วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยฝ่ายรัฐบาลลูกผสม ดูอย่างไรก็เป็นเพียงการให้ยาหอมแก่สังคม เพราะได้ใช้คำว่า “การศึกษา” ว่าด้วยการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลนี้ไม่เร่งรีบ โดยเฉพาะการอ้างว่า เรื่องปากท้องประชาชนต้องมาก่อน (ทั้งๆ ที่ก็ทำควบคู่กันไปได้ โดยไม่ต้องละเลยเรื่องเศรษฐกิจ) นอกจากนั้นแล้ว ขั้นตอนการแก้ไขที่ผูกเอาไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็แสนยุ่งยาก สลับซับซ้อน เพราะมีเจตนาให้การแก้ไขกระทำได้ยากยิ่งมาตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตาม ทางภาคประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการที่ประเทศไทยจะต้องอยู่กันไปท่ามกลางความไม่เป็นประชาธิปไตย ต่างก็พร้อมที่จะฟันฝ่าอุปสรรคทั้งสิ้นทั้งมวล เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยแห่งสิทธิเสรีภาพแห่งการมีส่วนร่วม แห่งการกระจายอำนาจ และลดการกระจุกตัวของอำนาจรัฐไว้ที่ส่วนกลาง และสังคมขับเคลื่อนด้วยหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และมีผู้รับผิดชอบต่อการใช้อำนาจรัฐใดๆ
ณ วันนี้อย่างน้อยก็มี 2 องค์กรภาคประชาชน ที่ออกมาเริ่มเคลื่อนไหวในเรื่องการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 อันได้แก่
1.คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ซึ่ง ณ วันนี้มีเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนอยู่ประมาณ 30 กว่าองค์กรแล้ว
2.คณะกรรมการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ภาคประชาชน ซึ่งมีสาขาแนวร่วมอยู่ในทุกภาคของประเทศไทย
ทั้ง 2 องค์กรมีความเห็นคล้ายคลึงกันว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญมีความไม่ชอบมาพากลคือ ขัดกับหลักประชาธิปไตยที่เข้าใจกันทั่วไปในสากลโลก อาทิ
1.วุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งโดยฝ่าย คสช. (กองทัพ) ฉะนั้น จึงเป็นฐานการเมืองให้กับฝ่ายกองทัพ เพื่อให้ตัวแทนกองทัพได้กลับเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการสืบทอดอำนาจ
2.เปิดช่องทางให้ผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องสังกัดพรรคการเมือง และไม่ต้องเป็น สส. (ผู้แทนราษฎร) ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ สังคมไทยได้ต่อสู้มาตลอด ในประเด็นการปฏิเสธ นายกฯ คนนอก หรือประชาธิปไตยแบบครึ่งใบ
3.การกำหนดให้พรรคการเมืองสามารถเสนอชื่อใครก็ได้ ไม่ต้องเป็นสมาชิกพรรคตนก็ได้ 3 ชื่อล่วงหน้า เพื่อที่จะให้รัฐสภาลงคะแนนเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไร้เหตุและผล และไม่มีตรรกะทางประชาธิปไตยมารองรับ ในขณะที่ปฏิเสธการให้ผู้สมัครไม่สังกัดพรรค สามารถสมัครรับเลือกตั้งเป็น
นายกรัฐมนตรีได้
4.คณะกรรมการยุทธศาสตร์ ที่มีหน้าที่ดำเนินการเรื่องต่อเนื่องจากรัฐบาล คสช.ดันมีอำนาจเหนือคณะบริหาร (รัฐบาล) ที่มาจากการเลือกตั้ง สิ่งนี้มีลักษณะเป็นพฤติกรรมทางการเมืองแบบคอมมิวนิสต์ เพราะมีอำนาจที่ไม่ยึดโยงใดๆ กับประชาชน สามารถครอบงำประชาธิปไตยได้
5.การแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา เพื่อนำไปสู่ตำแหน่งในองค์กรอิสระต่างๆ ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนพลเมือง อีกทั้งกฎเกณฑ์ที่เอื้อให้ผู้สมัครตำแหน่งต่างๆ ในองค์กรอิสระต่างๆ ทำให้ฝ่ายราชการมีความได้เปรียบกว่าผู้สมัครจากภาคสังคมอื่นๆ
6.ผู้บังคับบัญชาฝ่ายกองทัพ และตำรวจที่อยู่ในราชการ กลับมีตำแหน่งทางการเมือง คือเป็นวุฒิสมาชิกโดยอัตโนมัติ เป็นการขัดกับหลักประชาธิปไตยที่ว่าข้าราชการประจำจะต้องไม่มีบทบาทใดๆ ทางการเมือง
7.นอกจากนั้น เรื่องการกระจายอำนาจก็ดีเรื่องการค้นหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองครั้งที่ผ่านๆ มา เพื่อนำไปสู่การปรองดองสมานฉันท์ ก็กลับถูกฝ่ายรัฐบาล คสช. ดองไว้ ในขณะเดียวกัน ฝ่ายกองทัพที่ฉีกกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ก็ออกกฎหมายอภัยโทษกันเอง (แถมในการถวายสัตย์ปฏิญาณของนายกฯก็ตกหล่นประโยคเกี่ยวกับการที่จะเคารพ และปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเท่ากับว่า ผู้นำรัฐบาลนี้ ไม่ได้มองว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญมิได้เป็นสถาบันที่ 4 ของบ้านเมืองที่จะละเมิดมิได้)
8.มิได้มีการระบุถึงการกระจายอำนาจอย่างแท้จริงไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการสะท้อนความประสงค์ ที่จะรวมศูนย์อำนาจอยู่ที่ส่วนกลาง ผ่านระบบราชการ
9.บทว่าด้วยนโยบายรัฐและหน้าที่รัฐ กลับมิได้มีการระบุว่าใครคือตัวแทนรัฐ โดยทั้ง 2 บทนี้ ก็ไม่ได้มีความจำเป็นแต่อย่างใด เพราะผู้ใดที่เข้ามาเป็นคณะรัฐบาล ก็มีหน้าที่ที่จะต้องตอบสนองความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติและพลเมืองอยู่แล้ว
สังคมไทยได้มีความก้าวหน้าในเรื่องการเป็นประชาธิปไตยมาโดยตลอด จะมาชะงักลงก็ในช่วงหลังๆ ตั้งแต่วิกฤติความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งจุดบกพร่องของประชาธิปไตยนั้นอาจจะมีอยู่ในสังคมไทย แต่ก็ต้องช่วยกันแก้ไข และพัฒนากันต่อไป แต่จะต้องมิใช่ด้วยวิธีการใช้การรวมศูนย์อำนาจมาเป็นทางออก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีเจตนาหลักในการรักษาสถานภาพเดิม (Status quo) ซึ่งเป็นอำนาจของฝ่ายกองทัพ ข้าราชการประจำ และกลุ่มอภิสิทธิ์ชน ที่ไม่ได้ใส่ใจถึงประโยชน์ของชาติ และประชาชนเป็นหลัก
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com

‘พูห์-พาเวล’ส่งซิงเกิลใหม่ “ผู้ต้องสงสัย (MY CRIME)” OST.สิงสาลาตาย เพิ่มดีกรีความอินให้กับแฟนๆ
Y2Z เอาใจ FC ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ ‘อ้อมกอดใกล้ฉัน’ โชว์ความน่ารักสดใส กับแนวเพลง Funky disco pop
โอ๊ยเล่าเรื่อง 'มือปืน (The Last Shot)'
‘กรมราชทัณฑ์’นั่งไม่ติด รูป‘แม้ว’โผล่เวทีเสก ยืนยันไม่ใช่ภาพจริง
สว.จ่อค้านนิรโทษ คดีเผาบ้านเผาเมือง กระทำผิดคดีม.112 เล็งถกผู้มีส่วนได้เสีย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี