ขอฝากเรื่องนี้ไปยังใครก็ได้ ที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารบ้านเมืองต่อไป คือขอให้คิดให้เป็น ทำให้เป็น ในการบริหารจัดการบ้านเมืองให้หลุดพ้นออกจากหลุมดำที่มืดมิดไร้แสงสว่าง ผู้คนในบ้านเมืองยังคงลำบากยากแค้นในชีวิตความเป็นอยู่แต่ละวัน
เพราะที่ผ่านมานั้น การบริหารจัดการต่างๆไม่ค่อยจะดำเนินไปอย่างคนคิดเป็น ทำเป็น นอกจากการโฆษณาอย่างโน้นอย่างนี้ที่ไม่ค่อยจะเป็นสาระ หรือไม่ถูกทิศถูกทางในการพาผู้คนในบ้านเมืองออกจากหลุมดำ ไปสู่แสงสว่าง
นโยบายและมาตรการปฏิบัติหลายอย่างควรปัดฝุ่นดู
หันกลับมาให้ความสำคัญอย่างจริงจังกับปัญหาหลักและปัญหารองๆที่ผู้คนในบ้านเมืองประสบอยู่ โดยเฉพาะปัญหาความยากจนของประชาชน ปัญหาการทุจริตคดโกง ตลอดจนผู้คนที่จะนำมาใช้งานแก้ปัญหาต่างๆดังกล่าว ว่าเป็นคนอย่างไร ทั้งความประพฤติและประสบการณ์
เพราะทั้งสองปัญหาดังกล่าวมีความสำคัญขั้นพื้นฐาน ที่จะเป็นสาเหตุสำคัญในความมั่นคงของประเทศ ถ้าประชาชนไม่แข็งแรง ประเทศก็ไม่แข็งแรง หรือถ้ามีการทุจริตคดโกงกันในทุกระดับ ประเทศชาติก็ล่มสลาย เหมือนๆ ในหลายๆ ประเทศที่เคยเกิดให้เห็น
นี่เป็นเพียงปัญหาพื้นฐานสำคัญที่ต้องจัดการก่อนให้เป็นและถูกต้องให้ได้ก่อนอย่างจริงจัง เพราะทั้งสองปัญหานี้ฉุดบ้านเมืองให้ออกจากหลุมดำไม่ได้มานานแล้ว
นโยบายรัฐบาลก็ดี แนวทางและมาตรการในการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ต้องกำหนดให้ชัดเจน เฉพาะอย่างยิ่งการติดตามประเมินผลในทางปฏิบัติ ที่จะต้องมีการกระทำให้ถูกต้องด้วย
ถ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร และตรงไหนก่อน ตรงไหนหลัง ขอให้ไปดูคำแนะนำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ซึ่งพระองค์เองได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในชนบททุกภาคของประเทศ ทรงทราบปัญหาต่างๆ ดังกล่าวเป็นอย่างดี และได้มีพระราชดำริที่จะแก้ปัญหาของประชาชนในชนบท ด้วยวิธีการต่างๆหลายประการตามลักษณะของปัญหา
แนวทางสำคัญคือมุ่งช่วยเหลือพัฒนาให้พึ่งตนเองได้
การที่ราษฎรในชนบทจะสามารถพัฒนาพึ่งตัวเองได้นั้น ทรงเน้นการพัฒนาอย่างน้อยใน 2 ประการประการแรก ได้แก่การสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน โครงสร้างพื้นฐานหลักที่จำเป็นต่อการผลิต อันจะเป็นรากฐานนำไปสู่การพึ่งตนเองได้ในระยะยาว โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญคือแหล่งน้ำ เพราะแหล่งน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกษตรกรโดยเฉพาะที่ต้องพึ่งพาแต่น้ำฝนได้มีโอกาสที่จะผลิตได้ตลอดปี เป็นเงื่อนไขข้อแรกที่จะทำให้ชุมชนพึ่งตนเองได้ในเรื่องอาหารได้ระดับหนึ่ง และเมื่อชุมชนแข็งแรงพร้อมดีแล้ว ก็อาจจะมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการยกระดับรายได้ของชุมชน เช่น เส้นทางคมนาคม ฯลฯ การพัฒนาในลักษณะที่เป็นการมุ่งเตรียมชุมชนให้พร้อมติดต่อ สัมพันธ์ กับที่ต่างๆซึ่งจะตามมาเป็นขั้นตอนอย่างนี้ ทรงเรียกว่า“การระเบิดจากข้างใน ”
ต่อมาจากนี้ก็คือ การส่งเสริมหรือสร้างเสริมสิ่งที่ชาวชนบทขาดแคลน และเป็นความต้องการอย่างสำคัญ ซึ่งก็คือเรื่องของความรู้ในเรื่องการทำมาหากิน การทำการเกษตร โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะการพึ่งตนเอง
ในทางปฏิบัติ การที่จะบรรลุถึงเป้าหมายตามแนวทางดังกล่าวข้างต้นนั้น ได้ทรงใช้เทคนิควิธีการต่างๆหลายประการ ประการแรกคือ การพัฒนาโดยยึดปัญหาและสภาพแวดล้อมของแต่ละพื้นที่เป็นหลักโดยเฉพาะในเรื่องความกระตือรือร้นของคนในพื้นที่ รวมทั้งปัญหาและความต้องการของเขาเหล่านั้นมากเป็นพิเศษ ด้วยพระราชดำรัสที่ว่า
“การพัฒนาจะต้องเป็นไปตามภูมิประเทศทางภูมิศาสตร์ และภูมิประเทศทางสังคมศาสตร์ในสังคมวิทยา ภูมิประเทศตามสังคมวิทยาคือ นิสัยใจคอของคนเราจะไปบังคับให้คนคิดอย่างอื่นไม่ได้ เราต้องแนะนำ เราต้องเข้าไป ไปช่วยโดยที่จะตัดเขาให้เข้ากับเราไม่ได้ แต่ถ้าเราเข้าไปแล้ว เราเข้าไปดูว่าเขาต้องการอะไรจริงๆ แล้วก็อธิบายให้เขาเข้าใจ หลักการของการเข้าไปพัฒนานี้ก็จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่ง”
หลักการพัฒนาชนบทที่สำคัญต่อมาคือ การรวมกลุ่มประชาชนเพื่อแก้ปัญหาหลักของชนบท ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญอย่างหนึ่งของการพัฒนาพึ่งตนเองโดยเฉพาะการรวมตัวกันในรูปของสหกรณ์ทุกพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาที่ชุมชนเผชิญอยู่ร่วมกัน หรือเพื่อให้การทำมาหากินของชุมชนโดยส่วนรวมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัด
การพัฒนาโดยกระตุ้นให้ผู้นำชุมชนให้เป็นตัวนำในการพัฒนา ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ใช้ในพื้นที่บางแห่งตามความเหมาะสม โดยเน้นผู้นำในด้านคุณธรรม ความโอบอ้อมอารี ความเป็นคนในท้องถิ่นและรักท้องถิ่น
หลักการพัฒนาอีกประการหนึ่งก็คือ จะต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่รีบร้อน และชุมชนควรพึ่งตนเองได้ในเรื่องอาหารก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงค่อยก้าวไปสู่การพัฒนาเรื่องอื่นๆ
นี่คือแนวทางการพัฒนาความเป็นอยู่ของผู้คนในชนบทที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ทรงพระราชทานไว้ให้จากการที่ได้ไปช่วยเหลือผู้คนในชนบทต่างๆ
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี