การพิจารณาปมยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ศาลรัฐธรรมนูญคงจะมีการชี้ขาดออกมาโดยไม่ชักช้า
หนึ่ง เพราะการชักช้า ไม่เป็นผลดีต่อใครเลย ไม่ว่าผลจะออกมายุบหรือไม่ยุบ
สอง เพราะประเด็นพิจารณาตามข้อกฎหมายเฉพาะ และข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง อาจพิจารณาได้เหมือนกันว่าแทบไม่ต้องไต่สวนอะไรเพิ่มเติมแล้ว
สาม หากเป็นประเด็นว่า บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคอย่างทักษิณ บงการอยู่เบื้องหลังหรือไม่? อาจจะต้องไต่สวนเพิ่มเติมพอสมควร แต่กรณีนี้เป็นเรื่องการเสนอพระนาม ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติว่ามีการเสนอจริง กระทั่งมีพระราชโองการชี้ชัดออกมาจริง และสุดท้าย กกต.ก็ไม่รับรองการเสนอชื่อนั้น คงเหลือแต่นำข้อเท็จจริงไปพิจารณาประกอบตัวบทกฎหมายว่าเข้าเงื่อนไขยุบพรรคหรือไม่?
ข้อที่น่าสนใจ หลังจากนี้ มีอะไรบ้าง?
1. ข้อกฎหมายบัญญัติชัดเจน “กระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
หากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้ว “มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองกระทําการตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง”
2. นี่ยังมิใช่การดำเนินคดีอาญา ที่จะต้องไปพิสูจน์กันจนสิ้นสงสัย
แต่เป็นการดำเนินคดีตามรัฐธรรมนูญ ในส่วนเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ทางการเมือง
เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนกีฬาฟุตบอล
สมมุติ นักฟุตบอลเข้าเสียบข้างหลังรุนแรง หรือจงใจใช้มือสัมผัสโดนลูกบอลเพื่อหวังจะเอาเปรียบคู่แข่ง กรรมการให้ใบแดง ไล่ออก ก็ต้องออกทันที และมีโทษแบนกี่นัด ก็ว่ากันไป
นั่นไม่เกี่ยวกับการดำเนินคดีทางอาญากับผู้กระทำผิด หากความผิดนั้นมีโทษทางอาญา ก็จะต้องไปสอบสวน ดำเนินคดี ตามขั้นตอนวิธีการทางอาญาแยกต่อไปอีกต่างหาก เช่น อาจถูกผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีว่าทำให้ได้รับบาดเจ็บ ทำร้ายร่างกาย เจตนาฆ่า ผิดกฎหมายอาญา ก็จะต้องไปพิสูจน์กันจนสิ้นสงสัย ว่าใครกระทำ ใครลงมืออย่างไร มีเจตนาอย่างไร โน่น ต้องเป็นในคดีอาญาโน่น
ซึ่งไม่ว่าทางอาญา ศาลอาญาจะตัดสินว่าผิดหรือไม่ผิด ก็ไม่อาจมีผลเปลี่ยนแปลงคำตัดสินลงโทษที่ออกไปก่อนหน้านี้
3. กรณียุบพรรคไทยรักไทย ตอนนั้น ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดชัดเจน พฤติการณ์จ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้งเพื่อหลีกหนีเกณฑ์ 20% ที่กำหนดไว้ว่า หากลงพรรคการเมืองใดลงสมัครรับเลือกตั้งพรรคเดียว จะต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 20% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้นๆ
ในภายหลัง ก็มีการดำเนินคดีในทางอาญากับผู้เกี่ยวข้อง ศาลฎีกาพิพากษาให้ผู้บริหารพรรคเล็กมีโทษจำคุกด้วย ในกรณีไปจ้างเจ้าหน้าที่ กกต.ตัดต่อทะเบียนสมาชิกพรรคที่ถูกจ้างเพื่อลงเลือกตั้ง แต่ปรากฏว่าอดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยรอดคุก โดยศาลชั้นต้นพิพากษาว่าผิด จำคุก 3 ปี 4 เดือน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้อง และต่อมาอัยการยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่อุทธรณ์เฉพาะในส่วนของรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทั้งๆ ที่ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าผิด) คดีในส่วนของรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทยรายนี้จึงจบที่ชั้นอุทธรณ์
4. เพราะฉะนั้น ประเด็นว่า ใครสั่งให้เสนอพระนาม? ใครบงการ? ใครจะต้องรับผิดทางอาญา?
ทั้งหมด น่าจะยังไม่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด?
รอไปสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานให้สิ้นสงสัยเอาโน่น รวมถึงพิสูจน์เจตนา เอาตอนที่ดำเนินคดีอาญากับ “ผู้กระทำ” โน่น
ในการพิจารณาคดียุบพรรคของศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะเอาแค่ว่า มีการเสนอพระนาม จริงหรือไม่?
เข้าข่ายเป็นการนำบุคคลในราชวงศ์ระดับสูง ที่ไม่อาจเข้ามามีตำแหน่งทางการเมือง ต้องอยู่เหนือการเมือง นำเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรง เพื่อหวังผลการเมืองการเลือกตั้ง โดยมิบังควร ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง หรือไม่?
และเมื่อพิจารณาพระราชโองการฯ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ประกอบด้วยแล้ว เห็นว่าเข้าข่าย มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือยัง?
5. หากมีคำวินิจฉัยก่อนวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม ก็จะเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย
จะไม่ต้องไปเสี่ยงเสียเวลาตีความคะแนนเลือกตั้ง-สส.บัญชีรายชื่อ ฯลฯ วุ่นวายภายหลัง
5.1 หากไม่ยุบ ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ชอบแนวทางพรรค ทษช. ก็จะได้ลงคะแนนให้อย่างสบายใจ
หรืออีกด้าน อย่างที่นักวิชาการแดงหลายคนพูด ว่าการที่พรรคทำเช่นนี้ คือการมองไม่เห็นหัวมวลชนของตนเอง ก็อาจจะเปลี่ยนใจไปลงคะแนนให้พรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งมีอีกหลายสิบพรรคการเมือง
5.2 หากยุบพรรค ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ชอบแนวทางพรรค ทษช. ก็จะได้หาตัวเลือกพรรคการเมืองอื่นที่ใกล้เคียง หรืออยู่ในเครือข่ายเดียวกัน เช่น พรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อชาติ ฯลฯ หรือไม่?
เพราะถ้ายุบก่อนวันเลือกตั้ง นอกจากกรรมการบริหารพรรคที่จะต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งแล้ว บรรดาผู้สมัคร สส.ก็ไม่มีพรรคสังกัดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ปิดฉากไปสำหรับการเลือกตั้งหนนี้ด้วย
ทั้งผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์ 108 คน) และผู้สมัคร สส.เขต ประมาณ 170 คน
คนดังๆ เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นายเชิดชัย ตันติศิรินทร์ นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายพายัพ ปั้นเกตุ นพ.เหวง โตจิราการ นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท เป็นต้น
ส่วนผู้สมัคร สส.เขต สำนักข่าวอิศรารวบรวมไว้ว่า กทม. 8 เขต
ภาคกลาง และภาคตะวันออก 16 จังหวัด ได้แก่ 1.กาญจนบุรี น.ส.วรสุดา สุขารมณ์ นางมนรัตน์ สารภาพ นายชูเกียรติ อาจปักษา นายสันติชัย จีระพัฒน์ นายพนม โพธิ์แก้ว 2.จันทบุรี นายจิรชัย เขาหนองบัว นายมานะ ชนะสิทธิ์ นายเกรียงเดช เข็มทอง 3.ฉะเชิงเทรา นางฐิติมา ฉายแสง นายเปี่ยมโกมล โสภณคุณพินิจ นายอดุลย์ แสงจันทร์ นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง 4.ชลบุรี ร.ต.ท.ธงชัย นกหงส์ น.ส.นิศามาศ เลาหวัฒนาหิรัญ นายษรกฤต ผลลูกอินทร์ นางนิชนันท์ วังคะฮาต 5.ชัยนาท นายสมชาย สิทธิบรวงษ์ นายชัยวัฒน์ ทรัพย์รวงทอง 6.ตราด นายทินวัฒน์ เจียมอุย 7.นครปฐม นางธนัญญา พันธุ์การรุ่ง นายธนภัทร สีดา นายวินัย วิจิตรโสภณ นายธนัชภันธ์ ร่มธิติรัตน์ นายมนตรี บุญประคอง 8.ปราจีนบุรี นายสรวีย์ ศุภปณิตา 9.ประจวบคีรีขันธ์ นายอภิวัฒน์ กำบัง 10.เพชรบุรี นายสังเวียน โตสุวรรณ์ นายภาณุมาศ อังกินันทน์ 11.ระยอง นายภีมเดช อมรสุคนธ์ นายบัญญัติ เศียรเขียว นายมานพ เสถียรเขตต์ 12.ราชบุรี นายประวิทย์ ลิ้มเจริญ น.ส.เมธาวี หงส์มนัส นายณัฏฐพัชร์ จันทร์แม้น นายสุรพงษ์ เอี่ยมเอม นายธวัชชัย จตุรนต์รัศมี 13.สมุทรสงคราม นายธนวุฒิ โมทย์วารีศรี 14.สมุทรสาคร นางอัจฉรา สรวารี นายพลภวัฒน์ ชำนาญวาด 15.สุพรรณบุรี นายชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ พล.ต.เทียมศักดิ์ สุขานุยุทธ นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ นายไพโรจน์ ลีรัตนนุรัตน์ 16.อุทัยธานี นายเดชา คงคา นายสุภาพ โต๋วสัจจา
ภาคเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ 1.กำแพงเพชร นายธานันท์ หล่าวเจริญ 2.ตาก นายชัยยุทธ แสงนุข นายวราทิต ไชยนันทน์ นางศิริกุล อนุตรพงศ์ 3.พิจิตร นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ นายปุณยวัตร์ เหลืองวิจิตร นางมิ่งขวัญ พุกเปี่ยม 4.พิษณุโลก นายบวรเดช หล้าแหล่ง นายหัสนัยน์ สอนสิทธิ์ 5.เพชรบูรณ์ น.ส.ตรีชฎา ศรีชาดา พ.ต.อ.ศุภณัฏฐ์ นามนร นายกฤษฎา บัวสุวรรณ 6.แพร่ นายทศพร เสรีรักษ์ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล
ภาคใต้ 14 จังหวัด ได้แก่ 1.กระบี่ นายสมพร จันทร์อ่อน 2.นายสุริยา บุญทอง 2.ชุมพร นายทนายเสือธนพล สุขปาน นายอำนาจ อินทนา นายอนุวัฒน์ ฮวดศิริ 3.ตรัง นายรัตน์ ภู่กลาง นายคมสรร ต้องหุ้ย นายนิรุตติ์ รอดริน 4.นครศรีธรรมราช นายพิเชฐ กวีวงศ์ นายรวีภัทร์ จิรศักดิ์วัฒนา นายณัฐกิตติ์ หนูรอด พ.ต.อ.มนัส อินทรสุวรรณ นายกชพร ราชรักษ์ จ.ส.อ.ประกอบ แต้มสีทอง นายปราโมทย์ มะหมัด นายวิภาค ศรีจันทร์ 5.นราธิวาส นายสหรัฐ มณีรัตน์ นายสมพร จันทร์ชู 6.ปัตตานี นายเจ๊ะมะรูดิง เจ๊ะโช๊ะ ด.ต.อับดุลเลาะ สะนิดอเลาะ นายมูฮัมมัด นัสรีเงาะ 7.พังงา นายเจษฎา โกลิบุตร 8.พัทลุง นายไพรัช ขวัญศรี นายอธิคม ขุนแก้ว พ.ต.อ.ชมพล ขุนอักษร 9.ภูเก็ต นายชลสิทธิ์ แก้วยะรัตน์ นายหัสรณ อาวัชนการกุล 10.ยะลา นายยูซุฟ อับดุรรอฮีม นายกอเซ็ง จิงดารา นายแวหะมะ แวและ 11.ระนอง พล.ต.รังสรรค์ ศิริรังษี 12.สงขลา นายสำราญ บุญเส้ง ว่าที่ ร.ต.เสรีย์ นวลเพ็ง นายเกียรติศักดิ์ สุวรรณบุปผา ด.ต.สมศักดิ์ แสงประดับ นายสวัสดิ์ หลงอะหลี นายอรรถชาญ เชาวน์วานิชย์ นายมูฮำมัด กาเดร์ นายสุรศักดิ์ มณี 13.สตูล นายอสิ มะหะมัดยังกี นายไพศาล หลีเส็น 14.สุราษฎร์ธานี นางขนิษฐา รัฐกาญจน์ นายสง่า พงศ์ฉบับนภา นายพิภพ เกษมณี นายประกิจ เพชรรัตน์ นายฉลอง วิเชียรแก้ว นายบุญยงค์ จรัสจรูญฤทธิ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 จังหวัด ได้แก่ 1.บุรีรัมย์ พ.ต.ท.กิตติฤทธิ์ พูนสวัสดิ์ ว่าที่ ร.ต.เสนาะ พรหมสวัสดิ์ นายศิโรตม์ บุญข่าย นายวิธันพัศ เฮงวาณิชย์ถิรธนา 2.มหาสารคาม นายสรรพภัญญู ศิริไปล์ 3.อำนาจเจริญ นายธนพล บุญมาลี
ถ้าแจ๊กพอตแตก... เขตไหน ทษช.ส่งผู้สมัคร แล้วเพื่อไทยไม่ส่ง ทั้ง 2 พรรค ก็จะไม่ได้คะแนนเสียงเลย
โดยหวยอาจไปออกที่เพื่อชาติ หรืออนาคตใหม่
หรือบางส่วนก็อาจยุติการสนับสนุนพรรคกลุ่มนี้
หรือบางส่วนอาจกาช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนนให้ใคร เป็นต้น
ถามว่า จะกระทบกับการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งหรือไม่?
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค ทษช. ยอมรับกับบีบีซีไทยว่า “ถ้า ทษช.ล้มเหลว ผมคิดว่ายากมากที่พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยจะถึงขั้นได้ตั้งรัฐบาล”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี