การแถลงล่าสุดของประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อคืนวันที่ 8 มกราคม 2563 เป็นการส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่าเกลียวสงครามและชนวนสงครามที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ก่อขึ้นในความขัดแย้งใหญ่ครั้งนี้มีทีท่าว่าจะคลี่คลายไป
ในการแถลงข่าวดังกล่าวสื่อตะวันตกรายงานตรงกันว่า เป็นการแถลงด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือแต่ไม่ระบุว่าเป็นความสั่นเครือของความผิดหวังขั้นสูงสุด หรือว่าเป็นความสั่นเครือแบบไหน ซึ่งอากัปกิริยาเช่นนี้ย่อมสะท้อนถึงภาวะความคิดจิตใจของปุถุชน โดยเฉพาะผู้ที่มีความแคล่วคล่องว่องไวฉลาดเฉลียวอย่างประธานาธิบดีทรัมป์
การจุดชนวนสงครามจนเป็นที่หวาดหวั่นกันทั่วโลกว่าจะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่สามในครั้งนี้เป็นเพราะฝีมือของประธานาธิบดีทรัมป์โดยตรง และเป็นความรับผิดชอบโดยเฉพาะของประธานาธิบดีทรัมป์และทีมงานใกล้ชิด โดยเฉพาะคือรัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ เพราะองค์กรที่เป็นศูนย์รวมแห่งอำนาจสูงสุดของสหรัฐคือสภาคองเกรสไม่ได้รับทราบด้วย และการกระทำนั้นก็ไม่เคยมีการขออนุมัติจากสภาคองเกรสเลย
เพราะเหตุนี้เป้าหมายการล้างแค้นของชาวชีอะห์และชาวอิหร่าน รวมทั้งชาวอิรักจึงจำแนกแยกแยะอย่างชัดเจนและพุ่งเป้าไปที่ประธานาธิบดีทรัมป์ รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศโดยตรง
คงจะจำกันได้ว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้นมีสื่อมวลชนอังกฤษรายหนึ่งชื่อนายลัสดี ได้เขียนบทความและรายงานข่าวหลายครั้งในลักษณะเหยียดหยามพระเป็นเจ้าและพระบรมศาสดา ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ท่านอิหม่ามโคไมนี่ผู้นำการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านจึงออกคำวินิจฉัยทางศาสนา หรือคำฟัตตวากำหนดให้มุสลิมทุกคนมีหน้าที่ในการสังหารนายลัสดีในทุกที่ทุกเวลาที่พบปะ เป็นเหตุให้นายลัสดีต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนไม่กล้าปรากฏตัวเลยจนกระทั่งถึงทุกวันนี้เพราะมุสลิมทั้งหลายยังคงถือเป็นภาระหน้าที่สำคัญทางศาสนาที่จะต้องประหารนายลัสดีให้ได้ นั่นคือชะตากรรมของนายลัสดีซึ่งรู้กันดีทั่วโลก
ทว่าในครั้งนี้ท่านอิหม่ามคาเมนี่ผู้นำสูงสุดของนิกายชีอะห์โลกและอิหร่านอาจจะพิจารณาเห็นว่าแม้การลอบสังหารนายพลกาเซ็ม โซไลมานี ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญสูงสุดของอิหร่านและการปฏิวัติอิสลามแต่ก็ยังคงอยู่ในวงจำกัด ไม่ถึงขนาดที่กระทบต่อศาสนาและมุสลิมทั่วโลกในภาพรวม จึงอาจเป็นเหตุที่ท่านอิหม่ามคาเมนี่มิได้ออกคำฟัตตวาเช่นเดียวกับท่านอิหม่ามโคไมนี่
แต่ทว่าท่านอิหม่ามคาเมนีก็ได้ออกคำวินิจฉัยหรือคำฟัตตวาแล้วว่าการเสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารครั้งนี้เป็นการพลีชีพหรือชาฮีด ในสงครามศาสนา
อันศักดิ์สิทธิ์หรือจีฮัด และวินิจฉัยว่าเลือดของชาฮีดกาเซ็มฯบริสุทธิ์ ซึ่งตามหลักศาสนาย่อมต้องฝังศพโดยไม่ต้องอาบน้ำศพเหมือนการตายทั่วไป นอกจากนั้นก็ได้วินิจฉัยให้มีการล้างแค้นผู้ที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้โดยมีเป้าหมายคือประธานาธิบดีทรัมป์ รัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐ แต่ไม่ชัดเจนว่าจะครอบคลุมไปถึงผู้คนในครอบครัวหรือไม่
หลังจากท่านอิหม่ามคาเมนี่มีคำฟัตตวาเช่นนั้น จึงมีการชักธงสีเลือดขึ้นเหนือสุเหร่าสำคัญของนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นสุเหร่าที่ก่อสร้างขึ้นมาแต่โบราณเพื่อรอการกลับมาอุบัติของท่านอิหม่ามมะหะดีอ์ อิหม่ามองค์ที่ 12 ที่จะมาอุบัติโปรดชาวโลกในอนาคตกาล ซึ่งเป็นธงสัญญาณบอกแก่ชาวมุสลิมโดยเฉพาะชาวชีอะห์ทั่วโลกว่าภารกิจล้างแค้นหนี้เลือดให้กับท่านชาฮีดกาเซ็มฯ นั้นเป็นภาระสำคัญที่สุดภารกิจหนึ่ง และตราบใดที่การล้างหนี้เลือดนี้ยังไม่สำเร็จลง ธงสีเลือดนั้นก็จะไม่ถูกชักลงจากสุเหร่าสำคัญเป็นอันขาด
การสังหารนายพลกาเซ็ม โซไลมานี นั้นเป็นข่าวใหญ่ของโลกจากการเขียนทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีทรัมป์เอง ซึ่งในการเขียนทวิตเตอร์นั้นได้ระบุชัดเจนว่า
ท่านนายพลกาเซ็ม โซไลมานี เป็นหัวหน้าใหญ่ของการก่อการร้าย และได้ลอบเดินทางเข้าไปในอิรักเพื่อปรึกษาหรือกับขบวนการก่อการร้ายเพื่อก่อการร้ายฐานทัพและเหล่าทหาร รวมทั้งนักการทูตของสหรัฐในตะวันออกกลาง ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสียหายและป้องกันสงครามในอนาคตจึงต้องสังหารท่านนายพลกาเซ็ม โซไลมานี เสียอย่างเหี้ยมโหดอำมหิต
ในขณะเดียวกัน ทางอิหร่านก็ได้แถลงการณ์หลายครั้งปฏิเสธข้อกล่าวหาของประธานาธิบดีทรัมป์ และกล่าวหาว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นอาชญากรลอบสังหารท่านนายพลกาเซ็ม โซไลมานี พร้อมกับผู้บัญชาการทหารคนสำคัญของรัฐบาลอิรักด้วย
ข้อเท็จจริงสองเรื่องดังกล่าวจึงยันกันอยู่ชาวโลกจึงไม่อาจฟังไปทางใดทางหนึ่งได้ว่าทางไหนจริงทางไหนเท็จ
จนกระทั่งมีการประชุมรัฐสภาอิรักเพื่อพิจารณาญัตติขับไล่ฐานทัพและกองทหารทั้งหมดของสหรัฐออกไปจากดินแดนอิรักในฐานะที่อิรักเป็นเจ้าของอธิปไตยของประเทศนั้น ซึ่งรัฐสภาอิรักลงมติด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ให้ขับไล่ฐานทัพและกองทหารทั้งหมดของสหรัฐออกไป
และทันทีที่รัฐสภาอิรักมีมติดังกล่าว ประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ได้เขียนทวิตเตอร์สวนในทันควันว่าจะไม่ยอมถอนทหารสหรัฐออกจากอิรักโดยเด็ดขาด เว้นแต่รัฐบาลอิรักจะจ่ายค่าก่อสร้างฐานทัพสหรัฐในอิรักพร้อมกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้แก่สหรัฐก่อน
ทำให้เกิดการตะลึงและหวั่นไหวกับบรรดาประเทศทั้งหลายในโลกที่สหรัฐไปตั้งฐานทัพและกองทหารอยู่ร่วม 800 แห่ง ว่าชะตากรรมนี้จะตกแก่บ้านเมืองของตนเองในอนาคตเหมือนกันหรือไม่
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี