วันจันทร์ ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / เส้นใต้บรรทัด
เส้นใต้บรรทัด

เส้นใต้บรรทัด

จิตกร บุษบา
วันอาทิตย์ ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2563, 02.00 น.
ทำไมไม่ตรวจฟรี ทำไมไม่ปิดเมือง

ดูทั้งหมด

  •  

เวลานี้ ประชาชนมีคำถามเกี่ยวกับการบริหารจัดการสถานการณ์โรคระบาด โควิด-19 อยู่ 2 ประการใหญ่ๆ คือ ทำไมไม่ปิดเมือง ปิดประเทศ กับ ทำไมไม่เอางบประมาณออกมาให้ประชาชนได้ตรวจฟรีๆ

มาหาคำตอบกันครับ


1) นายแพทย์คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ เสนอความเห็นที่น่าสนใจว่า “...เรียนท่านอาจารย์ทุกท่านและท่านรัฐมนตรี ผมเพิ่งประชุมทางไกลกับองค์การอนามัยโลกมาเมื่อคืน เขาเชิญ ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลี มาเล่าประสบการณ์หลังผ่านวิกฤติโคโรนา โดยสรุป ทั้งสี่แห่งใช้มาตรการสายกลาง คือไปหยุดที่ข้อสองไม่ไปถึงสาม

1. การค้นหาผู้ป่วยและแยกรักษา ติดตามกลุ่มเสี่ยงสูงที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยเพื่อแยกดูอาการ มีการติดตามรายวัน เมื่อทำแล้วเห็นว่าไม่พอก็เพิ่มข้อสอง

2. Social distancing และงดการชุมนุมใหญ่ๆ หรือการร่วมตัวใหญ่ๆ ที่การสอบสวนพบว่ามีการระบาด สิงคโปร์ไม่ปิดโรงเรียนเพราะไม่พบมีการระบาด และมีความเห็นสอดคล้องว่าการปิดอาจทำให้เยาวชนไปเจอกันที่อื่น ให้ความรู้ความเข้าใจแบบพอดี ที่เกาหลีมีคนฆ่าตัวตายเพราะสื่อประณามว่ากิจกรรมทางศาสนาที่คุณไปร่วมเป็นต้นเหตุ คุณไม่รับผิดชอบต่อสังคม... แต่ภาคธุรกิจเกาหลีเข้ามาช่วย เทคโนโลยีการตรวจ การติดตาม ที่ญี่ปุ่นมีการประกาศภาวะฉุกเฉินเฉพาะที่ฮอกไกโด เพื่อให้ใช้กลไกรัฐอย่างเต็มที่ ทั้งสี่แห่งกลับสู่ภาวะปกติ

แต่หากทำหนึ่งและสองแล้วยังคุมไม่ได้ก็จะเพิ่มข้อสาม 3.จำกัดการเดินทางให้ทุกคนอยู่ในบ้าน หยุดทุกกิจการ ห้ามการเดินทางออกนอกเขต ทั้งสี่แห่งไม่ต้องใช้

ขั้นที่สามนี้ที่เรียกกันติดปากว่า Lockdown (ปิดเมือง ปิดประเทศ) แต่ประชาชนบางแห่งก็สมัครใจเองเพราะความกังวล จีนแผ่นดินใหญ่ใช้ข้อสามเพราะมาถึงจุดที่เอาไม่อยู่จริงๆ ดังเช่นที่ อู่ฮั่น

องค์การอนามัยโลกกำลังประมวลและให้แต่ละประเทศเข้าใจและเลือกผสมผสาน

ผมเคารพและเข้าใจเจตนาของอาจารย์หลายท่านที่คิดว่าเราต้องกระโดดไปสามเลย ท่านเหล่านี้เป็นคนที่มีส่วนสำคัญนำเราผ่านไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่และอีกหลายวิกฤติ ท่านเกรงว่าเราจะรับมือไม่ทัน นับเป็นความปรารถนาที่ดีและน่ารับฟัง

คำถามสำคัญคือสถานการณ์ของเราใกล้เคียงจีนแผ่นดินใหญ่ อิตาลี หรือยุโรป หรือยัง

ผมไม่มีโอกาสเห็นข้อมูลทั้งหมด ได้แต่ติดตามและสอบถามน้องๆ ระบาดวิทยาที่กรม กอง และจังหวัด คนเหล่านี้ทำงานไม่ได้หลับไม่ได้นอน คนเหล่านี้เป็นมืออาชีพ ที่ไม่ยอมบิดข้อมูลเพื่อเอาใจใคร ถูกฝึกให้ควบคุมโรคระบาดโดยเฉพาะ ได้ทำ model ต่างๆ ทำนายว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากสดับตรับฟัง ผมขอสรุปโดยส่วนตัวว่าเรากำลังตรงกับระยะที่เริ่มการมี community spreading (เดิมอาจเรียกระยะสาม) เฉพาะบางที่ ไม่ใช่ทั้งประเทศ จังหวัดเหล่านี้ เช่น กทม.และปริมณฑล อาจมีอีกบางจังหวัดในภาคใต้ ลักษณะนี้จะใกล้เคียงกับตอนเริ่มต้นของเกาหลี สิงคโปร์ และ ญี่ปุ่น นับว่าเราไวพอเรายังไม่ถึงขั้นจีน หรืออิตาลี หรือสเปน

โดยสรุปผมคิดว่ามาตรการที่ประเทศไทยกำลังทำมีเหตุมีผล มีขั้นตอน มีตัวอย่างอ้างอิง และจะกระทบกระเทือนสังคมที่ยอมรับได้ หากเราทำแล้วไม่ได้ผลเหมือนเกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เราก็สามารถขยับไปขั้นสุดท้ายได้

ผมอยากให้รัฐสภาเชิญทุกพรรคการเมืองมาร่วมฝ่าวิกฤติเหมือนไทยเจอสงคราม อยากให้รัฐบาลกางแผนให้ผู้นำศาสนา ผู้นำธุรกิจ ปราชญ์ชาวบ้าน ว่าเราจะเดินตามนี้นะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของท่านประยุทธ์หรือพรรคใดๆ เป็นเรื่องของคนไทย 68 ล้านคน เราจะได้มีพลังมากขึ้น กราบขออภัยหากผิดพลาด และขอขอบคุณอาจารย์ทุกๆ ท่านครับ”

2) บทความที่ชื่อว่า “ไส้ในของสามยุทธศาสตร์ชาติในการรับมือกับโควิด-19” จากนายแพทย์สันต์ใจยอดศิลป์ อดีตเป็นศัลยแพทย์หัวใจ และเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 2 ระบุว่า ทฤษฎีในวิชาระบาดวิทยามี 3 วิธีที่ช่วยได้ก็คือ

1.ยุทธศาสตร์เฉยไว้ คือไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้โรคดำเนินไป ที่ตายก็ตายไป ที่รอดก็จะเป็นตัวกั้นโรค ไม่ให้ไปถึงคนที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันได้ง่าย พอเวลาผ่านไป 6 เดือน โรคก็จะวิ่งจากระยะเร่งไปสู่ระยะผ่อนอย่างเป็นธรรมชาติ

2.ยุทธศาสตร์หน่วงโรค คือ การทำทุกอย่างให้โรคกระจายตัวช้าลง เช่น เฝ้าระวัง สอบสวน กักกันโรคอย่างขันแข็ง ใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล กักกันตนเอง อยู่ให้ห่างคน ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา กำลังใช้ยุทธศาสตร์นี้อยู่

และ 3. ยุทธศาสตร์ปิดเมือง หรือ Lockdown ก็คือ เป้าหมายขจัดโรคให้หมดไป หรือให้เหลือน้อยที่สุดง่ายๆ ก็คือปิดประเทศ อย่างที่เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน ทำอยู่ตอนนี้แต่ยุทธศาสตร์ปิดเมือง มีการประเมินแล้วว่าถ้าจะนำมาใช้ ทันทีที่หยุดมาตรการปิดเมืองก็จะตามมาด้วยความต้องการใช้เตียงไอซียูที่เกินกำลังจะรับได้อยู่ดี

หมอสันต์ ตั้งคำถามว่า ระบบควบคุมโรคของไทยจะทำให้โรคสงบได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ก็จริง แต่จะต้องตอบคำถามว่าพวกเราพร้อมที่จะปิดประเทศไทยไปนานแค่ไหน เพราะโควิด-19 เป็นโรคระบาดระดับโลก และนานกว่าจะสงบลง ฉะนั้นหากมีการผลิตวัคซีนจะออกมาได้ภายในเวลา 16-18 เดือน ระบบเศรษฐกิจของไทยจะเอื้อให้ปิดประเทศได้นานขนาดนั้นหรือไม่

เรื่องนี้ ดอกเตอร์ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพิ่งแถลงว่า หากรัฐบาลประกาศปิดประเทศเพื่อป้องกันการระบาดไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเสียหายมูลค่าเดือนละ 240,000 ล้านบาท หรือ 8,000 ล้านบาทต่อวัน แบ่งเป็นความเสียหายจากนักท่องเที่ยวที่ไม่สามารถเข้ามาในประเทศไทยคิดเป็นมูลค่า180,000 ล้านบาท หรือ 6,000 ล้านบาทต่อวัน และผลกระทบจากการค้าชายแดนต้องหยุดชะงักลง 60,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 2,000 ล้านบาทต่อวัน

แต่นโยบายจะปิดประเทศหรือไม่ปิดประเทศ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล และต้องให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของชีวิตของประชาชนมากกว่าเศรษฐกิจ

3) ส่วนเรื่องทำไมไม่เอางบประมาณออกมาจ่าย เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจโควิด-19 ฟรี ผมโพสต์ไว้ในเพจ “ปู จิตกร บุษบา” ดังนี้

“...สิ่งที่ต้องเป็นห่วงไม่ใช่เรื่องเงินครับ แต่ประเด็นคือ ใครจะเป็นคนตรวจ ต้องใช้บุคลากรเท่าไหร่รองรับความแตกตื่นของผู้คนที่จะแห่มาตรวจโดยไม่รู้ว่า ตรวจในเวลาที่โรคยังไม่สำแดงตัวก็สูญเปล่า บางคนเพิ่งกลับมาจากแหล่งระบาดโรค ตรวจวันนี้ ไม่มีเชื้อ อีก 5 วัน มีไข้ มาตรวจใหม่ เชื้อเพิ่งแสดง บางคนไปเจอเอาวันที่ 14 โน่น เขาจึงใช้วิธี “โฟกัส” ไปที่กลุ่มเสี่ยง คือกลุ่มที่มาจากแหล่งระบาด หรือมีประวัติว่ามีความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ

โดยเริ่มจากให้ “กักตัวเอง 14 วัน” ถ้ามีอาการต้องสงสัย จึงจะตรวจ และตรวจฟรีไงครับ ต้องเข้าใจว่า การติดเชื้อกับการป่วย ไม่ได้มาคู่กันเสมอไป บางคนติดเชื้อแต่ไม่ป่วยครับ ไม่ต้องรับการรักษาใดๆ เลย ในระหว่างกักตัว ร่างกายกำจัดเชื้อได้เอง ทั้งหมดที่ว่ามา คือ ผู้เข้าข่ายต้องได้รับการตรวจนี้ ตรวจฟรีครับ

สำคัญอย่างยิ่งยวดก็คือ เรามาช่วยกันทำให้ประชาชนเข้าใจเรื่องนี้กันเสียทีเถิดครับว่า ว่าการตรวจไม่ได้บอกว่าท่านจะป่วยหรือไม่ป่วย ทั่วโลก ยังไม่มีเครื่องมือที่จะตรวจได้อย่างแม่นยำขนาดนั้น เพราะมันเป็นโรคอุบัติใหม่ เป็นโรคที่เพิ่งเกิด องค์ความรู้ของมนุษย์เครื่องมือ ยา และวัคซีน ยังอยู่ระหว่างศึกษาวิจัยทั้งสิ้น และเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดทั้งสิ้น จึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง อีกประการคือ ถ้าตรวจแล้วไม่พบ คนก็จะชะล่าใจ ประมาท ว่าฉันตรวจมาแล้ว ฉันไม่ป่วย ซึ่งก็จะสร้างปัญหาตามมาอีก ดีที่สุดคือ เบื้องต้น ทุกคนตั้งสติ หาความรู้เกี่ยวกับการติดต่อ ว่าติดต่อกันอย่างไร

ในระยะนี้ เพื่อความสบายใจและความปลอดภัย

สวมหน้ากากป้องกันละอองฝอยที่จะได้รับทางระบบทางเดินหายใจ ซึ่งใช้ “หน้ากากผ้า” ได้ แต่คนไม่สวมก็ไม่ใช่ฆาตกรนะ เพราะบางคนเขาแพ้ผ้า แพ้เส้นใย การสวมหากทั้งวันเดี๋ยวเอามือไปจับ ไปขยับ ไปเขี่ย ไปดึงโดยที่มือนั้นไม่สะอาด ก็มีค่าเท่ากับเอาผ้าเช็ดมือไปโปะจมูก ดังนั้น หลังสวมหน้ากากแล้ว แน่ใจทุกครั้งว่ามือสะอาดแล้ว ล้างแล้ว จึงค่อยจับ ค่อยขยับหน้ากาก ถอดออกชั่วคราวก็อย่าเที่ยววางส่งเดช แล้วเอากลับมาสวมใหม่ บางทีหน้ากากก็ทำให้คนประมาทได้ เอามือมาจับใบหน้า ยิ่งกว่าเวลาไม่สวมเสียอีก

ถัดมาให้พยายามเว้นระยะห่างจากคนอื่นๆ อย่างน้อย 1 เมตร (หากทำได้) เลี่ยงการไปอยู่รวมกันคนหมู่มากในระบบปิด คือ อากาศไม่ถ่ายเท ใช้อากาศในห้องหรือที่นั้นๆ ร่วมกันกับคนจำนวนมาก

หมั่นล้างมือบ่อยๆ ล้างด้วยสบู่ก็ได้ ผิวไม่แห้งมือไม่ลอกด้วย โดยล้างให้ทั่วหน้ามือ หลังมือ ซอกนิ้ว ปลายนิ้วและข้อมือ ล้างอย่างน้อย 20 วินาที ไม่ต้องวิตกกังวลว่าฉันหาซื้อเจลแอลกอฮอล์ไม่ได้เลย ฉันแย่แน่ๆ

มีแก้วน้ำของตัวเอง ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น หมั่นล้างทำความสะอาด เช่นเดียวกับ “ช้อนกลางส่วนตัว” หรือ “ตะเกียบส่วนตัว” รับประทานแบบแยกโต๊ะ แยกจานได้เลย จะยิ่งดี สำรับใคร สำรับมัน

กินอาหารอุ่นร้อน อาหารเสริม สมุนไพร จำพวก ขิง ข่า ตะไคร้ หากอยู่ในอาหาร กินเข้าไปเถอะ แต่หากแยกกินเป็นการเฉพาะ โดยเฉพาะ ฟ้าทะลายโจร ที่กำลังนิยมกันนั้น ต้องรู้ว่ามัน “มีผลข้างเคียง” ต่อตับและร่างกาย หากได้รับแบบ “ผิดธรรมชาติ” คือ กินเยอะไป อ่านคำแนะนำเรื่องการรับประทานให้ครบถ้วน แล้วปฏิบัติตามให้ถูกต้อง อาหารเป็นแค่ “มาตรการเสริม” ไม่ใช่ “มาตรการหลัก”

กลับจากนอกบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเข้าไปอุ้มลูก กอดแม่ หรือสัมผัสเนื้อตัวกับสมาชิกในบ้าน เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน เพราะไม่รู้ว่าทั้งวันไปถูกไถตรงไหนมาบ้าง ให้ดีกว่านั้นคืออาบน้ำด้วย แยกเสื้อผ้าชุดนั้นออกจากเสื้อผ้าของคนอื่นๆ ซักได้ทันทียิ่งดีใหญ่

หากสามารถอยู่กับบ้านได้ บ้านก็จะเป็นที่ที่เราดูแลความสะอาดและความปลอดภัยได้มากที่สุด หลีกเลี่ยงการจัดหรือเข้าร่วมกิจกรรมที่มีคนมากกว่า 50 คนขึ้นไปมาอยู่รวมกัน

 อยู่ในหมู่บ้านหรือชุมชน ที่ไม่ได้มีใครเดินทางไปไหน และไม่มีคนนอกเดินทางเข้ามา ระหว่างนี้ยังพอสบายใจได้ เพราะไวรัสเดินทางเองไม่ได้ มันต้องมีพาหะ การระบาดในแต่ละที่จึงไม่ได้เกิดในเวลาเดียวกัน อ่านข่าวว่ากรุงเทพฯ มีคนติด เพราะไปผับ ไปดูมวย สงขลามีคนกลับจากมาเลเซีย ตัวอยู่ลำพูน อยู่อุดร อยู่กาฬสินธุ์ ไม่จำเป็นต้องตกใจไปกับเขา

 อยู่อย่างมีสติ รู้ว่าเรากำลังอยู่ที่ไหน พฤติกรรมประจำวันเป็นอย่างไร ปลอดภัยหรือเสี่ยง จดบันทึกได้ยิ่งดีว่าวันนี้ไปไหนมาบ้าง เจอใครบ้าง จะช่วยให้เราทบทวนได้ว่า วันนี้เรามีโอกาสสัมผัสอะไร ใคร อีกประการคือ หากเราติดเชื้อขึ้นมา การให้ความร่วมมือในการสอบสวนโรค ก็จะสมบูรณ์แบบมาก

  ติดตามข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ที่เป็นทางการ แยกให้ออกระหว่างข้อเท็จจริงกับ “ความคิดเห็น”การแถลง หรือเรื่องเล่าที่ไร้ที่มา และใส่ใจกับข้อมูลที่มีแหล่งที่มาให้มาก เขี่ยขยะข้อมูลออกจากชีวิตบ้าง เพราะมันอันตรายยิ่งกว่า “เชื้อไวรัส” มันกัดกินสมองและความมีสติของเราอยู่เสมอ จนอาจเป็นบ้าก่อนป่วยด้วยโรคโควิด-19

 โควิด-19 ป่วยแล้ว รักษาได้ คนรอดมีมากกว่าคนตาย ถ้าทุกคนมีวินัยในการใช้ชีวิตประจำวันช่วงนี้ และมีสติก่อนตื่นตระหนก

อย่าเริ่มต้นจากการโทษผู้อื่น ให้เริ่มต้นจากความรับผิดชอบที่ตัวเราก่อน เปลี่ยนวิธีคิดจาก “กูติดยังวะ” มาเป็น “กูมีสิทธิ์ติดได้เสมอ” ดังนั้น ป้องกันตัวเอง = ป้องกันคนอื่น

4) สำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด คือ การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ถึงเวลาที่จะต้องมีแค่ “แหล่งข้อมูลเดียว”ได้หรือยังครับ ตั้ง “โฆษกโควิด” ขึ้นทำหน้าที่แทน“โฆษกรัฐบาล” งานนี้ต้องการการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่การสื่อสารทางการเมือง แต่เป็นการสื่อสารทางความรู้ ความเข้าใจ ในสภาวะวิกฤติ ผู้คนแตกตื่นไร้สติสื่อยังคงพาดหัวข่าวแรงๆ คนยังคงอ่านแต่พาดหัวข่าวและรับข้อมูลที่ไร้แหล่งที่มามากกว่าข้อมูลทางการ“โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ” น่าจะเป็นเครื่องมือที่ต้องใช้ได้แล้ว

ตอนรัฐประหารยังปิดสื่อไปหลายช่อง และใช้โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจควบคุมข่าวสาร

นี่สถานการณ์รุนแรงกว่าตั้งเยอะ เพิกเฉยอยู่ทำไมไม่ทราบครับ?

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
19:22 น. พื้นที่ลุ่มต่ำเสี่ยงน้ำสูง! ปรับเพิ่มระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา กระทบ 4 จังหวัดท้ายน้ำ
19:09 น. 'สาธิต'ฝากพรรคการเมืองยุคใหม่ ต้องมี'จุดยืน' ไม่ใช่แอบทำอย่างหนึ่ง พูดอีกแบบหนึ่ง
18:58 น. 'มล.รจนาธร'โพสต์ขอบคุณ'ลิซ่า ลลิษา' สวมจิวเวลรีแบรนด์ไทยในลุค After party Emmy Awards
18:56 น. โจรสุดแสบ! บุกขโมยจักรยานร้านก๋วยเตี๋ยว แถมทิ้ง ‘ของเสีย’ ไว้ดูต่างหน้า
18:55 น. สุดแสบ! เมาแล้วมุดมุ้ง หวังลวนลามเมียเพื่อน ผัวเห็นปรี่ต่อยกันนัว
ดูทั้งหมด
น้ำตาคลอทั้งโซเชียล! 'เกลือ'ตั้งคำถาม'ทำไมทหารพรานต้องใส่ชุดดำ' ได้คำตอบสุดสะเทือนใจ
'เป๊ก-เพลง'ไปต่อหรือพอแค่นี้? วงในเมาท์แรงหลังจัดตั้งครม. รู้เรื่อง!
‘ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯทอดพระเนตรการแสดงกายกรรมจากจีน
'พุทธ อภิวรรณ'ชวนจับตา!!! คาดมีข่าวใหญ่ คนดังมีลูกศิษย์ทั่วฟ้าเมืองไทย ถูกสอบโยงผู้หญิง-เงินบริจาค
'เพลง ชนม์ทิดา'ร่ายความในใจ หลังถูกจับตาความสัมพันธ์'เป๊ก เศรณี'
ดูทั้งหมด
กรมพระศรีสวางคว้ฒน วรขัตติยราชนารี กับหน่วยสัตวแพทย์อาสาจุฬาภรณ์ (ตอนที่ 1)
‘หนูกู้ชาติ’ดีกว่า‘เพื่อไทยขายชาติ’
‘พ่อขายฝัน อาขายข้าว ลูกสาวขายชาติ เห็นศัตรูเป็นญาติ เห็นรั้วของชาติเป็นศัตรู’
ประชาชนอนุญาตให้เสียสัตย์
สุ จิ ปุ ลิ : หัวใจของนักปราชญ์ การฟัง การคิด การถาม และการเขียน สำหรับเยาวชนไทยในวันนี้ (1)
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

พื้นที่ลุ่มต่ำเสี่ยงน้ำสูง! ปรับเพิ่มระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา กระทบ 4 จังหวัดท้ายน้ำ

'ปธน.ทรัมป์'เตรียมประกาศเหตุฉุกเฉินระดับชาติในกรุงวอชิงตัน

'สาธิต'ฝากพรรคการเมืองยุคใหม่ ต้องมี'จุดยืน' ไม่ใช่แอบทำอย่างหนึ่ง พูดอีกแบบหนึ่ง

สุดแสบ! เมาแล้วมุดมุ้ง หวังลวนลามเมียเพื่อน ผัวเห็นปรี่ต่อยกันนัว

แห่ซูมโต๊ะไม้สัก 'เสธเบิร์ด' พาลุยฐานปฏิบัติการ'เขมร' ลั่นขอให้โชคดี

เช็กเลย! ปริมาณน้ำตาล ที่บริโภคได้สูงสุดต่อวัน เพื่อหลีกเลี่ยงเป็นโรค NCDs

  • Breaking News
  • พื้นที่ลุ่มต่ำเสี่ยงน้ำสูง! ปรับเพิ่มระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา กระทบ 4 จังหวัดท้ายน้ำ พื้นที่ลุ่มต่ำเสี่ยงน้ำสูง! ปรับเพิ่มระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา กระทบ 4 จังหวัดท้ายน้ำ
  • \'สาธิต\'ฝากพรรคการเมืองยุคใหม่ ต้องมี\'จุดยืน\' ไม่ใช่แอบทำอย่างหนึ่ง พูดอีกแบบหนึ่ง 'สาธิต'ฝากพรรคการเมืองยุคใหม่ ต้องมี'จุดยืน' ไม่ใช่แอบทำอย่างหนึ่ง พูดอีกแบบหนึ่ง
  • \'มล.รจนาธร\'โพสต์ขอบคุณ\'ลิซ่า ลลิษา\' สวมจิวเวลรีแบรนด์ไทยในลุค After party Emmy Awards 'มล.รจนาธร'โพสต์ขอบคุณ'ลิซ่า ลลิษา' สวมจิวเวลรีแบรนด์ไทยในลุค After party Emmy Awards
  • โจรสุดแสบ! บุกขโมยจักรยานร้านก๋วยเตี๋ยว แถมทิ้ง ‘ของเสีย’ ไว้ดูต่างหน้า โจรสุดแสบ! บุกขโมยจักรยานร้านก๋วยเตี๋ยว แถมทิ้ง ‘ของเสีย’ ไว้ดูต่างหน้า
  • สุดแสบ! เมาแล้วมุดมุ้ง หวังลวนลามเมียเพื่อน ผัวเห็นปรี่ต่อยกันนัว สุดแสบ! เมาแล้วมุดมุ้ง หวังลวนลามเมียเพื่อน ผัวเห็นปรี่ต่อยกันนัว
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ว่าด้วยเรื่อง ‘เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา’

ว่าด้วยเรื่อง ‘เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา’

14 ก.ย. 2568

ตามพระบรมราชโองการ

ตามพระบรมราชโองการ

10 ก.ย. 2568

ถามหา ‘ยางอาย’ จาก ‘แพทองธาร’

ถามหา ‘ยางอาย’ จาก ‘แพทองธาร’

7 ก.ย. 2568

กัด กรีด และดีดตัว ออกจาก ‘พรรคเพื่อไทย’

กัด กรีด และดีดตัว ออกจาก ‘พรรคเพื่อไทย’

3 ก.ย. 2568

‘อุ๊งอิ๊งค์’ น้อมรับ แต่ดูเหมือนจะไม่สำนึก

‘อุ๊งอิ๊งค์’ น้อมรับ แต่ดูเหมือนจะไม่สำนึก

31 ส.ค. 2568

‘บ้านหนองจาน’ สมรภูมิรบใหม่ ไทย-กัมพูชา

‘บ้านหนองจาน’ สมรภูมิรบใหม่ ไทย-กัมพูชา

27 ส.ค. 2568

ความกำแหงของ ‘ฮุนเซน’

ความกำแหงของ ‘ฮุนเซน’

24 ส.ค. 2568

‘ไทย-กัมพูชา’ กับสติปัญญาของรัฐบาล

‘ไทย-กัมพูชา’ กับสติปัญญาของรัฐบาล

20 ส.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved