วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ในการเมืองไทยขณะนี้ มีฝั่งโปรทักษิณได้พยายามนิยามฝั่งตรงข้ามว่าเป็น “ฝ่ายสืบทอดอำนาจ” (เนื่องจากเป็นทหารที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง และไม่ยอมรามือไปเสียที) ส่งผลให้ฝั่งของตนเอง ได้กลายเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” ไปโดยปริยาย
หากฟังเผินๆ แล้วเคลิ้มตาม ด้วยความรักเสรีภาพ ก็คงต้องถล่มฝ่ายสืบทอดอำนาจ และหันมาสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยของทักษิณโดยทันที ทั้งๆ ที่จริงแล้ว การนิยามเหล่านี้ เป็นเพียงวาทกรรมทางการเมือง เป็นโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น
เรื่องที่ทั้ง 2 ฝ่ายเป็นกันอย่างที่นิยามไว้ จริงหรือไม่ ก็มีคำชี้แจงอยู่บ้างดังนี้
จากมุมมองของฝ่ายกองทัพ (ไม่ว่าจะผิดจะถูก จะเข้ากับหลักการประชาธิปไตยมากน้อยหรือไม่ก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) เขาเห็นว่าการเมืองไทยที่เป็นประชาธิปไตยในแบบเลือกตั้งด้วยพรรคการเมืองเป็นจักรกลใหญ่นั้น มักจะรังแต่จะสร้างความวุ่นวายต่างๆ นานาทำให้บ้านเมืองไร้เสถียรภาพ ประเทศชาติย่ำเท้า หรือไม่ก็ถดถอย ฉะนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้แทนที่จะเข้ามาปฏิวัติรัฐประหารเป็นครั้งเป็นคราว เพื่อจัดการปูโต๊ะการเมืองเสียใหม่เป็นครั้งๆ ไป ก็น่าจะแก้ปัญหาเป็นการถาวรเสียเลย โดยให้ฝ่ายกองทัพเข้ามานั่งอยู่ในเวทีการเมืองให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียเลย ซึ่งฝ่ายกองทัพก็ได้กระทำให้เห็นแล้ว
การณ์นี้ก็เลยกลายเป็นช่องให้ฝ่ายการเมืองของทักษิณที่สูญเสียอำนาจ จากการถูกปฏิวัติรัฐประหาร (ที่ไม่เคยสำนึกถึงพฤติกรรมทางการเมืองที่เลวร้ายของตน จนทำให้หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ แม้จะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ตาม) ได้ถือโอกาสโจมตีอีกฝั่งว่า กองทัพนั้นมีความต้องการสืบทอดอำนาจ ไม่เป็นประชาธิปไตย ส่วนตนเองนั้นอยู่คนละฝั่งกับกองทัพ จึงอ้างตัวได้ว่า ฉันนี่แหละที่เป็นนักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้ว ฝ่ายที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยนั้น โดยตลอดมาก็เป็นนักประชาธิปไตยเพียงแค่การเข้าร่วมการเลือกตั้ง แล้วก็แปลงตนเองเป็นเผด็จการรัฐสภาทันที หลังจากได้รับการเลือกตั้งเป็นฝ่ายรัฐบาล นอกจากนั้นยังกล้าที่จะใช้วิถีทางนอกรัฐสภาผสมผสานด้วยการใช้ความรุนแรงในการที่จะบ่อนทำลายและล้มล้างฝ่ายการเมืองฝั่งตรงข้าม
เมื่อเป็นดังนี้แล้ว ระบอบทักษิณ ภายใต้คราบฝ่ายประชาธิปไตย ก็เป็นเพียงประชาธิปไตยจอมปลอม ที่พูดถึงความเป็นประชาธิปไตยของตนเองแบบเล่านิทานโกหกนั่นแล
กลับมามองฝ่ายกองทัพ ที่ถูกตราหน้าว่าเป็นฝ่ายสืบทอดอำนาจนั้น ก็สมควรให้เขานิยามดังนั้น เพราะมัวแต่ไปสำคัญผิดว่ากองทัพนั้นมีหน้าที่ที่จะรักษาอำนาจรัฐ และสามารถทำการยึดอำนาจรัฐได้ทุกเมื่อ ทั้งๆ ที่มันขัดกับเจตจำนงของรัฐธรรมนูญ และผิดหลักประชาธิปไตยอย่างชัดเจน แถมยังเป็นการทำการเกินหน้าเกินตาขององค์ประมุข ซึ่งพระองค์ท่านเท่านั้นที่เป็นผู้ดูแลปกป้องสังคมไทยและปวงชนชนชาวไทย ตามที่ปวงชนชาวไทยได้ถวายพระราชอำนาจเพื่อทรงใช้ดูแลความผาสุกและความเจริญก้าวหน้า
ฉะนั้น จึงสามารถพูดได้ว่า ทั้ง “ฝ่ายสืบทอดอำนาจ” กับ “ฝ่ายประชาธิปไตย” ก็เป็นแค่วาทกรรมทางการเมือง ที่ใช้โฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น โดยมีข้อเท็จจริงเพียงครึ่งเดียว ก็คือ การสืบทอดอำนาจของฝั่งกองทัพ และอีกครึ่งหนึ่งคือการใช้เสียงข้างมากเป็นเผด็จการ
หากจะให้ประชาธิปไตยเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคง ประเทศไทยก็ควรปราศจากทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหารฝักใฝ่การเมือง หรือฝั่งนักการเมืองฝักใฝ่เผด็จการรัฐสภา
หากนักการเมือง หรือกองทัพ ไม่มีปัญญาที่จะทำให้ประเทศไทยปราศจากมารร้ายทั้ง 2 ฝั่ง ได้แล้ว ภาระก็คงตกอยู่กับประชาชนชาวไทย ที่วันหนึ่งก็คงต้องออกมาแสดงตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสิทธิและหน้าที่ เพื่อเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปทางการเมืองไทยจริงๆ เสียที
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com

'บวรศักดิ์'จ่อถอดบทเรียนน้ำท่วมแบบญี่ปุ่น โอดไทยมีกฎหมายดี หน่วยงานเยอะ แต่พอเกิดเหตุไม่รู้ใครต้องทำ
จากนาเสริมเป็นรายได้หลัก! พลิกผืนดิน ‘ปลูกผัก-เมล่อน’ ขายได้เงินทุกวัน
GeneLab สั่งพักงาน ยกเลิกทุกโชว์ ถอดเพลง ธีร์ Only Monday เซ่นปมเผยข้อมูลส่วนบุคคล
สื่อนอกตีข่าว กองทัพอากาศไทยเตรียมซื้อ BARAK MX ของอิสราเอลมูลค่า3.4พันล้าน
รู้ใครคนปล่อยภาพ! 'อนุทิน'ตอบชัดปมร่วมเฟรม'เบน สมิธ' รับรู้จักแต่ไม่สนิท เป็นรูปเก่า

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี