วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ในภาวะที่เรียกว่าหนักหนาสาหัสและน่าห่วงเป็นอย่างยิ่งเพราะมีเรื่องรุมเร้าเข้ามาจากหลายๆ ด้าน เช่น ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงปี 2562, ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน, ไวรัสโควิด-19, ภัยธรรมชาติ จากภาวะฝนแล้งข้ามปี,ค่าเงินบาทแข็งทำให้การส่งสินค้าออกลดลงและเงินงบประมาณปี 2563 ออกช้าเพราะตั้งรัฐบาลช้า ฯลฯ ยังผลให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า ปี 2562 ภาวะเศรษฐกิจถดถอยเหลือทั้งปีแค่ร้อยละ 2.4
ทำให้ภาวะเศรษฐกิจซึมยาวจนจะเป็นเศรษฐกิจถดถอยมีสภาพเป็น Economic Recression เหมือนโลกในยุคปี 2473 หรือ 1930 ทำให้ต้องมีการประเมินใหม่ว่าปี 2563 ประเทศไทยจะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอัตราแค่ร้อยละ 1.5 ถึงร้อยละ 2.5 เท่านั้นจึงเป็นปัญหาที่ต้องรีบแก้ไขโดยเร็วตามหลักวิชาเศรษฐกิจมหภาคของลอร์ดจอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ ซึ่งต้องใช้มาตรการผสมระหว่างการเงินผสมกับการคลังควบคู่กันไป
มาตรการทางด้านการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้นำร่องประกาศผ่านคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)ไปแล้วคือการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเหลือร้อยละ 1 มาตรการอื่นๆ ก็คือการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปสู่ระบบพร้อมๆ กันหลายๆ วิธีได้แก่ การเพิ่มวงเงินรับซื้อสินค้าทางด้านการเกษตรกรรมอย่างที่ทำกับปาล์มน้ำมัน เช่นเพิ่มราคารับซื้อยางพารา,ข้าวโพด รวมไปถึงผลไม้ต่างๆเพราะผลไม้มีปัญหาส่งออกไปจีนตลาดใหญ่ไม่ได้เพราะไวรัสโควิด-19, การกระตุ้นการใช้จ่ายอื่นๆ,การเพิ่มวงเงินกู้ให้แก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว เป็นต้น
ส่วนมาตรการทางการคลังที่รัฐบาลจะต้องทำคือการลดอัตราภาษีหลายๆ ชนิดลงมาพร้อมๆ กันเพื่อเพิ่มปริมาณเงินในตลาด เช่น ชะลอการเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดาออกไป,การยกเว้นค่าธรรมเนียมสินค้าบางประเภทเป็นมาตรการชั่วคราวเป็นต้น รวมไปถึงการลดภาระภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยบางประเภทเพื่อให้เกิดสภาพคล่องในตลาดเป็นการเพิ่มปริมาณเงินสดหมุนเวียนในตลาดให้มีมากกว่าปกติ
สำหรับการแก้ไขภาวะฝนแล้งทั่วประเทศนั้นก็ต้องเร่งเพิ่มมาตรการต่างๆ ได้แก่ การเร่งขุดลอกห้วยหนองคลองบึงเพื่อเตรียมการรองรับจังหวะที่ฤดูฝนใหม่ที่กำลังจะเข้ามาจะทำให้ประเทศมีแหล่งน้ำมากพอใช้ในฤดูกาลเพาะปลูกปีใหม่เป็นการฟื้นฟูสภาวะแห้งแล้งในปี 2562 ที่ผ่านมาด้วย
อีกปัญหาหนึ่งที่จะกอบกู้ภาวะเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดีอยู่ที่การบริหารของธนาคารแห่งประเทศไทยนั่นคือการพิจารณาให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐบาลและธนาคารพาณิชย์ทั้งของไทยและต่างประเทศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ลูกค้าชั้นดีลงมาบ้างเพราะปัจจุบันดอกเบี้ยนโยบายเหลือร้อยละ 1
แต่ธนาคารลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้น้อยลงไปบ้างได้หรือไม่ จากร้อยละ 6.5 หรือ 6.25 ให้เหลือแค่ร้อยละ 5.5 หรือ 5.75 ทำให้ไม่เป็นภาระและเป็นการกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจให้ลูกค้าได้พอลืมตาอ้าปากได้บ้างค่อยขึ้นดอกเบี้ยภายหลัง

ดีกว่านี้ได้อีก!‘โค้ชวัง’ถ่อมช้างศึกยังไม่ท็อปฟอร์ม
'กิตติรัตน์'ท้วง กษ.ควรออกประกาศห้ามเผาป้องกัน PM2.5 ตั้งแต่ ธ.ค.นี้
คอนเฟิร์มแล้ว ดีเจดาด้า เผยรู้มาเป็นปี นานา-เวย์ ไทเทเนียม หย่ากันจริง
เมล็ดพันธุ์ สส.ที่ดี! ‘ปชป.’ภาคกลางเปิดงาน‘เพาะกล้า’คัด สส.
ทบ.ไทยย้ำปฏิบัติการใช้อาวุธมุ่งเฉพาะ'เป้าหมายทางทหาร'ตามหลักมนุษยธรรมสากล

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี