แม่น้ำโขงนั้นมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำโขงมาช้านาน โดยมีความยาว 3,032 ไมล์ (4,880 กิโลเมตร) จัดเป็นลำดับที่ 2 ของเอเชีย ไหลผ่าน 6 ประเทศ คือ จีน เมียนมา ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม
ส่วนในทวีปแอฟริกามี แม่น้ำไนล์ เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในทวีปแอฟริกา โดยมีความยาวถึง 4,160 ไมล์ (6,695 กิโลเมตร) ไหลจากใต้ขึ้นเหนือผ่าน 3 ประเทศ คือ เอธิโอเปีย ซูดาน และอียิปต์
เอธิโอเปียเป็นประเทศต้นน้ำแม่น้ำไนล์ ด้วยสาขาหลักคือ ลำน้ำบลูไนล์ (Blue Nile) ส่วนซูดานอยู่ตรงกลาง และอียิปต์อยู่ปากแม่น้ำที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ณ วันนี้ เอธิโอเปียกำลังสร้างเขื่อนไฟฟ้าขนาดยักษ์กำลังผลิต 6,000 กว่ากิโลวัตต์ เพื่อรองรับความต้องการของครัวเรือน ที่ประชากรร้อยละ 80 ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ และเพื่อแก้ปัญหาขาดการลงทุนด้านอุตสาหกรรม เนื่องจากเมื่อไม่มีกระแสไฟฟ้า ก็ไม่สามารถเปิดโรงงานได้ โดยเขื่อนกักน้ำผลิตไฟฟ้าดังกล่าวได้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 และมีความคืบหน้ากว่าร้อยละ 80 และเมื่อเอธิโอเปียสร้างเขื่อนเสร็จ (ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีก 5-6 ปี ข้างหน้า) ก็จะเริ่มกระบวนการกักเก็บน้ำให้เต็มเขื่อน และวางเป้าหมายที่จะทำให้ได้ภายในระยะเวลา 6 ปี
ที่ผ่านมา ซูดาน และอียิปต์ ในฐานะประเทศปลายน้ำก็พยายามทำการคัดค้าน การก่อสร้างเขื่อนนี้ของเอธิโอเปียมาโดยตลอด เพราะกลัวว่าจะทำให้ทั้ง 2 ประเทศ ขาดน้ำ เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติอื่น ด้วยว่าต่างเป็นประเทศท่ามกลางทะเลทรายที่ฝนแทบจะไม่มี ต้องพึ่งน้ำจากแม่น้ำไนล์เป็นหลักเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องของชีวิตและความอยู่รอดของประเทศ อีกทั้งอียิปต์ยังมีเขื่อนอัสวาน (Aswan) ซึ่งใช้เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานน้ำที่สำคัญที่สุดสำหรับประเทศ อียิปต์จึงมีความต้องการน้ำจากแม่น้ำไนล์เพื่อผลิตไฟฟ้าป้อนอุตสาหกรรม นอกจากความต้องการทางการเกษตร และเพื่อครัวเรือน
ความเห็นต่างในเรื่องเขื่อนของเอธิโอเปียได้นำไปสู่ความขัดแย้งถึงขั้นที่ว่า หากไม่สามารถหาทางออก ไม่มีการออมชอมกันก็จะนำไปสู่สงครามแย่งน้ำ (Water War) ได้ ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อฝ่ายใดเลย และยังจะส่งผลกระทบไปทั่วตะวันออกกลาง และแอฟริกา ว่าประเทศไหนจะเข้ามาแทรกแซง และใครจะถือหางฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
แต่ถือว่าโลกนี้ยังมีโชคอยู่บ้างที่ทั้ง 3 ประเทศสามารถตกลงกันได้ในหลักการ โดยล่าสุด ได้มีการออกแถลงการณ์ร่วมกันที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา จากการเป็นธุระไกล่เกลี่ย (Broker) โดยสหรัฐอเมริกา และธนาคารโลก และจะมีการลงนามเป็นข้อตกลงผูกมัดกันในเร็ววันนี้
ส่วนประเด็นที่ยังต้องถกเถียงต่อรองหาข้อยุติสมานฉันท์ก็คือ ระยะเวลาของการ “เติม” น้ำให้เต็มเขื่อนที่ชื่อว่า Grand Ethiopian Renaissance Dam - GERD (การเสริมสร้างความรุ่งเรืองที่ยิ่งใหญ่) โดยฝ่ายเอธิโอเปียขอใช้ระยะเวลาเพียง 6 ปีในขณะที่ฝ่ายอียิปต์และซูดานขอให้ยืดระยะเวลาออกไปเป็น 10 ถึง 21 ปี กล่าวคือให้ค่อยๆ กักน้ำ เติมน้ำให้เต็มเขื่อน อย่ากักในทีเดียวเพื่อเป็นการประกันว่า จะมีน้ำไหลลงสู่ปากแม่น้ำไนล์อย่างราบรื่น และเพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ต่างๆ
ซึ่งชาวโลกก็คาดว่า ทั้งสามประเทศคงจะสามารถตกลงในเรื่องจำนวนปีของการเติมน้ำให้เต็มเขื่อน บนพื้นฐานจิตใจแห่งการออมชอม โอนอ่อนต่อกันและกัน ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีไม่ปล่อยให้เรื่องค้างคา และกลายเป็นอริต่อกันอย่างไม่จบสิ้น
ทั้งนี้ เครดิตก็ต้องยกให้กับวิสัยทัศน์ และสติของผู้นำของทั้ง 3 ประเทศ บวกกับการใช้อิทธิพล และทุนทรัพย์ไปในทางสร้างสรรค์ของสหรัฐอเมริกา ผู้เป็นขาใหญ่สุดของธนาคารโลก ในฐานะผู้ให้เงินกู้ก่อสร้างเขื่อน ซึ่งจะได้เงินต้นและดอกเบี้ยกลับมาคุ้มทุน เป็นการขจัดความเสี่ยง และความเสียหายจากการให้เอธิโอเปียกู้เงิน
ทั้งหมดนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่า การที่สหรัฐอเมริกาจะกลับมายิ่งใหญ่ (Make America Great Again) นั้น ไม่จำเป็นต้องไปแสดงตนเป็นคู่กรณีกับความไม่ถูกต้องต่างๆ โดยตรง หากแต่ยังสามารถเลือกเล่นบทเป็นเครื่องมือเสริมสร้างเสถียรภาพและสันติภาพก็ได้
แม่น้ำไนล์เคยมีข้อตกลงเมื่อปี ค.ศ. 1929 โดย เอธิโอเปียจะต้องอำนวย และประกันการมีน้ำใช้ของอียิปต์ ซึ่งช่วงนั้นอียิปต์ยังอยู่ในอาณัติของเจ้าอาณานิคมอังกฤษ ในขณะที่เอธิโอเปียอ่อนแอ ขาดอำนาจต่อรอง ทำให้ข้อตกลงดังกล่าวขาดความชอบธรรม และกลายเป็นโมฆะไปโดยปริยาย และบัดนี้ ก็ได้มีกระบวนการแก้ไขด้วยข้อตกลงใหญ่ โดยประเทศทั้ง 3 ที่มีความเป็นเอกราช และมีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง เข้าร่วมกระบวนการ
เมื่อมองดูการแก้ปัญหาการใช้ทรัพยากรน้ำในแม่น้ำไนล์แล้ว ก็สามารถพูดได้ว่ามีความก้าวหน้า เพราะสะท้อนภาพความร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ และการแบ่งผลประโยชน์ที่ลงตัว
ภายใต้บรรยากาศการออมชอมต่อกันและกัน
ในขณะเมื่อมองกลับมายังปัญหาการแบ่งใช้ทรัพยากรน้ำในแม่น้ำโขงของเรา จะหวังให้สหรัฐอเมริกา และธนาคารโลกเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยประคับประคอง ก็คงจะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากจีนถือว่าปัจจุบันตนเป็นประเทศใหญ่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาประเทศใดๆ จึงไม่ประสงค์ให้ผู้อยู่นอกเขตลุ่มแม่น้ำโขงเข้ามาแทรกแซง
พฤติกรรมของจีนนั้นเป็นที่หนักใจของประเทศปลายน้ำโขงอื่นๆ เนื่องจากไม่สนใจความเดือดร้อนของประเทศอื่นๆ ที่ต้องอาศัยการแบ่งใช้ทรัพยากรน้ำแม่น้ำโขง โดยจีนได้สร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงมาแล้ว 10 เขื่อน แถมยังมีแผนจะสร้างเพิ่มอีก 10-11 เขื่อน
เช่นเดียวกับความยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ ที่กิดขึ้นได้ไม่ใช่เพราะการกระทำที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน แต่มองประโยชน์ส่วนรวมของภูมิภาคเป็นหลัก ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงของจีนนั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อจีนไม่เอาแต่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องทรัพยากรน้ำแม่น้ำโขง
จีนควรจะเชิญอีก 5 ประเทศมาร่วมกันตกลงถึงข้อกำหนดต่างๆ ที่เหมาะสมต่อการประกันการใช้ทรัพยากรน้ำในแม่น้ำโขง ทั้งในด้านการสัญจร และการผลิตไฟฟ้า และการรักษาธรรมชาติแวดล้อมและวิถีชีวิต ตราบใดที่ยังไม่มีข้อตกลง ก็หมายความว่าประเทศอื่นๆ ต้องยอมตาม ยอมจำนนการตัดสินใจของจีน ซึ่งไม่ใช่การร่วมมือกัน โดยในวันนี้ ประเทศต้นน้ำสองประเทศคือ จีน และลาว ต่างก็เอารัดเอาเปรียบประเทศที่เหลือในการสร้างเขื่อนและกักเก็บน้ำโดยไม่สนใจประเทศอื่นๆ ที่ต้องร่วมใช้
มิตรภาพในลุ่มแม่น้ำโขงจึงไม่เกิดอย่างแท้จริง หากแต่เป็นมิตรภาพแบบเสแสร้ง เอาประโยชน์ตนเป็นที่ตั้ง แทนที่จะออกมาในรูปแบบประเทศใหญ่คิดถึงผู้อื่น ส่งผลให้ความยิ่งใหญ่ที่จีนคาดหวังว่าจะได้รับ กลายเป็นเพียงการยอมจำนนจากประเทศที่เล็กกว่า ไม่ใช่เกิดจากการที่เขาเคารพ เลื่อมใส
ในเรื่องปัญหาการแบ่งปันทรัพยากรน้ำ ในแม่น้ำขนาดใหญ่ เช่น แม่น้ำไนล์ หากประเทศอียิปต์ ซูดาน และเอธิโอเปีย เขาสามารถตกลง ทำความเข้าใจกันได้ ไฉน 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงจะทำไม่ได้เล่า เพียงแต่ผู้นำจะต้องมีวิสัยทัศน์ มีมิตรจิตมิตรใจต่อกันและคิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก
ในเรื่องปัญหาการแบ่งใช้ทรัพยากรน้ำในแม่น้ำโขง จีนต้องคิดให้หนัก คิดให้ดี ตราบใดที่จีนไม่เอาตัวลงมาแก้ไขปัญหาแม่น้ำโขงอย่างจริงจังกับประเทศที่เหลือแล้ว ความหวาดระแวง ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจต่อจีน ก็จะคงมีอยู่ต่อไป
และเมื่อถึงจุดหนึ่งก็อาจกลับกลายมาเป็นการขัดแย้ง และเผชิญหน้ากันโดยใช่เหตุ ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อจีน ต่ออาเซียน และต่อประชาคมโลก
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี