ในทุกวิกฤติจะมีโอกาส
“โอกาส” ในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงพฤติกรรม “ฉวยโอกาสยามวิกฤติ” จำพวกกักตุน โก่งราคาสินค้า ซ้ำเติมความเดือดร้อนของเพื่อนร่วมสังคม
คนพวกนั้น มันเลวชาติยิ่งกว่าไวรัส
แต่ “โอกาส” ในที่นี้ หมายถึง “ช่องว่างทางการตลาด” หรือ “ประตูที่เปิดช่อง” หลังวิกฤติโควิด-19 ผ่านพ้นไปแล้ว พฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องปรับสภาพตัวเองในยามวิกฤติย่อมทำให้เกิดรูปแบบวิถีการบริโภคที่เปลี่ยนไปจากที่เคยเป็นอยู่เดิมก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
ช่วงวิกฤตินั้น อะไร ที่ไม่เคยลอง ก็อาจได้ลอง
อะไร ที่ไม่เคยทำ ก็อาจได้ทำ
เมื่อวิกฤติผ่านไป พฤติกรรมของผู้บริโภคหลายคน จึงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ในช่วงวิกฤติ ที่หลายคนได้พัก ได้อยู่บ้าน ได้นั่งนิ่งๆ ก็อาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะในการคิดวางแผน เตรียมการสำหรับการดำเนินธุรกิจ “หลังวิกฤติผ่านพ้นไป”
วันนี้ ขออ้างอิงถึงข้อมูลที่น่าสนใจมาก จากแฟนเพจ Krungsri Business Empowerment ว่าด้วยเรื่อง “คาดการณ์พฤติกรรมผู้บริโภค หลัง COVID-19” ให้แง่มุมความคิดที่เป็นประโยชน์มาก
สาระสำคัญบางส่วน ดังนี้
“1. ผู้บริโภคจะเสพติดบริการผ่านทางออนไลน์
แน่นอนว่าจากเดิมที่เคยช็อปปิ้งผ่านออนไลน์ สั่งอาหารผ่านออนไลน์อยู่แล้ว จากเหตุการณ์ในช่วงนี้ที่บังคับให้ผู้บริโภคจำเป็นต้องสั่งถี่ขึ้น บ่อยขึ้น ใครที่ไม่เคยสั่งก็ต้องสั่ง ใครไม่เคยโหลดแอพก็ต้องโหลด และเมื่อผู้บริโภคคุ้นชินพฤติกรรมเหล่านี้ แน่นอนว่าหลังจบจากความตื่นตระหนกแล้ว พวกเขาก็จะรู้จักการใช้บริการผ่านออนไลน์มากขึ้น และเสพติดกับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่ซื้อได้โดยไม่ต้องเลือกสรร สินค้าที่นำหน้าด้วยแบรนด์ เช่น น้ำตาล ข้าวสาร เสื้อผ้าแบรนด์เนม
ไม่เพียงเท่านี้ผู้บริโภคยังจะเสพติดกับการชมภาพยนตร์ออนไลน์ เรียนหนังสือผ่านระบบ e-learning หรือแม้แต่การประชุมสายผ่านระบบ conference call
ดังนั้น สิ่งที่แบรนด์ควรรับมือคือ การเข้าถึงสื่อออนไลน์เหล่านี้ แม้ว่าปัจจุบันแบรนด์อาจจะใช้ช่องทางเหล่านี้ในการสื่อสารแล้ว แต่แบรนด์อาจจะต้องเพิ่มบริการ เช่น การซื้อขายสินค้าบนออนไลน์อย่างจริงจัง หรือถ้าแบรนด์มีการขายสินค้าอยู่แล้ว ก็อาจจะรุกให้หนักยิ่งขึ้น และเพิ่มบริการอื่นๆ ที่จะทำให้แบรนด์ของเราสามารถเอาชนะคู่แข่งได้บนโลกออนไลน์
บริษัทที่จัดงานสัมมนา อาจจะต้องมองหารูปแบบของการนำเสนอความรู้ เรื่องราวใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค ผ่านช่องทางออนไลน์ที่ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รับความสะดวกสบาย แต่พวกเขายังต้องได้รับความรู้ตามที่คาดหวังไว้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้การเปลี่ยนจากงานสัมมนาเป็นงาน
อีเว้นท์ด้วยการถ่ายทอดสดผ่านออนไลน์คงจะไม่เวิร์กอีกต่อไป แต่จะต้องมีบริการอื่นที่ให้มากกว่านั้นอีกด้วย
2. ผู้บริโภคจะเลือกมากขึ้นในการใช้ชีวิตนอกบ้าน
เมื่อทุกอย่างสามารถเสิร์ฟผู้บริโภคได้ถึงประตูบ้าน ในราคาที่เหมาะสมแล้วจะด้วยเหตุอันใดพวกเขาจึงจะต้องเสียเวลาเดินทางออกมาข้างนอก เพื่อจ่ายเงินในราคาที่เท่ากันหรือแพงกว่า เชื่อว่าต่อไปนี้ในการออกเดินทางแต่ละครั้งผู้บริโภคจะเลือกมากขึ้น การเดินทิ้งเวลาในห้างสรรพสินค้าอย่างไร้จุดหมายอาจจะลดน้อยลง หรือถ้าจะให้กลับมาเป็นเช่นเดิมก็อาจจะใช้เวลานาน ดังนั้นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านค้า หรืองานอีเว้นท์ งานสัมมนา ก็อาจจะต้องคิดให้มากขึ้นว่า ถ้าจะดึงผู้บริโภคให้ลุกออกมาจากบ้านได้นั้น แบรนด์ของเรา ร้านค้าของเราจะต้องมีอะไรดี มีอะไรคุ้มค่ามากกว่าแอร์เย็น อาหารอร่อย ราคาย่อมเยา
เพราะเชื่อว่าหลังจบเหตุการณ์ไวรัสระบาดนี้แล้ว จะมีงานอีเว้นท์เกิดขึ้นมากมาย ร้านอาหารลดราคากระหน่ำ ทุกแบรนด์ต้องพยายามดึงผู้คนออกมาจากบ้าน ถ้าแบรนด์ของคุณเป็นหนึ่งในนั้น ต้องหันกลับมาพิจารณาอย่างเร่งด่วนว่า เราจะต้องเตรียมตัวอะไรตั้งแต่วันนี้ เพื่อพร้อมสำหรับการแข่งขันอันดุเดือดที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
3. ผู้บริโภคจะใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น
ข้อดีอย่างหนึ่งของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 คือ ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพอนามัยของตัวเอง และความรับผิดชอบที่มีต่อสังคม เหมือนเป็นการต่อยอดจากเทรนด์การรักสิ่งแวดล้อมเมื่อปีที่ผ่านมา ในปีนี้คนจำนวนไม่น้อยมองว่า การรับผิดชอบตัวเองต่อสังคมคือเรื่องดี ผู้ที่ดูแลสุขภาพของตัวเองและผู้อื่นคือผู้ที่ควรยกย่อง แบรนด์ที่ใส่ใจกับสุขภาพของคนในองค์กร และสังคมคือแบรนด์ที่ควรได้รับการยกย่อง และแน่นอนว่าทั้งหมดนี้จึงทำให้สุขภาพของตนเอง และผู้อื่นคือเรื่องใหญ่ของสังคมในอนาคตอันใกล้
แบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้โดยตรงจะพบกับคู่แข่งมหาศาล แค่ ณ ปัจจุบันก็มีหลายแบรนด์แข่งกันขายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และรักษาสุขภาพกันมากมาย แบรนด์ที่เคยทำอยู่ก่อนแล้ว จู่ๆ ก็มีคู่แข่งเกิดขึ้นมาเป็นร้อยแบรนด์ ทั้งแบรนด์เล็กและใหญ่ คำถามคือ เมื่อวิกฤติไวรัส COVID-19 จบแล้ว เราจะปรับตัวกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปได้อย่างไร
ร้านอาหารจะต้องมีอุปกรณ์ทำความสะอาดมือ เครื่องฟอกอากาศกลายเป็นสิ่งจำเป็น อาหารสุขภาพอาจจะกลายเป็นเทรนด์ใหญ่ในสิ้นปีนี้ งานอีเว้นท์ที่มีมาตรฐานอาจจะต้องคอยดูแลเรื่องการแพร่ระบาดของโรคภัยเมื่อมีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวอยู่ด้วยกัน…”
น่าคิดว่า... หลังวิกฤติโควิด-19 จะมีธุรกิจแบบไหน ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปบ้าง?
ในช่วงที่ได้พักนี้ บางคนที่มองเห็นโอกาส อาจเป็นช่วงเวลาเตรียมพร้อมอย่างตื่นรู้และเบิกบาน
เมื่อประตูบานหนึ่งปิด ประตูแห่งโอกาสบานอื่นๆ ก็เปิดขึ้น
ขอเป็นกำลังใจให้สำหรับทุกคนที่มีใจสู้ และมีสายตาที่มองเห็น “โอกาส” ในทุกอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาเป็นเพียงบททดสอบ
แล้วเราจะผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี