หลายคนสงสัยว่าทำไมผู้เขียนมีข้อมูลเน่าๆ ของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสมานำเสนอเป็นประจำ บางคนอาจจะถามว่าผู้เขียนโกรธแค้นอะไรเป็นการส่วนตัวกับไทยพีบีเอสหรือเปล่า
คำตอบข้อแรกคือ เพราะผู้เขียนสามารถหาข้อมูลที่เป็นความจริง ซึ่งเป็นเรื่องเน่าๆ ของไทยพีบีเอสมานำเสนอได้ แม้ผู้บริหารไทยพีบีเอสจะพยายามปกปิดข้อมูล แต่ถึงกระนั้น ผู้เขียนก็ยังคงสามารถค้นหาข้อมูลมานำเสนอได้ แต่ที่น่าประหลาดคือ แทนที่ผู้บริหารไทยพีบีเอสจะแก้ไขปัญหาอันเน่าเฟะภายในองค์กรอันเกิดมาจากคนระดับบริหาร แต่กลับกลายเป็นว่าผู้บริหารไทยพีบีเอสพยายามตามหาว่าใครให้ข้อมูลกับผู้เขียน ซึ่งขอบอกตรงๆ ว่าน่าสมเพชมาก
ส่วนคำตอบข้อสองคือ ผู้เขียนไม่ได้มีอะไรโกรธแค้นเป็นการส่วนตัวกับไทยพีบีเอส แต่เหตุที่ต้องนำเสนอเรื่องไม่สะอาดของไทยพีบีเอสครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เพราะผู้เขียนเห็นว่าการใช้เงินงบประมาณที่ได้จากภาษีบาปปีละ 2 พันล้านบาทเป็นอย่างน้อยในไทยพีบีเอส เป็นการใช้เงินที่ไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อสาธารณชนโดยแท้จริง ดังนั้นจึงสมควรจะนำเงินปีละ 2 พันล้านบาท เป็นอย่างน้อยนี้ไปใช้เพื่อกิจการอื่นอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ที่แท้จริงต่อสังคม ดีกว่าปล่อยให้คนบางกลุ่มละเลงงบปีละ 2 พันล้านบาท ไปโดยที่สังคมไม่ได้ประโยชน์สูงสุด
ข้อมูลที่ผู้เขียนนำมาเสนอในสัปดาห์นี้เป็นเรื่องที่คนในวงการสื่อสารมวลชนของบ้านเราตั้งคำถามกับไทยพีบีเอสกันอย่างครึกโครมว่า เหตุใดไทยพีบีเอสจึงยังคงมีการจ่ายโบนัสให้กับพนักงานบางคน ทั้งๆ ที่ผลงานโดยรวมของไทยพีบีเอสไม่ได้เป็นที่นิยมชมชอบของสังคมส่วนใหญ่ ดังจะพิสูจน์เรื่องความนิยมของไทยพีบีเอสได้จากการวัดคะแนนนิยมของผู้ชม หรือที่หลายคนเรียกว่าการวัด rating ของผู้ชม
อ้างอิงผลการวัด rating ของผู้ชมจาก https://www.tvdigitalwatch.com วันที่ 1 เมษายน 2019 ซึ่งเป็นการวัดrating ประจำสัปดาห์ 25-31มีนาคม 2562 พบว่า อันดับหนึ่งคือสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 คะแนน 1.855 อันดับสอง คือ สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 คะแนน 1.272 อันดับสาม คือ สถานีโทรทัศน์ MONO 29 คะแนน 0.701 ส่วนสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อยู่อันดับ 17 คะแนน 0.102
คำถามคือ ทำไมไทยพีบีเอสซึ่งได้เงินงบประมาณในการทำงานมากถึงปีละ 2 พันล้านบาท แต่กลับมี rating ที่ย่ำแย่ถึงเพียงนี้ ในขณะที่สถานีโทรทัศน์ช่องอื่นๆ ซึ่งได้ rating ดีกว่า
ไทยพีบีเอสอย่างมากมายกลับใช้เงินในการทำงานเพียงปีละไม่กี่ร้อยล้านบาท ซึ่งหากมองในประเด็นนี้ก็นับได้ว่าไทยพีบีเอสใช้เงินจำนวนมาก แต่กลับไม่มีผลสัมฤทธิ์ในการทำงาน ซึ่งอย่างน้อยที่สุดก็วัดได้จากคะแนนนิยมจากผู้ชม
แต่ที่น่าประหลาดมากกว่านั้นคือ ผู้ทำงานในแวดวงสื่อสารมวลชนส่วนใหญ่ตั้งคำถามว่า เหตุใดไทยพีบีเอสจึงยังคงมีการจ่ายเงินโบนัส ซึ่งไทยพีบีเอสเลี่ยงไปใช้คำว่า เงินรางวัลประจำปีให้กับพนักงานบางกลุ่มของไทยพีบีเอส ซึ่งเรื่องนี้คนทำงานในวงการสื่อสารมวลชนซึ่งทำงานหนักและได้ผลงานดีกว่าไทยพีบีเอสต่างตั้งข้อสงสัยกันมาก คนทำงานสื่อฯ ที่มีผลงานดีมากๆ บอกตรงกันว่า ในองค์กรของเขานั้น แม้ทุกคนจะสร้างผลงานได้ดีมากจนประชาชนให้การยอมรับ แต่สุดท้ายแล้วองค์กรของเขาก็แทบจะหาเงินโฆษณาไม่ได้ ทำให้ต้องมีการปลดพนักงานออกเป็นระลอกๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับไทยพีบีเอสที่ได้เงินมาแสนสบายปีละ 2 พันล้านบาท แถมพนักงานบางกลุ่มยังได้โบนัสอีก
ผู้เขียนได้ข้อมูลเบื้องต้นจากไทยพีบีเอสว่า ผู้ที่ได้รับการประเมินผลงานโดยได้คะแนน A + จะได้เงินโบนัส 25,000 บาท ได้คะแนน A ได้เงินโบนัส 20,000 บาท หากได้คะแนน B ได้เงินโบนัส 10,000 บาท ส่วนผู้ที่ได้ผลการประเมิน C ไม่ได้รับเงินโบนัส
ประเด็นสำคัญที่ผู้นำเสนอในวันนี้คือ น่าอัศจรรย์ใจมากกับการจ่ายโบนัสในไทยพีบีเอส เพราะในขณะผู้ทำงานด้านสื่อสารมวลชน โดยเฉพาะโทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ รวมถึงวิทยุ กำลังต้องดิ้นรนหาเงินเพื่อใช้ในการทำธุรกิจ หลายสื่อฯ ต้องปิดตัวเองลงไป ทั้งๆ ที่มีผลงานดีมากดีจนสังคมเสียดาย แต่สำหรับไทยพีบีเอส ซึ่งได้ rating น้อยกว่าสถานีโทรทัศน์อื่นๆ ที่ได้รับเงินสนับสนุนจำนวนน้อยกว่า กลับยังคงมีเงินใช้อย่างอุดมสมบูรณ์ แถมยังมีเงินโบนัสแจกจ่ายให้คนบางกลุ่มอีกด้วย
คนทำงานข่าวในสถานีโทรทัศน์อื่นๆ รวมถึงในหนังสือพิมพ์ และวิทยุ ฝากถามรัฐบาลว่า หากทุ่มเงินปีละ2 พันล้านบาท ให้ไทยพีบีเอสและได้ผลลัพธ์เพียงเท่านี้ ทำไมไม่เปลี่ยนไปใช้การกระจายเงิน 2 พันล้านบาท ให้กับสื่อฯ อื่นๆ โดยเฉพาะสื่อฯ ที่มีผลงานดีกว่าไทยพีบีเอส มีข้อเสนอว่า ถ้าจำเป็นต้องทุ่มเงิน 2 พันล้านบาท ต่อไปเรื่อยๆ น่าจะกระจายเงินให้สื่ออื่นๆ สื่อฯละ 10 ล้าน ซึ่งรับรองว่าจะให้ผลลัพธ์ของการทำงานข่าวดีกว่าปล่อยให้ไทยพีบีเอสทำเช่นทุกวันนี้ ข้อเสนอแนะนี้น่ารับฟังมาก ไม่ทราบว่ารัฐบาลจะนำไปปฏิบัติหรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี