แข่งเรือแข่งพายนั้นแข่งได้ แต่แข่งบุญวาสนายากยิ่ง เป็นสัจธรรมในสังคมโลก
“ราเมศ รัตนะเชวง” ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องเดินบนเส้นทางการเมืองที่เต็มไปด้วยมรสุม ไร้บุญวาสนา ไล่ล่าความฝันด้วยความพยายาม
จากเด็กบ้านนอกก้าวทะยานสู่ทำเนียบ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นับว่าไม่ธรรมดา และนับว่า นายจุรินทร์ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค เลือกคนไม่ผิดจริงๆ เพราะโฆษกราเมศไม่เคยพูดให้พรรคเกิดความเสียหายเลยแม้แต่น้อยหลายคนในพรรคบอกว่าพูดออกไปพรรคมีแต่บวกไม่มีติดลบ เมื่อก้าวเป็นโฆษกพรรคเขาลดความดุดันลง
แต่ที่เพิ่มเติมมานั้นคือความนิ่ง ความเฉียบ ความคม ในการตอบคำถามสื่อมวลชน อย่างมีสาระและเหตุผลรองรับในประเด็นต่างๆ
โฆษกราเมศ เติบโตมาจากชนบท บ้านนอกเต็มภาคภูมิ เกิดและเรียนชั้นประถมและมัธยมที่จังหวัดพังงา มุ่งมั่นที่จะเรียนกฎหมาย จึงมุ่งหน้ามาสู่มหาวิทยาลัยคนจนคือรามคำแหง จบกฎหมายก็ไปต่อเป็นเนติบัณฑิตไทย แต่ไม่มุ่งไปสายผู้พิพากษาหรืออัยการ แต่เลือกที่จะเป็นทนายความ แต่เจ้าตัวเน้นเป็นทนายที่เป็นปากเสียงให้กับพี่น้องประชาชน ตามอุดมการณ์ที่แรงกล้า
ราเมศเริ่มต้นการเป็นทนายความพร้อมทั้งฝึกฝนงานด้านการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ปลายปี 2550 จนได้แสดงฝีมือจากคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ภาค 2 ในปี 2553 ที่นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นทางการเมืองที่ดียิ่ง ที่ได้แสดงฝีมือนักกฎหมายหนุ่มให้นายชวน หลีกภัย ได้เห็นถึงความสามารถจนก้าวขึ้นเป็นอีกหนึ่งขุนพลคนสำคัญที่มาเสริมกำลังให้กับนายชวน
การฝึกฝนวิทยายุทธจากปรมาจารย์ทางกฎหมายและการเมืองจากสำนักประชาธิปัตย์ ทั้งจาก ชวน หลีกภัย, บัณฑิต ศิริพันธุ์, นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ โฆษกราเมศจึงได้เปรียบมากกว่าคนอื่นในเรื่องกฎหมายและการเมืองมีครบถ้วน กระบวนยุทธ์
ช่วงยึดอำนาจ ชวน หลีกภัย ได้ส่งราเมศไปเล่าเรียนถึงอเมริกาเพื่อเพิ่มเติมหาความรู้แม้แต่รัฐบาลอเมริกายังตามเก็บคำให้สัมภาษณ์มาตลอดด้วยหลักการปี 2561 จึงให้ราเมศกำหนดหลักสูตรกฎหมายและสิทธิมนุษยชนไปเล่าเรียนที่อเมริกา ภายใต้โครงการ IVLP ที่ศิษย์เก่ามีแต่คนที่เป็นผู้นำแทบทั้งสิ้น
พูดถึงบทบาทในด้านกฎหมาย ได้ผ่านคดีสำคัญๆ มามาก เช่น คดียุบพรรค คดีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ตรวจสอบจนมีคนติดคุกไปหลายคน และทุกคดีของพรรคจะผ่านการทำคดีจากนักกฎหมายคนนี้แทบทั้งสิ้นจนเป็นยาสามัญประจำบ้านพรรคประชาธิปัตย์
บทบาทในทางการเมืองการได้แสดงบทบาทที่สำคัญในตำแหน่งรองโฆษกมาร่วม 10 ปี ยิ่งทำให้เห็นแววทายาทประชาธิปัตย์มากขึ้น จนก้าวสู่การเป็นโฆษกพรรค และปัจจุบันตำแหน่งที่คู่ควรและทรงเกียรติ คือ เลขานุการประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัยประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ มีคนเล่าว่าผู้อาวุโสหลายคนในพรรคพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ฝากพรรคไว้กับราเมศในภายภาคหน้า
ด้วยความเป็นลูกชาวบ้าน ไม่ได้ร่ำรวยเงินทอง แต่กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์คนชื่อราเมศ กับการก้มหน้าก้มตาลงแรงทำงานแบบถวายชีวิตให้กับประชาธิปัตย์ แม้ว่า
ช่วงที่พรรครุ่งโรจน์เป็นรัฐบาลแต่ได้ทำหน้าที่โฆษกพรรคที่แปลกตาแปลกใจโดยการรุกเข้าถึงประชาชนโดยโครงการโฆษกประชาธิปัตย์สัญจรสอนกฎหมายและการเมืองให้กับประชาชนตามที่ตนถนัด โดยไม่มีบ่นสักคำ จนท้ายที่สุดพระแม่ธรณีเมตตาให้ไปทำหน้าที่สำคัญเป็นเลขานุการประธานรัฐสภา จนเสียงปรบมือดังลั่นในพรรคด้วยความดีใจ
หนทางของเด็กบ้านนอกคนนี้คงต้องจับตามองเพราะเมื่อไล่เลียงตัวละครในพรรคแล้วหนทางข้างหน้าในอนาคตคงต้องอย่ากะพริบตาเพราะถ้าเปรียบกับต้นไม้เขาคือไม้ยืนต้นหาใช่ไม้ล้มลุกหรือบอนไซมา
หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันเคยกล่าวถึงราเมศเป็นการส่วนตัวกับบรรณาธิการข่าวคนหนึ่งว่า “ราเมศไม่ใช่ถูกบ่มด้วยแก๊ส แต่สุกโดยธรรมชาติ ก็ต้องรอดูว่าในพรรคประชาธิปัตย์บางคนที่ถูกบ่มแก๊สจะรสชาติอร่อยแค่ไหน ระยะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เช่นกัน ราเมศเป็นนักการเมืองถ้าวัดคุณค่าราคาเชื่อว่าเกินกว่ากรอบวงเงินที่ประกันราคาอย่างแน่นอน รับประกัน”
ผมขอแสดงความยินดีกับท่านเลขานุการประธานรัฐสภา ด้วยครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี