ผมนั่งเขียนต้นฉบับประจำกองบรรณาธิการ นสพ.แนวหน้าทุกวัน ก็นึกถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อเร็วๆ นี้ เหล่าผู้นำอาเซียนได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างฟีฟ่า นำโดย จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ กับ เลขาธิการอาเซียน เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาฟุตบอลในอาเซียนไปสู่ระดับมาตรฐานสากล กำหนดความร่วมมือ 4 สาขา ได้แก่ ความมีน้ำใจนักกีฬา การกีฬาเพื่อการพัฒนา โครงการฟุตบอลฟีฟ่าสำหรับโรงเรียน และการเสริมสร้างขีดความสามารถของนักฟุตบอลมืออาชีพ รวมทั้งการที่ชาติอาเซียนที่นำโดยไทย,สิงคโปร์,อินโดนีเซีย,มาเลเซียและเวียดนาม จะร่วมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ปี 2034
ด้าน นายจานนี อินฟานติโน่ ได้มอบเสื้อฟุตบอลสกรีนชื่อผู้นำอาเซียนพร้อมหมายเลข โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้นำอีก 6 ชาติ ได้เสื้อหมายเลข 9, สมเด็จพระราชาธิบดี ฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม และนายโรดรีโก โรอา ดูแตร์เต ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ได้เสื้อหมายเลข 10 ส่วนนายโจโค วิโดโด ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ได้เสื้อ หมายเลข 21
ทั้งนี้ผู้นำประเทศที่ได้เสื้อหมายเลข 9 หมายถึง นายกรัฐมนตรีและผู้นำประเทศ หมายเลข 10 หมายถึงประมุขแห่งรัฐ ส่วนอินโดนีเซีย จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก รุ่นอายุต่ำกว่า 20 ปี ในปี 2021
วันนี้ขอสวมวิญญาณคนรักฟุตบอลทีมชาติไทยมากที่สุดคนหนึ่งเพื่อเขียนถึงความหวังสูงสุดของแฟนฟุตบอลทีมชาติไทยที่เกิดมาชาตินี้จะได้เห็นทีมฟุตบอลทีมชาติไทยของเราไปแข่งฟุตบอลโลก World Cup สักครั้งหนึ่ง เหมือนกับที่เคยได้ข่าว และเห็นภาพข่าวในอดีตก่อนปี 2480 ที่พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดชนักแข่งรถชาวไทยไปแข่งรถยนต์ชิงแชมป์โลก จนทำให้ประเทศสยามโด่งดังไปทั้งโลก เมื่อพระองค์ ได้พิสูจน์ความเก่งให้เห็นว่า คนสยามเก่งจริงด้วยการคว้าชัยชนะติดต่อกันหลายปี จนคนฝรั่งในยุคนั้น อยากจะรู้จักและอยากไปเยือน ประเทศสยามกันนักหนาจนมีการเตรียมจัดการแข่งขัน Bangkok กรังด์ปรีซ์ในปี 2480 แต่การแข่งขันรถยนต์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกก็ไม่เกิดขึ้นในประเทศสยามครั้งนั้น...เพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2
ฟุตบอลโลก ไม่ใช่เรื่องมิติของกีฬาเพียงอย่างเดียว ดร.สุเมต สุวรรณพรหม ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการบริหารจัดการด้านกีฬา เล่าให้ฟังว่าการที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ จะลงมติตัดสินใจให้ชาติใดเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกเขาจะมีองค์ประกอบมีปัจจัยมากมายในการตัดสินใจซึ่งในแต่ละครั้งของการตัดสินใจก็จะมีมูลเหตุที่แตกต่างกันไป แต่เหตุผลหลัก มักจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ และการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศเจ้าภาพ
เพราะฟุตบอลโลกไปจัดที่ไหนก็ย่อมทำให้เศรษฐกิจที่นั่นฟื้นตัวได้อย่างแน่นอนอย่างเช่นฟุตบอลโลก 1994 ที่อเมริกา ได้มีคนทั่วโลกเดินทางไปเที่ยวอเมริกาก่อนการแข่งขัน ระหว่างการแข่งขัน หลังการแข่งขันมีชื่อเสียงอยู่จนถึงทุกวันนี้ ปี 2002 ฟุตบอลโลกเจ้าภาพจับมือกันครั้งแรกของ 2 ชาติในเอเชียซึ่งมีความบาดหมางกันมาตลอด แต่ฟุตบอลโลกทำให้ 2 ชาติรักกันลืมความแค้นที่เคยรบเคยทำสงครามกันได้นานเลยทีเดียวคนทั้งสองชาติมีความสุขร่วมกันด้วยฟุตบอลโลก
ปี 2006 ฟุตบอลโลกจะกลับไปที่ยุโรป อังกฤษกับเยอรมนี ขับเคี่ยวหาเสียงกันรุนแรงมาก การหาเสียงในครั้งนั้นประเทศไทยเราได้รับความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะหนึ่งเสียงโหวต ของ นายวรวีร์ มะกูดี ในฐานะกรรมการบริหารฟีฟ่า คนไทยในประวัติศาสตร์ในวงการฟุตบอล ทำให้ทั้งสองชาติ และคนเด่นคนดังเดินทางมาเยี่ยมเยือนประเทศเราหลายครั้ง
ปี 2010 ฟุตบอลโลกครั้งแรกที่ทวีปแอฟริกา อดีตประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดล่าและฟีฟ่า ได้พิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์อีกครั้งว่า ฟุตบอลโลกไม่แบ่งแยกสีผิวและไม่แบ่งชนชั้น ไม่แบ่งยากจนกับร่ำรวย ฟุตบอลโลกไปแอฟริกาครั้งนั้น เพื่อสร้างเศรษฐกิจให้แอฟริกาใต้อย่างแท้จริง
ปี 2022 ฟุตบอลโลกได้สร้างเซอร์ไพรส์ให้ชาวโลก เมื่อตัดสินใจจัดแข่งขันในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง อย่างประเทศอิสลามรัฐกาตาร์ กลางทะเลทราย ซึ่งฟีฟ่า..คงจะพิสูจน์ให้เห็นว่าฟุตบอลโลก จะสร้างความสุขให้กับประชาชนชาวมุสลิมประเทศตะวันออกกลางอย่างไม่เคยมีมาก่อน รอดูกันนะครับ
ในขณะที่ปี 2026 ฟุตบอลโลกจะกลับไปเยือนทวีปอเมริกา แน่นอนครับพี่ใหญ่อย่างอเมริกา ก็ขอเป็นเจ้ากี้เจ้าการเอง ดึง แคนาดา และเม็กซิโก เข้ามาร่วมด้วยมากถึง 3 ชาติ เพื่อช่วยกันหาเสียง
และอีก 15 ปี ที่เราชาวเอเชียชาวไทยเรารอลุ้นกันนะครับ ปี 2034 ฟุตบอลโลกจะกลับมาที่ทวีปเอเชียอีกครั้ง..มีความเป็นไปได้สูงมากนัก ที่สิบชาติอาเซียนจะแสดงพลังสามัคคีช่วยกันให้ฟุตบอลโลก จะมาจัดที่บ้านเราในนามอาเซียนเวิลด์คัพ 2034 โดยมีคู่แข่งอย่างจีน ออสเตรเลียจับคู่กับนิวซีแลนด์ อียิปต์ ไนจีเรีย และซิมบับเว
โอกาสที่อาเซียนเวิลด์คัพ จะเกิดขึ้นในปี 2034 พอจะพยากรณ์ได้ไม่ยาก หลังจากที่ประธานฟีฟ่าอย่าง จานนีอินฟานติโน่ เดินทางเยือนไทย..และแสดงความเป็นมิตรภาพถึงขนาดลงนามเอ็มโอยูกับ 10 ชาติอาเซียน อย่างเป็นทางการนั่นหมายถึงโอกาสของ ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ซึ่งเป็นพี่ใหญ่และมีผลงานในภูมิภาคอาเซียน จะได้สิทธิ์ในการลงแข่งขันฟุตบอลโลกในฐานะตัวแทนกลุ่มประเทศเจ้าภาพ รอดูความยิ่งใหญ่ของประเทศไทย ประเทศของเราจะกลับมามีชื่อเสียงที่ดีที่สุดอีกครั้ง วันนี้เรามาเริ่มต้นดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อจะได้นั่งดูฟุตบอลโลกในบ้านเราวิเคราะห์แบบฟันธงนะครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะครับ ฟุตบอลไทยจะได้ไปฟุตบอลโลก ชาตินี้ล่ะครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี