ติดตามข่าวคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ เห็นบทบาทท่าทีของนักกฎหมายใหญ่นายพิชิต ชื่นบาน ที่ให้สัมภาษณ์ทำนองว่ายังไม่รู้เลยว่าถูก กกต.ยื่นยุบพรรคเพราะเหตุใด? ขอความเมตตา ขอความเป็นธรรม เหมือนจะโดนประหารชีวิต ฯลฯ
ทำให้หวนให้นึกถึงผลงานแต่หนหลัง
เคยได้ยินกันบ้างไหม เรื่อง “ทนายถุงขนม” จริงๆ มันเป็นอย่างไร?
1. ศาลฎีกาได้มีคำตัดสินชี้ขาด ที่ 4599/2551 ศาลฎีกา เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2551 เรื่องละเมิดอำนาจศาล
กรณีที่มีทีมทนายความของนายทักษิณ ชินวัตร (ขณะนั้นมีคดีที่ดินรัชดาฯ อยู่ในชั้นศาล) นำเอา “ถุงขนม” ที่ใส่เงินสดไว้ 2 ล้านบาท ไปให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกา
ผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ นายพิชิต หรือพิชิฏ ชื่นบาน นางสาวศุภศรี ศรีสวัสดิ์ และนายธนา ตันศิริ ทีมงานกฎหมายต่อสู้คดีของทักษิณ ชินวัตร จำเลยคดีที่ดินรัชดา
ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามจะมาศาลทุกครั้งเมื่อทักษิณและคุณหญิงพจมานมาศาล
2. ศาลฎีกาไต่สวนได้ความว่า
วันเกิดเหตุ
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 เวลาประมาณ 9 นาฬิกา ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม ขึ้นลิฟต์มาที่แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา เพราะเป็นวันที่ทักษิณจะมารายงานตัวคดีที่ดินรัชดา
ขณะที่ หม่อมหลวงฐิติพงศ์ ชมพูนท นิติกร 5 แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา กำลังทำงานอยู่ที่ห้องทำงานในแผนก นางสาวศุภศรี ศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นเสมียนทนายของนายพิชิต ชื่นบาน ทนายความในคดีที่ดินรัชดา ที่ทักษิณและคุณหญิงพจมานเป็นจำเลย (ขณะนั้นอยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาฯ)นางสาวศุภศรีได้นำคำร้องขอรายงานตัวของทักษิณและคุณหญิงพจมานมายื่นต่อศาล
หลังจากหม่อมหลวงฐิติพงศ์ พูดคุยกับนางสาวศุภศรี เกี่ยวกับวันนัดในคดีดังกล่าวแล้ว นางสาวศุภศรีบอกหม่อมหลวงฐิติพงศ์ว่า นายธนาอยากจะขอปรึกษาเรื่องคดีด้วย
ขณะที่นายธนาเดินเข้าไปในห้องดังกล่าว หม่อมหลวงฐิติพงศ์เดินตามเข้าไปนั่งที่โต๊ะตรงข้ามกัน
โดยในห้องมีเพียงนายธนา และหม่อมหลวงฐิติพงศ์เท่านั้น
นายธนาพูดขึ้นว่า ระยะนี้ต้องมาติดต่อบ่อย เห็นใจเจ้าหน้าที่ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อย ก็เลยมีของมาฝากให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน แล้วนายธนาเดินไปหยิบถุงกระดาษสีขาว ซึ่งวางอยู่ตรงตู้ข้างโต๊ะในห้อง
ถุงดังกล่าวมีสกอตเทปปิดปากถุงตามยาวเกือบตลอดปากถุง
หม่อมหลวงฐิติพงศ์จึงหยิบถุงดังกล่าวเดินออกไปจากห้อง เพื่อไปถามนายรักเกียรติ วัฒนพงษ์ เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ว่าจะรับไว้ได้หรือไม่ โดยหม่อมหลวงฐิติพงศ์ เข้าใจว่าเป็นขนม แต่นายรักเกียรติไม่อยู่ หม่อมหลวงฐิติพงศ์ จึงมอบถุงดังกล่าวให้นางขวัญชีวา แจ่มจิตรตรง นิติกร 4 ซึ่งยืนอยู่หน้าห้องนายรักเกียรติ ไปถามนายอนันต์ วงษ์ประภารัตน์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งขณะนั้นอยู่ในห้องธุรการของแผนกว่าจะรับไว้ได้หรือไม่
อะไรอยู่ในถุงขนม?
ต่อมา นายอนันต์ วงษ์ประภารัตน์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา บอกให้เปิดดู
หม่อมหลวงฐิติพงศ์ จึงหยิบคัตเตอร์มากรีดสกอตเทปที่ปิดปากถุงออก พบซองสีน้ำตาลปิดอยู่ เมื่อดึงออกเห็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 2 ตั้ง ตั้งละ 10 มัด มัดละ 100 ฉบับ เป็นเงินประมาณ 2,000,000 บาท
หม่อมหลวงฐิติพงศ์ หิ้วถุงไปให้นายอนันต์ นายอนันต์สั่งให้หม่อมหลวงฐิติพงศ์ไปเรียกนายธนามารับคืนไป โดยได้มีการถ่ายภาพถุงและธนบัตรทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
อ้างว่าหยิบถุงผิด
ต่อมา นายธนามารับถุงเงินคืนไปจากนายอำนาจ วงศ์สวรรค์ นิติกรประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา
ก่อนคืนถุงเงิน นายอำนาจถามนายธนาว่า ทราบหรือไม่ว่าในถุงเป็นอะไร?
นายธนาตอบว่า ทราบ
นายอำนาจบอกว่า เรารับไม่ได้ พร้อมกับส่งถุงเงินคืนไป
นายธนารับถุงเงินแล้วก็เดินจากไป
หลังจากนั้น เวลาประมาณ 12 นาฬิกา นายพิชิต ชื่นบาน โทรศัพท์มาพูดกับหม่อมหลวงฐิติพงศ์ ในทำนองว่า ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นและกล่าวคำขอโทษต่อหม่อมหลวงฐิติพงศ์ พร้อมกับถามว่าจะทำอย่างไรต่อไป
หม่อมหลวงฐิติพงศ์ ตอบกลับไปว่า ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่า หยิบถุงผิดไปให้เจ้าหน้าที่ศาล จริงๆ ต้องการหยิบถุงขนมหรือช็อกโกแลตไปให้
ศาลฎีกาชี้ รู้อยู่แล้วว่าเป็นเงิน
ข้อวินิจฉัยประการแรกว่า นายธนารู้หรือควรรู้หรือไม่ว่าในถุงกระดาษดังกล่าวมีธนบัตรจำนวน 2,000,000 บาท บรรจุอยู่?
ศาลชี้ว่า ตอนที่มอบถุงกระดาษกัน นายธนากับเจ้าหน้าที่ศาลอยู่ด้วยกันเพียง 2 คน การที่นายธนาติดต่อให้ไปพบที่ห้องพักทนายความ แล้วมอบถุงให้เพียงสองต่อสองก็ดี การที่นายธนาพูดเป็นนัยว่า มีของมาฝากเจ้าหน้าที่ทุกคน โดยไม่บอกให้ทราบว่าเป็นขนมหรือช็อกโกแลตก็ดี และการที่นายธนาส่งมอบถุงกระดาษที่ปกปิดมิดชิดจนไม่สามารถทราบว่า สิ่งของข้างในเป็นอะไรก็ดี เป็นเรื่องผิดปกติวิสัย เพราะหากต้องการมอบขนมหรือช็อกโกแลตให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อเป็นการแสดงความมีน้ำใจดังอ้างจริง ก็ย่อมต้องนำถุงขนมหรือช็อกโกแลตที่อ้างไปมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ห้องธุรการทั้งหมดโดยตรงและโดยเปิดเผย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตน
นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงก็ยังปรากฏต่อมาว่า เมื่อนายธนาถูกเรียกให้ไปรับถุงกระดาษคืน เจ้าหน้าที่ศาลได้ถามเสมียนทนายความว่า ใครเป็นคนให้ นางสาวศุภศรีตอบว่า นายธนาเป็นคนนำถุงกระดาษมาให้ เจ้าหน้าที่จึงให้นางสาวศุภศรีไปตามนายธนา หลังจากนั้น 2 ถึง 3 นาที นางสาวศุภศรีก็พานายธนามาที่หน้าเคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่ถามนายธนาว่า ทราบหรือไม่ว่าในถุงเป็นอะไร นายธนาตอบว่าทราบเจ้าหน้าที่จึงตอบไปว่า เรารับไม่ได้ พร้อมกับส่งถุงคืนไป นายธนารับถุงแล้วก็เดินจากไป โดยไม่ได้พูดอะไร
การที่นายธนารับกับเจ้าหน้าที่ว่าทราบว่าของในถุงเป็นอะไร พร้อมกับรับถุงไปโดยไม่อิดเอื้อน ไม่เปิดถุงออกดู และไม่อธิบายว่าข้างในถุงเป็นอะไร ย่อมเป็นพิรุธ แสดงให้เห็นว่านายธนาย่อมต้องทราบอยู่แล้วว่า ของในถุงเป็นเงิน หากมีการหยิบถุงผิด เมื่อเจ้าหน้าที่คืนถุงให้ น่าจะต้องกล่าวคำขอโทษในทันที และน่าจะต้องเอาถุงกระดาษที่บรรจุช็อกโกแลตกลับขึ้นมาให้เจ้าหน้าที่ศาลเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตน
หากนายธนามีถุงกระดาษที่มีลักษณะเหมือนกัน 2 ถุง โดยถุงหนึ่งบรรจุเงินประมาณ 2,000,000 บาท และอีกถุงหนึ่งบรรจุช็อกโกแลตจริง นายธนายิ่งต้องใช้ความระมัดระวังตรวจดูเป็นพิเศษว่าปกติธรรมดา ก่อนส่งมอบถุงให้แก่เจ้าหน้าที่ศาล แต่ก็หาได้กระทำไม่
ข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่า นายธนารู้อยู่แล้วว่าถุงกระดาษที่มอบให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา มีธนบัตรจำนวนประมาณ 2,000,000 บาท บรรจุอยู่
ทนายถุงขนม ละเมิดอำนาจศาล
ศาลฎีกาวินิจฉัยด้วยว่า นายพิชิตและเสมียนทนาย ร่วมรู้เห็นหรือให้ความร่วมมือในการกระทำความผิดของนายธนา หรือไม่?
ได้ความว่า นายพิชิตเป็นทนายความให้แก่ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ในคดีที่ดินรัชดา โดยมีนางสาวศุภศรี เป็นเสมียนทนายและเป็นเลขานุการส่วนตัวของนายพิชิต และนายธนาเป็นผู้ติดตามทักษิณ เป็นผู้ประสานงานระหว่างทักษิณและคุณหญิงพจมานกับฝ่ายทนายความ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามจะมาศาลกับทักษิณและคุณหญิงพจมานทุกครั้ง
ข้อเท็จจริงได้จากพยานฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามเอง ก็ปรากฏว่าทั้งสามมีการพูดคุยและประสานงานกันตลอดเวลาขณะอยู่ที่ศาลฎีกา การกระทำของนายธนาเกี่ยวกับคดีจึงอยู่ในความรู้เห็นของนายพิชิตและนางสาวศุภศรีด้วย ถือได้ว่าเป็นคณะทำงานเดียวกัน
นอกจากนี้ นายพิชิตและเสมียนทนายความ ต่างก็เห็นเจ้าหน้าที่ศาลเดินถือถุงกระดาษออกมาจากห้อง วิสัยของคนที่ทำงานร่วมกันใกล้ชิด ย่อมต้องถามไถ่หรือบอกกล่าวให้รู้กันว่า จะนำช็อกโกแลตมาให้เจ้าหน้าที่ศาลโดยไม่จำต้องปิดบัง นายพิชิตเป็นหัวหน้าคณะทนายความของทักษิณและคุณหญิงพจมาน การกระทำของนายธนาเป็นเรื่องร้ายแรง แทนที่นายพิชิตจะซักไซ้ไล่เลียงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนแล้วดำเนินการแก้ไขนำสิ่งของที่ถูกต้องมามอบให้หรือนำถุงทั้งสองใบไปแสดงในทันที หรือตำหนินายธนาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แต่นายพิชิตก็หาได้กระทำไม่
นายพิชิตกลับโทรศัพท์ไปขอโทษและปรับความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ศาล ตามที่นายธนาร้องขอ
พฤติการณ์ของนายพิชิตแสดงให้เห็นชัดแจ้งว่า นายพิชิตมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดของนายธนา ในลักษณะเป็นตัวการร่วมกัน
ศาลฎีกาชี้ว่า พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม เป็นการร่วมกันและแบ่งหน้าที่กันทำ ฟังได้ว่าเป็นตัวการร่วมกัน มีเจตนาที่จูงใจให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปเป็นประโยชน์แก่จำเลยในคดีที่ดินรัชดา การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยมาบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1),33 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และน่าจะมีมูลความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 144 หรือความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงาน การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม เป็นการกระทำที่อุกอาจ ท้าทายและเกิดขึ้นที่ศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลยุติธรรมชั้นสูงสุดของประเทศ
ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม ประกอบอาชีพทนายความ และที่ปรึกษากฎหมาย ย่อมตระหนักดีว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันศาลยุติธรรม และจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือและความศรัทธาในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในอำนาจตุลาการ จึงเห็นสมควรลงโทษในสถานหนัก เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป ให้จำคุกผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม คนละ 6 เดือน
ส่วนความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 หรือความผิดอื่นต่อเจ้าหน้าที่พนักงานนั้น ให้ผู้กล่าวหาไปดำเนินการตามกฎหมายแก่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวของ “ทนายถุงขนมในตำนาน”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี