พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 สมัยที่ 2 ได้นำคณะรัฐมนตรี 35 ท่านเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 16 กรกฎาคม 2562 งานแรกที่นายกรัฐมนตรีต้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วนก็คือปัญหาวิกฤติภัยแล้งในพื้นที่ 20 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งประกอบด้วย
อีสานใต้ 8 จังหวัดคือ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ชัยภูมิ อำนาจเจริญ ยโสธร อีสานกลาง 7 จังหวัด คือ กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด สกลนคร นครพนม มุกดาหาร และอีสานเหนือ 5 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย หนองคาย บึงกาฬและหนองบัวลำภู ที่มีประชากรทั้งสิ้นจำนวน 22,005,518 คนหรือ 1 ใน 3 ของประชากร 66.7 ล้านคน
ขณะนี้เกิดวิกฤติภัยแล้งใน 20 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเนื่องมาจากฝนทิ้งช่วงไม่ตกมานานถึง 2 เดือน เช่น ที่จังหวัดเลยแหล่งน้ำสาธารณะไม่มีน้ำผิวดินแห้งขอด อ่างเก็บน้ำของกรมชลประทาน 14 แห่ง ใน จ.เลย รวมความจุอ่างทั้งหมด 115.82 ล้านลบ.ม.เหลือน้ำใช้การได้เพียง 42.7 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 41.2 ที่จ.นครราชสีมา สถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วงหลายพื้นที่รุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะเขื่อนกักเก็บน้ำพิมาย น้ำแห้งขอดมีน้ำเหลือก้นอ่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อ.พิมายแล้งหนักสุดในรอบ 50 ปี หรือครึ่งศตวรรษโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทุ่งสัมฤทธิ์ อ.พิมาย ต้องปิดประตูระบายน้ำทุกบานเนื่องจากระดับน้ำต่ำกว่าบานประตูขาดน้ำส่งให้เกษตรกรเขตชลประทานที่อยู่ระหว่างเพาะปลูกข้าวนาปีกว่า 20,000 ไร่ ใน 4 ตำบล ได้แก่ ท่าหลวง ชีวาน ดงใหญ่ และ ต.กระชอน เดือดร้อนหนักขาดน้ำทำการเกษตรหลายหมู่บ้านที่รับน้ำดิบจากเขื่อนพิมายต้องขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคฝนไม่ตกถึง 2 เดือน ข้าวเฉาตายถึง 5 หมื่นไร่
จังหวัดขอนแก่นนั้นต้นข้าวที่ปลูกไว้แห้งตายมากกว่า 50,000 ไร่ พื้นที่ลุ่มแม่น้ำชี แม่น้ำมูลไม่มีน้ำเลย ผิวดินแตกระแหงแห้งขอด นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้ประชุมร่วมกับนายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พบว่า ลุ่มน้ำมูลคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เพื่อประเมินสถานการณ์ฝน สถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อกำหนดมาตรการ แผนปฏิบัติการให้ชัดเจนที่น่าห่วงคือจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ต้องเร่งหาแหล่งน้ำดิบสำรองไว้ทำน้ำประปาโดยเร่งด่วน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงสถานการณ์แล้งรุนแรงได้กำชับทุกหน่วยงานติดตามสถานการณ์ และให้ความช่วยเหลือประชาชนได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุดสถานการณ์น้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือขณะนี้ มีปริมาณน้ำภาพรวม 4,344 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 33% โดยแหล่งน้ำขนาดใหญ่มีน้ำน้อยกว่า 30% ถึง 7 แห่ง คือเขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ 28% เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ 27% เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น 24% เขื่อนลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ 23% เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี 23% เขื่อนน้ำพุง จ.สกลนคร 21% เขื่อนลำพระเพลิง จ.นครราชสีมา 15%
การแก้ไขปัญหาวิกฤติภัยแล้งครั้งนี้ไม่สามารถจะทำฝนหลวงมาแก้ไขได้เพราะสภาพความชื้นในอากาศมีไม่พอกรมอุตุนิยมวิทยาได้ทำนายสภาพอากาศในภาคอีสานว่าช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมฝนจะตกน้อยกว่าปกติมากอาจจะต้องผันน้ำจากแม่น้ำโขงเข้ามาช่วยบ้างแต่ก็ไม่น่าจะพอเพราะปีนี้ฝนในลุ่มแม่น้ำโขงที่ทิเบต จีน สปป.ลาว และเมียนมา ก็ตกไม่ชุกนี่คือสถานการณ์วิกฤติภัยแล้งของประเทศที่น่าวิตกเป็นอย่างยิ่งแต่ก็เชื่อว่าด้วยความวิริยอุสาหะของรัฐบาลเหตุการณ์นี้ก็น่าจะจบลงด้วยดีได้ในที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี