ความรักชาติ คำนี้คือคำที่ถูกกลุ่มคนดัดจริตวิพากษ์ว่าเป็นเรื่องเชย ล้าสมัย ไร้สาระ คนบางคนยังดัดจริตถามกลับอีกว่า ทำไมต้องรักชาติ ชาติคืออะไร ชาติมีตัวตนหรือ และอีกสารพัดถ้อยคำที่สรรหามาถากถาง เมื่อเวลาพูดถึงเรื่องความรักชาติ
แต่สำหรับวิญญูชนและปัญญาชนแล้ว เมื่อพูดถึงความรักชาติ ทุกคนจะตระหนักดีว่าหมายถึงอะไร นอกจากตระหนักรู้แล้ว วิญญูชนและปัญญาชนยังสำเหนียกว่า ประชาชนพลเมืองทุกคนต้องมีความรักชาติบ้านเมืองของตน ต้องทำนุบ้านเมืองของตนให้เจริญรุ่งเรือง ต้องไม่คิดและไม่มีพฤติกรรมทำลายล้างชาติบ้านเมือง
ถ้าคนทุกคนคิดเหมือนกันคือ เราต้องรักชาติบ้านเมือง ก็จะไม่เกิดปัญหาที่ปรากฏเสมอๆ ว่าคนบางคนชอบออกมาอวดอ้างว่ารักชาติบ้านเมืองมากกว่าคนอื่นๆ
นิยามคำว่าความรักชาติอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละหมู่ชนแต่ไม่ว่าจะนิยามออกมาในรูปแบบใดก็ตาม ความรักชาติก็สามารถแปลความได้ง่ายๆ คือ ไม่บ่อนทำลายชาติ ไม่สร้างความเสียหายให้กับชาติ ไม่ทำให้เกิดความเดือดร้อนให้กับประเทศชาติ ไม่ทำให้ประเทศชาติเกิดความวุ่นวายโกลาหลไร้ความสงบสุข
ถ้าจะอ้างตามข้อความในหนังสือแบบเรียนวิชาหน้าที่พลเมืองของไทย ความรักชาติ คือ ความรักและการมีจิตสำนึก มีความภาคภูมิใจในความเป็นชาติของตนเอง คนไทยทุกคนต้องมีความรักและหวงแหนแผ่นดินไทย มีค่านิยมในความเป็นไทย มีจิตสำนึก และภาคภูมิใจในความเป็นไทย มีความมุ่งมั่นในการทำนุบำรุงส่งเสริมให้เกิดความเจริญก้าวหน้าและความมั่นคงกับประเทศ รวมทั้งต้องช่วยกันรักษาผลประโยชน์และเกียรติภูมิของชาติไทยเอาไว้
เมื่อคนมากมายได้อ่านคำนิยามข้างต้นนี้ ก็จะมีคำถามจากดัดจริตชนกลุ่มหนึ่งบอกว่า เป็นคำนิยามที่เลื่อนลอย ไร้สาระ ไม่เป็นรูปธรรม ดูเพ้อเจ้อ แต่สำหรับคนที่มีความรักชาติอยู่ในหัวใจและในทุกการกระทำจะบอกว่า เข้าใจดีว่านิยามนี้บ่งบอกสาระสำคัญอะไร
แน่นอนว่าความรักเป็นนามธรรม แต่เป็นนามธรรมที่คนผู้มีปัญญาสามารถเข้าใจได้ และสามารถประพฤติได้ เหมือนกับคำว่าความดี ก็เป็นนามธรรม แต่คนที่ประพฤติดีมาโดยตลอดจะไม่ตั้งคำถามว่าความดีคืออะไร ทำอย่างไรจึงจะเรียกว่าเป็นการทำความดี ซึ่งตรงกันข้ามกับคนที่ไม่เคยทำความดีมาก่อนในชีวิต คนกลุ่มนี้จะตั้งคำถามเสมอว่าความดีคืออะไร เหตุที่คนพรรค์อย่างว่าตั้งคำถามเช่นนั้นก็เพราะในชีวิตของเขาไม่เคยถูกสั่งสอนอบรมให้รู้ว่าอะไรดีหรือเลว อะไรผิดหรือชอบ ชั่วหรือดี
มีคำถามว่า ทหารรักชาติบ้านเมืองมากกว่าคนทั่วไปหรือคนทำอาชีพอื่นจริงหรือ สาเหตุที่มีคำถามเช่นนี้ก็เพราะมักจะได้ยินเสมอๆ ว่า ทหารถูกปลูกฝังให้รักชาติยิ่งชีพ และก็ยังได้ยินอีกบ่อยๆ ว่า หลังการก่อรัฐประหารทุกครั้ง ทหารที่ก่อรัฐประหารจะอ้างว่าตนเองกระทำไปด้วยความเสียสละอย่างสูงสุด และทำไปเพราะความรักชาติอย่างสูงสุด ถ้าหากไม่ทำรัฐประหารแล้วบ้านเมืองจะพินาศย่อยยับแตกสลาย
นั่นคือคำอวดอ้างของทหารที่หลงตัวเอง ยิ่งหลงตัวเองมากเท่าไรก็จะยิ่งอ้างว่ารักชาติมากกว่าคนอื่นมากและบ่อยจนกลายเป็นคนน่ารังเกียจ ไม่แค่เพียงทหารที่ทำรัฐประหารเท่านั้นที่ชอบอ้างเช่นนั้น แม้กระทั่งอดีตตำรวจรายหนึ่งที่เคยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายมาก่อนเมื่อเกือบ 20 ปีมาแล้ว ก็ยังชอบอ้างว่าตนเองรักชาติมากกว่าใครๆ บนแผ่นดินนี้ แต่น่าสมเพชที่ข้ออ้างเรื่องรักชาติของอดีตตำรวจรายนั้นล้วนแล้วแต่เป็นความเท็จ เพราะในขณะที่ปากพล่ามว่ารักชาติ แต่ผลปรากฏก็คือชาติบ้านเมืองเกิดความแตกแยก ประชาชนลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนดูเสมือนว่าไม่มีความคิดว่าเป็นคนในชาติเดียวกันมาก่อน พูดเพียงเท่านี้ ทุกคนคงนึกถึงหน้าของอดีตตำรวจที่อ้างว่ารักชาติเสียจนไม่มีแผ่นดินไทยจะอยู่อาศัยอีกต่อไปได้ชัดเจนแล้ว
คราวนี้มาดูความรักชาติจากปากของนักการเมืองบ้าง สาธารณชนจะได้ยินเสมอๆ ว่านักการเมืองทุกคนต่างก็ป่าวประกาศว่าตนเองรักชาติ ทำทุกอย่างเพื่อชาติ เพื่อประชาชน แต่คำอ้างของนักการเมืองกับพฤติกรรมแท้จริงเป็นสิ่งตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง จนมีคำถามว่า การที่ประเทศไทยเกิดความสับสนวุ่นวายโกลาหลเช่นทุกวันนี้ ก็เพราะความรักชาติของนักการเมืองใช่หรือไม่ หลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมนักการเมืองในบ้านของเราจึงมีพฤติกรรมแตกต่างไปจากนักการเมืองในประเทศยุโรปตะวันตก ทำไมนักการเมืองในยุโรปตะวันตกจึงมีผิวหน้าที่แสนจะบอบบาง แล้วทำไมจึงหานักการเมืองที่ผิวหน้าบอบบางได้ยากเย็นเสียเหลือเกินในแวดวงนักการเมืองของบ้านเรา อย่างไรก็ตาม คนที่ตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดก็คือคนไทย เพราะต้องไม่ลืมว่านักการเมืองเข้าไปสู่วงจรแห่งอำนาจได้ก็เพราะเขาได้รับเลือกจากประชาชน ดังนั้น หากประชาชนส่วนมากผิวหน้าบาง ก็ย่อมจะไม่เลือกนักการเมืองผิวหน้าหนาเข้าไปสู่สภา ใช่หรือไม่
มาถึงตรงนี้ ก็ขอพูดในประเด็นคนชังชาติ คนไม่รักชาติ คนรังเกียจชาติบ้าง ไม่น่าเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยต่างก่นด่าชาติบ้านเมืองของตนเองทุกวัน บางคนเลวทรามยิ่งกว่า เพราะบอกว่าเวลาได้ฟังเพลงชาติแล้วอยากจะอ้วก บางคนบอกว่าไม่อยากให้ลูกหลานของตนเติบโตบนผืนแผ่นดินไทย เพราะเกรงว่าลูกหลานจะไม่มีสติปัญญา ไม่มีความปลอดภัย และอีกสารพัดวาจาที่สำรอกออกมาเพื่อถากถางเหยียบย่ำแผ่นดินไทย
เราทุกคนทราบดีว่าคนที่สำรอกวาจาเช่นนี้ออกมามีหน้าตาและตัวตนเช่นไร บางคนสำรอกวาจาเช่นนี้แล้ว แต่สุดท้ายก็กลับลอยหน้าเข้าไปอยู่ในรัฐสภาไทย แต่ที่น่าสมเพชยิ่งกว่าคือ มีคนบางจำพวกที่เคยกล่าวว่าต้องทำให้แผ่นดินไทยกลายเป็นทะเลเพลิง แต่สุดท้ายผู้สำรอกวาจาดังว่านั้นกลับกลายได้ไปเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลทรราชบางชุด
คำถามชวนคิดประจำสัปดาห์นี้คือ ทำไมคนไม่รักประเทศไทยจึงยังคงลอยหน้าอยู่บนแผ่นดินไทย อันที่จริงถ้าไม่รักประเทศไทยก็ควรจะย้ายไปอยู่ประเทศอื่น เพราะถ้าคิดว่าประเทศอื่นดีกว่าก็ควรจะไปอยู่ในประเทศที่เห็นว่าดี ทำไมจึงต้องทนอยู่ในประเทศที่เห็นว่าไม่มีความดี
คนที่ก่นด่าประเทศชาติของตนตลอดเวลาจะมีความสุขได้บนแผ่นดินของประเทศที่ตนไม่รักได้หรือ มีปัญญาชนฝากเตือนสติคนชังชาติด้วยคำถามง่ายๆ ข้อนี้คือ ก่อนจะก่นด่าประณามประเทศชาติบ้านเมืองของตน เคยถามตัวเองบ้างไหมว่า ตนเองและโคตรเหง้าของตนเคยสรรค์สร้างความดีความงามอะไรให้กับแผ่นดินไทยบ้าง เคยถามบ้างไหมว่าโคตรเหง้าต้นตระกูลของตนมีอยู่ มีกิน มีฐานะร่ำรวยสุขสบาย เพราะทำมาหากินบนแผ่นดินผืนนี้ ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ แล้วทำไมต้องรังเกียจแผ่นดินผืนนี้ แต่ถ้าจะตอบว่าไม่ใช่ ก็ต้องถามต่อไปว่า ในเมื่อแผ่นดินนี้มันไม่มีความดีหลงเหลือในสายตา และการรับรู้ของตนเองอีกแล้ว แล้วเหตุไฉนจึงไม่อพยพโยกย้ายออกจากแผ่นดินนี้ แล้วไปตั้งรกรากทำมาหากินบนแผ่นดินอื่น ทำไมต้องทนอยู่บนแผ่นดินที่ตนเองไม่เคยมองเห็นความดีแม้แต่น้อย ถ้าเห็นว่าประเทศไหนดีกว่าประเทศนี้ ก็เชิญไปอยู่ในประเทศนั้นตามความพอใจ ขอยืนยันว่าไม่มีใครรั้งหรือเหนี่ยวพวกคนไม่รักชาติรักแผ่นดินเอาไว้ แต่ในขณะเดียวกัน ทุกคนจะยินดีมากถ้าหากคนไม่รักชาติรักแผ่นดินจะไปเสียให้พ้นจากประเทศนี้ เพราะอยู่ไปก็หาประโยชน์มิได้ อยู่ไปก็รังแต่จะก่อให้เกิดความหนักแผ่นดิน
เกิดเป็นคนทั้งที ถ้าไม่มีความกตัญญูต่อชาติบ้านเมืองก็เสียชาติเกิด ไม่เห็นบ้างหรืออย่างไรว่า แม้กระทั่งหมาที่มันได้อาศัยบ้านของใครเป็นที่อยู่อาศัย ได้กินข้าวกินน้ำจากคนในบ้านหลังนั้น หมามันยังจงรักภักดีและหวงแหนบ้านและคนในบ้านหลังนั้น มันจะไม่ยอมให้คนแปลกหน้าเข้าไปในเขตบ้านเป็นอันขาด นี่ขนาดมันเป็นหมา มันยังรักบ้านที่มันอยู่อาศัย แล้วคนที่ไม่รักชาติ ไม่จงรักภักดีต่อชาติบ้านเมืองที่ตนอยู่อาศัยจะดีไปกว่าหมาได้หรือ เรื่องง่ายๆ แบบนี้ไม่เห็นจำเป็นต้องมีคนสั่งสอน แต่ถ้าหากมีคนสั่งสอนแล้วยังไม่รู้จักจำ ไม่รู้จักสำเหนียก ก็ต้องอายหมา แต่ถ้าหากยังไม่รู้สึกละอาย ก็ควรจะต้องพิจารณาตัวเองโดยด่วน ส่วนจะพิจารณาสถานใดระหว่างไปเสียจากแผ่นดินนี้หรือหยุดหายใจไปเลย ก็ต้องเลือกเอาเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี