นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พูดถึงนโยบายการแก้ปัญหาความยากจน ในแบบที่ประเทศจีนดำเนินการหลายครั้ง เช่น
เมื่อครั้งลงพื้นที่เปิดโรงอบเมล็ดพันธุ์ข้าวและทดสอบระบบการคัดคุณภาพข้าว อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ พลเอกประยุทธ์บอกกับประชาชนว่า เราอยู่ในลุ่มแม่น้ำมูล มีพื้นที่เสี่ยงภัยถูกน้ำท่วม,แล้ง และท่วม-แล้งในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งประชาชนต้องช่วยรัฐบาลคิดว่าจะทำอย่างไร เรากำลังหารือกับจีน ซึ่งเขามีนโยบายแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งมีจำนวนคน 400-500 ล้านคน ตนได้อ่านขั้นต้นแล้วไม่ต่างจากไทยมากนัก แต่วิธีการบริหารจัดการ รวมทั้งความร่วมมือของประชาชนเป็นอย่างไรตนอยากรู้ จึงได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปดูงาน
เมื่อครั้งต้อนรับการเข้าเยี่ยมคำนับของ พล.อ.เว่ยเฟิ่งเหอ (Wei Fenghe) มนตรีแห่งรัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวบางช่วงว่า ไทยพร้อมสนับสนุน “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” และแสวงหาความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระหว่างกัน เพื่อให้เกิดการเติบโตและเข้มแข็งไปด้วยกัน และขอถือโอกาสนี้ ประสานส่งเจ้าหน้าที่ภาคส่วนต่างๆ ร่วมศึกษาดูงานการแก้ปัญหาความยากจน โดยฝ่ายจีนกล่าวยินดีต้อนรับให้การสนับสนุนการศึกษาดูงานของไทย ตามที่ได้ประสาน
ฯลฯ
น่าคิดว่า นโยบายแก้ปัญหาความยากจนแบบจีน เขาทำกันอย่างไร?
มันมีอะไรน่าสนใจเรียนรู้ และนำมาประยุกต์ใช้กับประเทศไทยของเราได้บ้างหรือไม่?
น่าสนใจว่า ในเฟซบุ๊ค Aksornsri Phanishsarn ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น ได้โพสต์ข้อคิดความเห็น ว่าด้วยเรื่อง “แก้จนแบบจีน” โดยระบุด้วยว่า ได้รับเชิญไปบรรยายให้คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาได้รับฟังด้วย
จึงขอนำใจความสำคัญบางส่วนที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ เผยแพร่เพื่อร่วมกันพิจารณาในวงกว้าง ดังนี้
“...#แก้จนแบบจีน เป้าหมาย 2020 ความยากจนต้องหมดสิ้นไปจากแผ่นดินจีน !!!
#จีนคิดใหญ่มองไกล จีนแก้จนเฉลี่ยปีละ 10 ล้านคนได้อย่างไร ?
จีนจะทำสำเร็จตามเป้า 2020 หรือไม่?
….
1) จีนแก้จนแบบตรงจุด !!! ไม่เหวี่ยงแหแก้ปัญหา
Targeted Poverty Alleviation แก้จนจากสภาพความเป็นจริงของปัญหา + ปรับให้เหมาะกับบริบทท้องถิ่น
2) จีนแก้จนด้วยเทคโนโลยีและวิเคราะห์ Big Data
3) ส่งจนท. กว่า 2 ล้านคน ไปลงพื้นที่คุยกับชาวบ้านเพื่อวิเคราะห์ปัญหารายครัวเรือน แล้วเอามาออกแบบทำ personalized plan และมีหน่วยงานดูแลสอดส่องและตามงานอย่างใกล้ชิด
4) แก้ปัญหาแบบ “วัดตัวตัด” Tailor Made แต่ละบุคคล แต่ละหมู่บ้านมีสาเหตุของปัญหาความยากจนที่แตกต่างกัน และตั้งกองทุนแก้ปัญหาที่หลากหลาย
5) แนวทางการแก้จนในกรอบ “สองไม่กังวล สามประกัน” คือ
สองไม่กังวล คือ ไม่กังวลว่าไม่มีจะกินและไม่กังวลว่าจะไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่
สามประกัน คือ ประกันที่อยู่อาศัย ประกันการรักษาพยาบาลและประกันการศึกษา
6) แบ่ง 6 ระบบย่อยเพื่อติดตามผล คือ มาตรการ-ตั้งทีมงาน-ประเมิน-รับผิดชอบ-ปฏิบัติ-ติดตามตรวจสอบ
7) จับมือเอกชนมาช่วยแก้จน เช่น เครืออาลีบาบาทำ “โมเดลเถาเป่า”Taobao Village ช่วยหมู่บ้านชนบทห่างไกลรวมตัวกันทำการค้าออนไลน์ เพื่อสร้างรายได้ให้ชุมชน
อย่างไรก็ดี แม้จีนจะมีคนจนลดลง แต่ก็ยังมี Income Gap ความเหลื่อมล้ำยังคงอยู่บนแผ่นดินจีน !!!
ปักกิ่ง มีรายได้ต่อหัวต่อคนสูงสุด 21,188 US$ ต่อปี
กานซู่ มีรายได้ต่อหัวต่อคนต่ำสุด 4,735 US$ ต่อปี
ค่าดัชนี Gini ของจีนยังคงสูงมากเช่นกัน #จีนซับซ้อนซ่อนเงื่อน
note : การทำโมเดลเถาเป่าก็ไม่ง่าย และไม่ใช่แค่รอรับการช่วยเหลือจากรัฐ !!! แต่คนในชนบทห่างไกลจะต้องมี passion ในการทำธุรกิจสูง และมีเงื่อนไขในการเข้าร่วม Taobao Village เช่น
(1) เป็นพื้นที่ที่มีร้านค้าออนไลน์อยู่แล้วอย่างน้อย 100 ร้านที่เป็น active online shops และมีอย่างน้อย 10% ของสมาชิกในหมู่บ้านจะต้องเป็นผู้ทำการค้าผ่านระบบ e-commerce
(2) ต้องมียอด e-commerce transaction รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านหยวนต่อปี”
ข้างต้นนั้น คือ เกร็ดความรู้อย่างย่อ โดย ดร.อักษรศรีพานิชสาส์น ซึ่งน่าสนใจมาก
อย่างไรก็ตาม สำหรับการแก้จนในบ้านเรา สุดท้าย เราก็คงต้องทำแบบไทย คือ จะต้องคำนึงถึงบริบท สภาพแวดล้อม และจุดแข็งจุดอ่อนของสังคมไทยเรา ในแต่ละภูมิภาค แต่ละชุมชนเลยด้วยซ้ำ
สำคัญที่สุด ประชาชนเองจะต้องมีส่วนร่วมในการปรับเปลี่ยนตัวเองด้วย ส่วนนโยบายรัฐบาลก็จะต้องเอาจริง ไม่ใช่แค่สร้างภาพ และดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่อง มิใช่เปลี่ยนไป-มาตามกระแสการเมืองเฉพาะหน้า
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี