เมื่อตอนที่ยึดอำนาจในการบริหารปกครองประเทศได้ใหม่ๆ นั้น ได้มีคำพูดจากคนยึดอำนาจชุดนี้คนหนึ่งว่าจะต้องมีการแก้ไขค่านิยมของสังคมไทยที่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากขึ้นหลายอย่างตามกระแสแห่งยุคโลกาภิวัตน์ ทำให้สภาพสังคมไทยแต่เดิมทั้งระบบได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในทางที่ไม่เป็นประโยชน์ในวิถีชีวิตของคนไทย
แต่ก็ไม่เห็นทำอะไรในเรื่องที่เคยพูด
ยังคงส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและแบบแผนทางสังคม เป็นอุปสรรคที่ยากต่อการพัฒนาและการปฏิรูปประเทศให้ดีขึ้นตามที่ต้องการ
โดยเฉพาะค่านิยมที่คนไทยยึดถือปฏิบัติจนกลายเป็นนิสัยประจำชาติ ที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและศีลธรรม มีความเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ได้ถูกลบเลือนหายไปเกือบจะหมดสิ้น ตามการไหลบ่าเข้ามาจากนอกประเทศในด้านวัตถุนิยม
นับถือเงินตราเป็นพระเจ้า
มุ่งหาความสุขส่วนตัวเป็นหลัก
ยิ่งโลกสมัยนี้เป็นโลกแห่งยุคไร้พรมแดน สามารถติดต่อถึงกันได้อย่างรวดเร็ว บางอย่างเป็นประโยชน์แต่บางอย่างก็เป็นโทษ การหยิบฉวยสิ่งต่างๆที่หลั่งไหลเข้ามาเพื่อนำมาใช้หรือทำตาม โดยปราศจากการไตร่ตรองให้รอบคอบ เพราะนึกว่าเป็นของดีและทันสมัย ใครไม่มีหรือใครไม่ทำอย่างนั้นแล้วเป็นคนไม่ทันสมัย เป็นคนเชย เป็นคนตกรุ่นไปโน่นเลย
เหตุเป็นเพราะอะไรเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันคิด
อย่างน้อยขอให้พิจารณาเรื่องต่อไปนี้
1. การเปลี่ยนแปลงทางสังคม
จากสังคมเกษตรกรรมมาเป็นสังคมอุตสาหกรรมด้วยการนำเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ประยุกต์มาใช้ในการขยายฐานการผลิตสินค้าขนาดใหญ่ เพื่อรองรับตลาดการค้าโลก โดยใช้วัตถุดิบและแรงงานจากสังคมเกษตรกรรม จึงทำให้อิทธิพลการเป็นอุตสาหกรรมที่มีระบบการทำงานอย่างเป็นประสิทธิภาพ มีหลักเกณฑ์ในการกำหนดเงินเดือน และแบ่งผลกำไรเป็นโบนัส รวมทั้งวัฒนธรรมที่ต่างชาตินำเข้ามา ส่งผลให้สังคมไทยต้องปรับเปลี่ยนค่านิยมใหม่คือ
1.1 จากชีวิตที่เคยกินอยู่อย่างเรียบง่ายมาเป็นนิสัยที่แก่งแย่งแข่งขัน เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ชีวิตที่ต้องถูกจำกัดด้วยสภาวะทางเศรษฐกิจ ทั้งในด้านเวลาและฐานะทางการเงิน ส่งผลต่อลักษณะความเป็นอยู่แบบตัวใครตัวมัน
1.2 ก่อให้เกิดค่านิยมหรือลักษณะนิสัยที่ไม่มีการเอื้อเฟื้อต่อกัน เห็นแก่ตัว ขาดความรักความอบอุ่น นิยมแบบตะวันตกและต่างประเทศ บูชาเงินเป็นพระเจ้า เพราะเงินสามารถบันดาลทุกอย่างที่ต้องการได้ จนทำให้เกิดค่านิยมความมีหน้าตา และยกย่องคนมั่งมีมากกว่ายกย่องคุณงามความดี
1.3 การทำให้ชนบทเป็นเมือง โดยผ่านระบบคมนาคมและการขนส่ง เช่น ถนน ไฟฟ้า และอื่นๆส่งผลให้วิถีชีวิตของคนชนบทต้องเปลี่ยนลักษณะนิสัยจากเดิมมาเป็นแบบคนเมืองที่เห็นแก่ตัว ยกย่องคนมีอำนาจ นิยมต่างประเทศ
1.4 การจัดองค์กรแบบใหม่ประเภทต่างๆ ซึ่งการดำเนินงานส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การนำของผู้บังคับบัญชาและกฎระเบียบเป็นหลัก ซึ่งนำไปสู่ปัญหาภายในองค์กร เช่น ระบบอุปถัมภ์ การวิ่งเต้น แบ่งกลุ่มแบ่งพวก มีการใช้อำนาจในทางมิชอบ ประจบสอพลอ เป็นต้น
1.5 สภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสของการแข่งขันที่สูงขึ้น จากสภาพสังคมเดิมที่ผู้คนมีชีวิตอยู่กันอย่างสงบสุข ในน้ำมีปลาในนา
มีข้าว ผู้คนมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความเมตตากรุณา มาเป็นการแข่งขัน การฉวยโอกาส ส่งผลให้เกิดค่านิยมไม่ดี
1.6 สื่อสารมวลชนแขนงต่างๆและโซเซียลมีเดีย เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อความคิดและค่านิยมของบุคคล ที่จะปฏิบัติไปในทางบวกหรือลบ การเสนอข้อมูลข่าวสารต่างๆถือเป็นดาบสองคมเพราะอาจก่อให้เกิดค่านิยมที่ไม่ดี ซึ่งขึ้นอยู่กับการนำเสนอที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง หรือเหมาะสมกับสภาพของสังคมไทยหรือไม่
1.7 สถาบันศาสนาจากที่เคยเป็นศูนย์รวมจิตใจคำสั่งสอนและวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามของสังคมไทย กลับกลายมาเป็นสถานที่ของบุคคลบางจำพวกที่แปรเปลี่ยนคำสอนดั้งเดิมมาเป็นคำสอนตามความเข้าใจของตน หรือใช้เป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์ใส่ตนหรือเชื่อในสิ่งงมงายมากกว่าหลักคำสอนที่ถูกต้อง ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ ส่งผลให้ค่านิยมที่เคยฝังลึกในเรื่องความเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กตัญญูกตเวทิตา รู้จักการให้อภัย ยกย่องคนดี เคารพผู้อาวุโส และอื่นๆได้แปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ไม่ดี เช่น ไร้เหตุผล เห็นแก่ตัว เห็นใครดีกว่าไม่ได้ เป็นต้น
1.8 การเมืองที่ไม่ใช่การเมืองแบบประชาธิปไตยจริงๆ แม้จะได้ชื่อว่าการเมืองแบบประชาธิปไตยโดยการมีการเลือกตั้ง โดยประชาชนเลือกตัวแทนของตนเข้าไปทำหน้าที่ในฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ แต่นักการเมืองที่ไม่ดีซึ่งมีอยู่มาก ได้ทำให้การเมืองเสียหายด้วยการทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับการเลือกตั้งอย่างไม่สุจริต ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ตนและพรรคพวก ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนสร้างค่านิยมผิดๆ ให้เกิดขึ้นกับผู้คนในบ้านเมือง
ยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องพูดถึงในคราวหน้า
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี