติถิ่นที่อยู่อาศัยในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่น่าสังเกตคือ กรรมาธิการอียูกับสมาชิก OECD เริ่มตรวจสอบธุรกรรมการเงินและพฤติกรรมของผู้ได้สัญชาติและถิ่นที่อยู่อาศัยในนครดูไบและหลังจากนายกรัฐมนตรีอังกฤษ พูดว่า “จะทำอย่างไรกับพวกขอสัญชาติไร้ตัวตน”
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่คุยโม้ว่า ได้วีซ่าที่อยู่อาศัย รีบเผ่นจากลอนดอนไปดูไบ ทำตัวโลว์โปรไฟล์ไม่ลั้ลล้าในยุโรป อเมริกา แต่โฉบไปมาในเอเชีย อาเซียน สิงคโปร์ ฮ่องกง จีน เก็บตัวเงียบหลายเพลากระทั่งมีข่าวฮือฮาว่าได้เป็นประธานบริหารท่าเรือใหญ่ในซัวเถา
วันที่ 9 ม.ค. 2562 นสพ.เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์เสนอข่าว ที่มาพิสดารผู้บริหารท่าเรือคนใหม่ในประเทศจีนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ใช้หนังสือเดินทางประเทศกัมพูชาเป็นเอกสารเพียงฉบับเดียวจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท P.T. Corporation Company Co,ที่ไม่มีข้อมูลว่าทำธุรกิจการค้าอะไรแต่ได้เป็นประธานบริหารท่าเรือมูลค่ากว่า 88 ล้านยูเอสดอลลาร์
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ ตรวจสอบเอกสารการจดทะเบียนบริษัท พี.ที. คอร์ปอเรชั่น พบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้หนังสือเดินทางกัมพูชาเป็นเอกสารเพียงฉบับเดียวจัดตั้งบริษัทที่มีอำนาจเต็มเพียงผู้เดียว และใช้ที่อยู่คฤหาสน์หรูของอดีตตุลาการศาลแขวงซัวเถา เป็นที่พักอาศัยของผู้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท พี.ที. คอร์ปอเรชั่น แจ้งทะเบียนสำนักงาน เลขที่ K11 Atelier เขตจิมซาจุ่ย เป็นสำนักงานเดียวกันกับบริษัทพี.ที. คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งจดทะเบียนที่อยู่ในกรุงเทพฯและมีชื่อ พินทองทา คุณากรวงศ์กับแพทองธาร ชินวัตร เป็นหุ้นส่วนใหญ่
เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ ตรวจสอบอาคารเลขที่ K11 Atelier เขตจิมซาจุ่ย ซึ่งเป็นอาคารสำนักงาน 66 ชั้นพบว่าสำนักงานที่ลงทะเบียนว่าเป็นสำนักงานบริษัทพี.ที.คอร์เปอเรชั่น มีป้ายแขวนข้างหน้า ชื่อว่า “บริษัทแปซิฟิกอินเตอร์เนชั่นแนล แคปิตอล” มีผู้อำนวยการชื่อนางChen Huaidan (เฉิน) พนักงานคนหนึ่งกล่าวว่าเราไม่มีข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับบริษัทพี.ที. คอร์ปอเรชั่น และน.ส.ยิ่งลักษณ์ และเมื่อโทรศัพท์สอบถามพนักงานคนอื่นก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ทุกคนปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงความสัมพันธ์กับพี.ที.คอร์เปอเรชั่น
ตรวจสอบจากเว็บไซต์ของบริษัทพบว่านางเฉิน นอกจากเป็นผู้อำนวยการแปซิฟิก อินเตอร์เนชั่นแนลแคปิตอล ยังเป็นกรรมการบริหารบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ชื่อ SingHaiyi Group ที่มีบริษัทสาขาเป็นที่ปรึกษา พี.ที. คอร์ปอเรชั่น ทั้ง 2 บริษัท นางเฉินอดีตเป็นตุลาการศาลแขวงซัวเถาก่อนพ.ศ. 2538 มีรายงานว่านางเฉินกับสามีกอร์ดอน ถังยี่กัง มีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ถึงได้ให้ใช้คฤหาสน์หรูมูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง อ้างอิงในการจดทะเบียนเป็นบ้านพักอาศัยในฮ่องกง
บริษัท SingHaiyi Group ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษางานเลขาฯของพี.ที. คอร์เปอเรชั่น ไม่ยอมให้รายละเอียดว่าบริษัทของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำธุรกิจอะไร บอกได้แต่เพียงว่านางได้เป็นประธาน Guangdong Shantou InternationalContainer Terminal - SICT หลังจากซื้อบริษัทซัวเถาคอนเทนเนอร์ จำกัด ในเมืองซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา
บริษัทซัวเถา คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล ก่อตั้งขึ้นในปี 2536 ด้วยทุนจดทะเบียน 88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันผู้ถือหุ้น และข้อมูลการลงทุนยังคงแสดงให้เห็นว่า(ฮ่องกง) ฮัทชิสันพอร์ตซัวเถา จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คิดเป็น 70% และ 30% หลังเป็นการร่วมทุนระหว่าง ChinaMerchants Port Development จำกัด กับคณะกรรมการสินทรัพย์ซัวเถา น่าสังเกตว่านางเฉิน มีชื่อเป็นหนึ่งในผู้บริหารกรรมการสินทรัพย์ซัวเถาด้วย
เมื่อวันพุธที่ 9 ฮัทชิสันพอร์ตซัวเถา จำกัด แถลงว่าได้ขายหุ้นทั้งหมดในราคาที่ไม่เปิดเผยให้กับนักลงทุนชาวสิงคโปร์ที่ไม่เปิดเผยนาม โฆษกของบริษัทกล่าวว่าไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าตกลงซื้อขายเมื่อใด และมีการถ่ายโอนไปต่อให้ใครในราคาเท่าไหร่ “บริษัทไม่ทราบว่าใครเป็นนักลงทุนซื้อไปหลังหุ้นขายไปแล้ว”
ข่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นประธานท่าเรือซัวเถา จึงอนุมานว่าเป็นธุรกรรมอำพรางเหมือนกับธุรกิจร้อยพันที่นายทักษิณ คุยโม้โพนทะนา ไม่ว่าจะเป็น เหมืองเพชร ในแอฟริกา เหมืองแพลตินัม (ทองคำขาว) น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ในประเทศยูกันดา ว่ามีถึง 31 เหมือง อีก5 ประเทศ มีอย่างละ 1-2 เหมือง รวมมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จ่ายค่าสัมปทานให้รัฐบาลแล้ว ก็ยังมีรายได้เหลืออีกนับหมื่นล้านบาท แต่ไม่เคยมีใครเห็นเหมืองทองเหมืองเพชร เหมืองพลอยเหมือนที่อ้างซื้อเกาะในมอนเตเนโกรแต่พอได้สัญชาติแล้วเกาะอยู่ตรงไหนไม่มีใครรู้ การปล่อยข่าวซื้อกิจการบริหารท่าเรือในซัวเถา จึงอนุมานว่าเป็นการหาทางหนีทีไล่หาที่อยู่ใหม่ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์และเครือญาติที่หนีตามมา หลังยุโรป อเมริกา ตรวจสอบเข้มงวด “ขบวนการซื้อขายสัญชาติและถิ่นที่พักอาศัยโดยใช้การลงทุนปลอม”
ดังนั้นเมื่อนายกรัฐมนตรีอังกฤษ พูดว่ากำลังหาลู่ทางจัดการ “พวกถือสัญญาชาติไร้ตัวตน” ประกอบกับกรรมาธิการอียูกับสมาชิก OECD เริ่มตรวจสอบธุรกรรมการเงินและพฤติกรรมของผู้ได้สัญชาติและถิ่นที่อยู่อาศัย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และดูไบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ซึ่งเป็นกาฝากอยู่กับคนถือสัญชาติไร้ตัวตนทั้งในลอนดอนและดูไบ จึงจำเป็นต้องหาที่ลงทุนเพื่อถิ่นที่อยู่อาศัยใหม่ในฮ่องกงซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน
แต่ธุรกรรมอำพรางครั้งนี้ไม่ง่ายเหมือนซื้อสัญชาติมอนเตเนโกรหรือซื้อที่อยู่ในดูไบ เพราะเพื่อนรักที่เคยร่วมโกงร่วมกินมาทั้งสิงคโปร์ และกัมพูชา พากันปฏิเสธวุ่นวายไม่ได้ร่วมมือ พลเอกเหมา จันดารา อธิบดีกรมทะเบียนราษฎรกัมพูชากล่าวว่า “เราไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือปลอม แต่เราไม่เคยออกหนังสือเดินทางให้แก่คนต่างชาติ..” กม. กัมพูชาออกหนังสือเดินทางให้ต่อเมื่อคนนั้นได้รับสัญชาติกัมพูชาแล้ว ต้องผ่านพระราชกฤษฎีกาที่พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ สีหมุนีทรงลงปรมาภิไธยเท่านั้น “มีใครในโลกนี้ไม่รู้บ้างว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคนไทย และเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เธอจะใช้หนังสือเดินทางของกัมพูชาไปจดทะเบียนบริษัทในฐานะพลเมืองกัมพูชาได้อย่างไร ..”
ศาสตราจารย์จง ชา เอียน ผู้เชี่ยวชาญนโยบายต่างประเทศ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ กล่าวว่า
“ถ้าเป็นเอกสารทางราชการกัมพูชาจริง มีคำถามสำคัญว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้หนังสือเดินทางมาอย่างไร? ถ้าคุณเดินทางโดยใช้หนังสือเดินทางกัมพูชาแบบหลบๆ ซ่อนๆ ก็เข้าใจได้ แต่ถ้าใช้จดทะเบียนบริษัท โจ่งแจ้งมันเป็นประเด็นขัดแย้งกับเพื่อนบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้”
เมื่อสองเพื่อนรักทักษิณพูดอย่างนี้แล้ว จีนฮ่องกง หรือจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มีชื่อได้ว่ามีธรรมาภิบาลเกลียดการคอร์รัปชั่นยังหน้าด้านร่วมมือกับนักโทษหนีคุกก็เกินไป จึงไม่แปลกใจที่ข่าวประธานท่าเรือซัวเถาถูกลบจากทุกเว็บไซต์ในพริบตา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี