เมื่อวานนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 3/2562 เรื่อง การดําเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อแก้ปัญหาการจัดการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-แบริ่ง ช่วงบางหว้า-สนามกีฬาแห่งชาติ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่ยังมีปัญหา โดยเฉพาะการบริหารจัดการสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการเดินรถไฟฟ้า
คำสั่งระบุชัดเจนว่า เพื่อให้การเดินรถเป็นไปอย่างต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน (Through Operation) อำนวยความสะดวกสบายในการเดินทางของประชาชน และมีการกำหนดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม เป็นธรรม และไม่เป็นภาระแก่ประชาชน
1. ก่อนจะมีการใช้มาตรา 44 ผ่าทางตัน รถไฟฟ้าสายสีเขียว สภาพปัญหาเดิมเป็นอย่างไร?
โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นปัญหาทับซ้อนกันระหว่างการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. กับกรุงเทพมหานคร หรือ กทม.
รฟม.ได้ลงทุนก่อสร้างงานโยธา ช่วงล่าสุดที่เพิ่งสร้างไป คือ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 13 กิโลเมตร และช่วงหมอชิต-คูคต ระยะทาง 19 กิโลเมตร ทั้งสองช่วงใช้เงินลงทุนในงานโยธาไปกว่า 6 หมื่นล้านบาท
เส้นทางทั้ง 2 ช่วง เป็นส่วนต่อขยายเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอสของ กทม.
เดิม มติ ครม.ปี 2551 ให้ กทม.เป็นผู้ลงทุน และบริหาร
แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย กลับมีมติเดิม โยนสองโครงการนี้ไปให้ รฟม.ดูแล
แล้วจะทำให้มันเดินรถแบบไร้รอยต่อได้อย่างไร?
ถ้าจะให้ผู้โดยสารนั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส จากคูคตมาถึงหมอชิต เป็นขบวนรถของบริษัทหนึ่ง แล้วก็ลงรถ เปลี่ยนขบวนไปขึ้นของบีทีเอส นั่งต่อไปถึงแบริ่ง แล้วก็ต้องลงรถเปลี่ยนขบวน ไปขึ้นของอีกบริษัทหนึ่ง ทั้งๆ ที่ ระบบรางทั้งหมดรางมันเชื่อมต่อกัน มันก็คงจะอิหลักอิเหลื่อ
ปัญหา คือ ถ้าจะให้ กทม.บริหารทั้งหมด ก็ติดเงื่อนไขว่า กทม.จะต้องจ่ายเงินค่าก่อสร้างระบบงานโยธา รวมสองสาย 60,000 ล้านบาทนั้น คืนให้ รฟม.ก่อน รฟม.จึงจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ แต่กทม.ก็ไม่มีเงินจะไปจ่ายให้ทันที
ระหว่างนี้ รฟม.ก็ต้องเตรียมจัดการลงทุนวางระบบอาณัติสัญญาณ และงานเดินรถ
ถ้ายังคาราคาซังกันอย่างนี้ ก็จะกลายเป็นว่า สร้างเสร็จแล้ว แต่คนไม่ได้ใช้
2. มาตรา 44 ที่ออกมาล่าสุด ให้ทำอะไร?
พูดง่ายๆ คือ จะนำไปสู่การรวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีหลายขยักนั้น ให้เป็นโครงการเดียว ไร้รอยต่อ
ให้กรุงเทพมหานคร ดำเนินการจ้างผู้ประกอบการเอกชน เพื่อติดตั้งระบบรถไฟฟ้า จัดการเดินรถไฟฟ้า และบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว โครงการส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อแก้ปัญหาการจราจรและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยให้คำนึงถึงการให้ประชาชนได้ใช้บริการรถไฟฟ้าโดยเร็ว สะดวก และประหยัดค่าโดยสาร รวมทั้งเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการเดินรถเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้ากับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวและโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีสะพานตากสิน- สถานีบางหว้า และช่วงสถานีอ่อนนุช – สถานีแบริ่ง
โดยให้การจ้างดังกล่าว ไม่ถือว่าเป็นการร่วมลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
นอกจากนี้ เพื่อให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงหมอชิต -อ่อนนุช และช่วงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ- สะพานตากสิน) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีสะพานตากสิน - สถานีบางหว้า และช่วงสถานีอ่อนนุช - สถานีแบริ่ง และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงแบริ่ง - สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ – คูคต สามารถเดินรถแบบต่อเนื่องเป็นโครงข่ายเดียวกัน (Through Operation) รวมทั้ง อัตราค่าโดยสารเป็นไปอย่างเหมาะสม ก็ตั้งคณะกรรมการที่มี ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน มีหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์จากค่าโดยสาร รวมถึงหลักเกณฑ์อื่นเพื่อประโยชน์ในการรวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งหมดข้างต้น และดำเนินการเจรจาร่วมกับผู้รับสัมปทานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ก่อนเสนอ ครม.ต่อไป
การดำเนินการทั้งหมด ให้นำประกาศคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต เรื่อง แนวทาง และวิธีการในการดำเนินงานโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ แบบของข้อตกลงคุณธรรม การคัดเลือกผู้สังเกตการณ์ และการจัดทำรายงานตามมาตรา 17 และมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาใช้กับการดำเนินการตามคำสั่งนี้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี