นับตั้งแต่การเลือกตั้งภายใต้กติกาประชาธิปไตยที่ถูกกำหนดโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ปกครองโดยระบอบเผด็จการผ่านไป 5 ปี และจากกติกาการเลือกตั้งแบบพิสดารทำให้จนบัดนี้อนาคตทางการเมืองของประเทศจะเดินไปอย่างไร การตั้งรัฐบาลภายใต้แกนนำ คือ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งดำเนินโดยสี่กุมารยังตั้งรัฐบาลยังไม่สำเร็จทั้งๆ ที่อาศัยผู้เผด็จการที่ยังติดใจที่จะเป็นผู้ปกครองภายใต้กติกาประชาธิปไตยครึ่งใบเป็นผู้นำก็ตาม ทั้งนี้เพราะผลจากการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคพลังประชารัฐที่ทุ่มเททั้งอำนาจและทรัพยากรจำนวนมากแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง คือ จำนวนผู้ที่ได้รับเลือกตั้งไม่ประสบชัยชนะเด็ดขาด จึงไม่เพียงพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อาจเพราะนักการเมืองที่เป็นแกนนำของพรรคขาดประสบการณ์ทางการเมือง ทั้งๆ ที่ได้ดูดเอาอดีตนักการเมืองชั้นนำจากพรรคที่เป็นสาเหตุแห่งการปฏิวัติเอามาเป็นพวกแล้วก็ตาม แต่คะแนนนิยมทั้งของคณะปฏิวัติบวกกับนักการเมืองชั้นนำก็ไม่อาจเอาชนะพรรคการเมืองที่ถูกกล่าวหาว่าไม่สะอาดได้ และสาเหตุที่สำคัญที่สุด คือ พลเอกประยุทธ์ ไม่ประกาศเป็นผู้นำทัพเสียเอง มิฉะนั้นสถานการณ์จะเปลี่ยนไปในทางตรงข้ามได้ ผลก็คือ ถ้าต้องการมีอำนาจในการปกครองประเทศต่อไปจำเป็นต้องหาพันธมิตรจากพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวนมาก แต่ปัญหาที่ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบันก็เพราะไม่สามารถจะเชิญพรรคขนาดกลางสองพรรค เข้ามาร่วมสำเร็จ
อย่างไรก็ดี รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีสมาชิกที่ได้รับการแต่งตั้งที่เรียกว่าวุฒิสภาซึ่งฝ่ายผู้มีอำนาจปัจจุบันเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้งแต่ผู้เดียวซึ่งสามารถลงมติร่วมกับสภาผู้แทนราษฎรตั้งรัฐบาลได้ก็ตามแต่ ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้วการบริหารประเทศจะยุ่งยากเพราะวุฒิสภาจะไม่มีอำนาจในการพิจารณากฎหมายร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร ผลที่ตามมาก็คือ ถ้ารัฐบาลแพ้การลงมติในสภาผู้แทนราษฎรรัฐบาลมีทางเลือกสองทาง คือ ลาออก หรือยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้นจะพบว่าวิกฤติที่จะเกิดขึ้นกับการเมืองของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ หลังจากการเป็นรัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเวลาไม่นานอย่างแน่นอน เพราะเสถียรภาพของรัฐบาลไม่มั่นคงเนื่องจากพรรคที่สนับสนุนรัฐบาล (ถ้าเจรจาสำเร็จ) ก็จะมีเสียงสนับสนุนจำนวนไม่เด็ดขาด ประกอบกับตัวพลเอกประยุทธ์เองต้องปรับพฤติกรรมเพื่อรองรับสถานการณ์ทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและสภาวะทางการเมืองที่เปลี่ยนไปจากเดิมเนื่องจากกติกาเปลี่ยนไป เนื่องจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รับราชการทหารมาตลอดการเข้ามาทำงานการเมืองหลังจากการรัฐประหารเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบเผด็จการ การปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยสั่งการอะไรกับผู้ที่ไม่เห็นด้วยไม่กล้าคัดค้านหรือค้านแล้วไม่ฟังก็ต้องปฏิบัติตามเมื่อมาทำหน้าที่บริหารภายใต้กติกาประชาธิปไตยครึ่งใบ ซึ่งมีองค์กรที่สำคัญ คือ สภาผู้แทนราษฎรคอยกำกับและพรรคการเมืองฝ่ายค้านจะทำให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองได้ เพราะการปกครองภายใต้กติกาใหม่จะต้องเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งไม่ง่ายนักสำหรับพลเอกประยุทธ์
อย่างไรก็ดี ถ้าเกิดปาฏิหาริย์ที่ทำให้หัวหน้าคณะปฏิวัติที่กลายเป็นนายกรัฐมนตรีจะเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้องกับการเมืองในระบอบประชาธิปไตยได้ สังคมไทยคงจะค่อยพัฒนาไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงได้ ตามที่ประชาชนชาวไทยเกือบทุกคนปรารถนา เพราะประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นการปกครองที่อ้างว่าประชาธิปไตยมาเป็นเวลา 87 ปี แต่ในความเป็นจริงนั้นการปกครองที่เรียกว่า ประชาธิปไตยของประเทศไทยเป็นเพียงการปกครองระบอบอำมาตยาธิปไตย หรือ อภิชนาธิปไตย เท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันประชาชนชาวไทยไม่เคยได้ลิ้มรสประชาธิปไตยที่แท้จริงเลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี